Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
อัยการสั่งยึดทรัพย์ทักษินทั้งหมด 7.6 หมื่นล้าน+ดอก  

ข่าวภาคภาษาไทย

ลุ้นริบ7.6หมื่นล.+ดอกเบี้ย

อัยการยื่นแถลงปิดคดียึดทรัพย์ "ทักษิณ-พจมาน" 7.6 หมื่นล้าน ย้ำชัดตั้งนอมินีรับโอนหุ้นบังหน้าเข้านั่งเก้าอี้นายกฯ แถมออก 5 นโยบายเอื้อธุรกิจชินคอร์ป ทำสังคมส่วนรวมเสียหายร้ายแรง "หญิงอ้อ" ร้องค้านยก 16 ประเด็นสู้ ยันซื้อขายหุ้นทุกขั้นตอนถูกกฎหมาย

ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง วันที่ 9 ก.พ. พนักงานอัยการและทนายความของคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ยื่นแถลงปิดคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งศาลฎีกาฯ นัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 26 ก.พ. เวลา 13.30 น.

คำแถลงปิดคดีของอัยการระบุว่า คดีนี้อัยการร้องขอให้ทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติ ได้มาจากการกระทำที่เป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวมของ พ.ต.ท.ทักษิณให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน สืบเนื่องจากขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 2 วาระ ลงวันที่ 9 ก.พ. 44 และวันที่ 9 มี.ค. 48 ได้ปกปิดการถือหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จำนวน 1,419,490,150 หุ้น เป็นเงินจำนวน 76,621,603,061.05 บาท ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคลและประโยชน์ส่วนรวม เป็นกรณีได้ทรัพย์สินมาโดยไม่สมควร สืบเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่อันเป็นการร่ำรวยผิดปกติ คิดเป็นจำนวนกว่าร้อยละ 48 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดที่จำหน่ายได้ ที่ผู้ถูกกล่าวหาและคู่สมรสยังเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่แท้จริงโดยปกปิดและอำพรางหุ้นไว้ ในชื่อนายพานทองแท้ ชินวัตร น.ส.พินทองทา ชินวัตร น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ เป็นผู้ถือหุ้นแทน

ในประเด็นข้อกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 81 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาความอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2542 มาตรา 35 และข้อกำหนดเกี่ยวกับการดำเนินคดีของศาลฎีกาฯ พ.ศ.2543 ข้อ 27 กำหนดให้ผู้ถูกกล่าวหาและผู้คัดค้านมีภาระการพิสูจน์ว่าทรัพย์สินที่อัยการสูงสุดร้องขอให้ตกเป็นของแผ่นดิน มิได้เกิดจากการร่ำรวยผิดปกติ หรือมิได้เป็นทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นผิดปกติ

ในส่วนประเด็นข้อเท็จจริงแยกได้ 2 ประเด็นคือ การปกปิดอำพรางหุ้นชินคอร์ปกับหุ้นบริษัทอื่นๆ พ.ต.ท.ทักษิณ ในฐานะนายกรัฐมนตรี ได้ปกปิดอำพรางการถือหุ้นบริษัทชินคอร์ป ซึ่งบริษัทชินคอร์ปเป็นบริษัทที่ได้รับสัมปทานในกิจการโทรคมนาคมจากรัฐ เมื่อ คตส.ตรวจสอบการถือครองหุ้น พบว่าบริษัทชินคอร์ปได้รับสัมปทานโครงการดาวเทียมจากรัฐตามสัญญา ดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ ลงวันที่ 11 ก.ย. 43 และบริษัทชินคอร์ปยังเป็นผู้ถือหุ้นร้อยละ 42.90 ในบริษัทเอไอเอส

