Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
นักธุรกิจเกลียดการเมือง .....ลม เปลี่ยนทิศ......ไทยรัฐ..วันนี้  

กลับมารายงานตัวตามปกติแล้วครับ ติดตามข่าวคราวบ้านเมืองยามนี้แล้วก็ได้แต่หดหู่ใจ เมืองไทยไม่ต้องมีศัตรูที่ไหนมาทำลาย  แต่คนไทยกำลังเผาบ้านตัวเอง ทำลายประเทศตัวเองทุกวัน จากฝีมือของ "นักการเมืองเห็นแก่ตัวเพียงหยิบมือ" ประเทศไทยหายนะเมื่อไร คนไทยทุกคนก็หายนะด้วย อยากให้คนไทยทุกคนคิดกันให้ดี

วันนี้ผมขอปรบมือดังๆให้กับ คุณดุสิต นนทะนาคร ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ที่ออกมาเป็น "ตัวแทนพลังเงียบ" ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ พูดเสียงดังให้สังคมไทยได้รับรู้อะไรกำลังจะเกิดขึ้นกับประเทศไทยของเราทุกคน

คุณดุสิต พูดคุยกับ "ทีมข่าวเศรษฐกิจไทยรัฐ" ในฉบับวันจันทร์ยาวเหยียด  และตอบคำถามอย่างฉะฉานน่าชื่นชม  เมื่อถามว่า "วันนี้นักธุรกิจกลัวอะไรมากที่สุด"  คุณดุสิตตอบชัดถ้อยชัดคำว่า "อย่าถามว่ากลัวปัญหาการเมืองหรือไม่ แต่อยากบอกว่า  'เกลียดที่สุด' จะดีกว่า"

ความรู้สึกเกลียดการเมืองของคุณดุสิต เป็นความรู้สึกของคนไทยอีกจำนวนมาก เพราะการเมืองไทยในปัจจุบัน มีแต่นักการเมืองที่เห็นแก่ตัว มุ่งกอบโกยเงินงบประมาณเพื่อผลประโยชน์ตัวเองทุกอย่าง ไม่คิดถึงอนาคตของประเทศชาติ แม้แต่อนาคตของลูกหลานตัวเอง ขอเพียงได้เงินเข้ากระเป๋าเท่านั้น

ผมเห็นด้วยกับ คุณดุสิต ว่า วันนี้มีแต่พวกที่เข้ามาเพื่อตักตวงผลประโยชน์ของตัวเอง บั่นทอนประเทศ บั่นทอนเศรษฐกิจ ในที่สุดจะทำให้ลูกหลานเราไม่มีอนาคตและอยู่ต่อไปไม่ได้ ประเทศชาติก็พัง

"ผมและนักธุรกิจก็พังไปด้วย ถึงจะเป็นนักธุรกิจ ก็ไม่ใช่ว่าจะหนีจากประเทศไทยไปได้ เพราะนี่คือบ้านของผม ครอบครัวผมอยู่ที่นี่ ดังนั้น ทุกคนจึงต้องพยายามทำให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้ นักธุรกิจก็ทำธุรกิจไปให้ได้ เพื่อให้เศรษฐกิจสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้ อย่าไปสนใจว่าใครหรืออะไรจะเป็นอย่างไร"

เป็นเรื่องที่คนไทยทุกคนต้องช่วยกันคิดครับ บ้านเมืองต้องมาก่อน เรื่องส่วนตัวไว้ทีหลัง ทำไมคนไทยจะต้องรบกันเองเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของนักการเมือง

ปัญหา "มาบตาพุด" ที่ยังคาราคาซัง เพราะระบบการบริหารจัดการที่ไม่เอาไหนของ รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่มีแต่ "รัฐมนตรีตัวแทน" ไปนั่งเป็นรัฐมนตรีในกระทรวงสำคัญ แต่ทำงานไม่เป็น เอาแต่เปิดป้ายจัดงานสนุกๆไปวันๆ จนต่างชาติขู่จะถอนการลงทุนจากประเทศไทย หากไม่มีความคืบหน้าที่รวดเร็ว ก็เป็นปัญหาใหญ่ของชาติไม่แพ้เรื่องการเมือง

คุณดุสิตฟันธงว่า ถ้าแก้ไม่จบ นักลงทุนจะหายไปจากประเทศไทยในอีก 4-5 ปีแน่ และยกคำพูดของ โปรเฟสเซอร์ ฟินน์ อี.คิดแลนด์ นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบลที่ไปบรรยายที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยให้ฟังว่า

"หากประเทศใดสูญเสียความเชื่อมั่นในนโยบายรัฐไปแล้ว จะใช้เวลากู้คืนอีก 20 ปีก็ไม่กลับมา เพราะเป็นเรื่องยากมากที่จะสร้างความเชื่อมั่นที่เสียไปแล้วกลับคืนมาได้ และหากใครมีนโยบายหรือวิธีการเอาทุนกลับมาได้ เขาคนนั้นน่าจะได้รางวัลโนเบล"

คำพูดนี้ผมอยากให้คนไทยได้รับรู้ในวงกว้าง การก่อความรุนแรงทางการเมืองจนทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อประเทศไทยให้เสียไป นั่นคือความหายนะของชาติ ใครร่วมด้วยก็เท่ากับทำลายตัวเอง ทำลายอนาคตตัวเอง

ผมเห็นด้วยกับคุณดุสิตว่า อย่าคิดว่านักลงทุนญี่ปุ่นไปลงทุนที่อื่นแล้วจะลำบาก หรือมีเงินลงทุนที่ไทยจำนวนมากแล้ว จะไม่กล้าถอนการลงทุนออกไป ถ้าแก้ปัญหามาบตาพุดไม่ได้ เขาไปจริงๆ

วันนี้อย่าว่าแต่นักลงทุนต่างชาติเลย แม้แต่นักธุรกิจไทย บริษัทคนไทยเอง ก็เริ่มมีความชัดเจนที่จะตัดสินใจไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน

ผมหวังว่า นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะลงมาแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองอย่างรวดเร็ว แทนการสั่งตามสายงานที่ล่าช้า ผู้นำจะเก่งหรือไม่เก่ง เขาวัดกันที่การแก้ปัญหานี่แหละ.

"ลม เปลี่ยนทิศ"

http://www.thairath.co.th/column/pol/thai_remark/63956

จากคุณ : sao..เหลือ..noi
เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 07:51:34 A:58.8.170.163 X:




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com