นอกจากนั้น บริษัทเอไอเอสยังเป็นผู้ถือหุ้นร้อยละ 90 ในบริษัทดิจิตอลโฟน และบริษัทชินคอร์ปยังเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ชินแซทเทลไลท์ ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณขณะเป็นนายกรัฐมนตรียังคงไว้ซึ่งหุ้นบริษัทชินคอร์ป ก่อนเป็นนายกรัฐมนตรีได้ถือหุ้น 32,920,000 หุ้น ขณะที่นางพจมานถือหุ้น 34,650,000 หุ้น ปี 42 มีการเพิ่มทุน ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณมีหุ้นเพิ่มเป็น 65,840,000 หุ้น นางพจมานมีหุ้น 69,300,000 หุ้น รวมหุ้นทั้งสองคิดเป็นจำนวน 48.75% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ต่อมาทั้งสองมีการโอนหุ้นบริษัทและบุคคลอื่นเมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 42

สรุปได้ว่า ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณขณะเป็นนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน มีผู้ถือหุ้นแทน 1.นายพานทองแท้ จำนวน 458,550,000 หุ้น, 2.น.ส.พินทองทา จำนวน 604,600,000 หุ้น, 3.นายบรรณพจน์ จำนวน 336,340,150 หุ้น และ 4.น.ส.ยิ่งลักษณ์ จำนวน 20,000,000 หุ้น รวมทั้งสิ้น 1,419,490,150 หุ้น

โดยการซื้อหุ้นเพิ่มทุนของนายบรรณพจน์ รวมถึงการโอนหุ้นให้แก่นายพานทองแท้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และนายบรรณพจน์นั้น เชื่อว่าไม่มีการซื้อขายกันจริง แต่เป็นการทำให้บุคคลอื่นเชื่อว่ามีการซื้อขายเท่านั้น และตั๋วสัญญาใช้เงินเชื่อว่าเป็นการจัดทำขึ้นภายหลัง หุ้นดังกล่าวยังคงเป็นของ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน

บริษัท แอมเพิลริชฯ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณถือหุ้นแต่เพียงผู้เดียว ได้ระบุว่า ได้ขายหุ้นของบริษัทให้แก่นายพานทองแท้ ในราคา 1,000,000 เหรียญสหรัฐ เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 43 มีเพียงหนังสือของนายพานทองแท้โดยลำพังเท่านั้นที่แจ้งต่อ ก.ล.ต. ซึ่งเป็นระยะเวลายาวนานถึง 6 ปี จึงมีการมาแจ้ง แต่เมื่อ ก.ล.ต.ตรวจสอบพบข้อเท็จจริงเพียงว่า นายพานทองแท้ที่ยอมรับว่าได้ซื้อและเข้าถือหุ้นแทน พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ไม่มีหลักฐานการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลง ที่สนับสนุนว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้โอนหุ้นให้แก่นายพานทองแท้จริง

สอดคล้องกันกับการตรวจสอบของดีเอสไอและ ก.ล.ต.ที่มีหลักฐานว่า บริษัท วินมาร์ค จำกัด เป็นนิติบุคคลอำพราง การถือหุ้น หรือนอมินีของ พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมาน เมื่อหุ้นชินคอร์ปที่ถือโดยบริษัท แอมเพิลริชฯ และหุ้นชินคอร์ปที่ถือโดยบริษัทวินมาร์คฯ มาฝากรวมกันที่ธนาคารซิตี้แบงก์ สาขา กทม. เมื่อวันที่ 21 ส.ค. 44 จึงทำให้หุ้นมีมูลค่าเกินกว่าร้อยละ 5 ของจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้ว แสดงว่าในเดือน ส.ค.44 พ.ต.ท.ทักษิณยังเป็นเจ้าของบริษัท แอมเพิลริชฯ อยู่ ที่อ้างว่าได้โอนขายให้แก่นายพานทองแท้เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 43 นั้นฟังไม่ขึ้น ซึ่งการชำระเงินค่าซื้อขายหุ้นเป็นการจ่ายเงินผ่านบัญชีของคุณหญิงพจมานทั้งสิ้น

ดังนั้น หลักฐานจากการไต่สวนหุ้นบริษัทชินคอร์ปจำนวนกว่าร้อยละ 48 ที่จำหน่ายได้ ยังเป็นของ พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมาน ที่มีผู้มีชื่อดังกล่าวถือหุ้นไว้แทน การที่ พ.ต.ท.ทักษิณดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 2 วาระนั้น ยังคงถือหุ้นบริษัทชินคอร์ปจำนวน 1,419,490,150 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 48 ของจำนวนหุ้น และ พ.ต.ท.ทักษิณไม่แสดงรายการหุ้นดังกล่าวแก่ ป.ป.ช. ต่อมาวันที่ 23 ม.ค. 49 พ.ต.ท.ทักษิณได้ขายหุ้นให้แก่กลุ่มเทมาเส็กของประเทศสิงคโปร์ โดยมีบริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด และบริษัท แอสแพน โฮลดิ้งส์ จำกัด เป็นผู้ซื้อจำนวน 69,722,880,932.05 บาท และตั้งแต่ปี 46-48 บริษัทชินคอร์ปได้จ่ายเงินปันผลเป็นเงิน 6,898,722,129 บาท รวมเป็นเงินที่ได้รับจากหุ้นทั้งหมดจำนวน 76,621,603,061.05 บาท ทรัพย์ดังกล่าวเป็นการได้มาโดยไม่สมควร

นอกจากนี้ จากพยานหลักฐานยังฟังได้ว่า บริษัท วินมาร์คฯ และบริษัท แอมเพิลริชฯ เป็นของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยให้บุตรและเครือญาติถือหุ้นแทน โดยการซื้อขายกันนั้นเป็นราคาต้นทุนที่ซื้อขายต่ำกว่าราคาตลาดเป็นอันมาก และการซื้อขายจะไม่มีการชำระเงินจากผู้ซื้ออย่างแท้จริง แต่จะใช้วิธียืมเงินผู้ขายหรือออกตั๋วสัญญาใช้เงิน โดยเงินปันผลทั้งหมดต้องส่งคืนให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมานทั้งหมด

ระหว่างที่ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ยังได้เอื้อประโยชน์แก่บริษัทชินคอร์ปและบริษัทในเครือ 5 กรณี คือ 1.การแปลงค่าสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต 2.การแก้ไขสัญญาอนุญาตให้ดำเนินกิจการบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ฉบับลงวันที่ 27 มี.ค. 33 (ครั้งที่ 6) เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 44 ปรับลดอัตราส่วนแบ่งรายได้จากให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบใช้บัตรจ่ายเงิน 3.การแก้ไขสัญญาอนุญาตให้ดำเนินกิจการบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ฉบับลงวันที่ 27 มี.ค. 33 (ครั้งที่ 7) เมื่อวันที่ 20 ก.ย. 45 เพื่ออนุญาตให้ใช้เครือข่ายร่วม (Roaming) และให้หักค่าใช้จ่ายจากรายรับและกรณีการปรับลดอัตราค่าใช้เครือข่ายร่วม เป็นการเอื้อประโยชน์แก่บริษัทชินคอร์ปและบริษัทเอไอเอส

4.ละเว้นอนุมัติส่งเสริม สนับสนุนธุรกิจดาวเทียม ตามสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศโดยมิชอบหลายกรณีเพื่อเอื้อประโยชน์แก่บริษัทชินคอร์ปและบริษัท ชินแซทฯ 5.กรณีอนุมัติให้รัฐบาลพม่า กู้เงินจำนวน 4,000,000,000 บาท จากธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) เพื่อนำไปซื้อสินค้าและบริการของบริษัทชินแซทฯ

มาตรการเอื้อประโยชน์ธุรกิจบริษัทชินคอร์ปทั้ง 5 ประการ ล้วนแต่มีลักษณะไม่สมเหตุผล บิดเบือนหลีกเลี่ยงขั้นตอนการตรวจสอบของกฎหมาย สร้างความเสียหายต่อส่วนรวมอย่างร้ายแรง จนทำให้วินิจฉัยได้ว่าเป็นประโยชน์โดยมิชอบที่ฝ่ายบริหาร ที่ พ.ต.ท.ทักษิณดูแลรับผิดชอบ จงใจเอื้อประโยชน์แก่ธุรกิจของตนโดยเฉพาะ ในส่วนผู้คัดค้านทั้ง 22 คน การไต่สวนของศาล กรณีทรัพย์สินตามที่ คตส.สั่งอายัดไว้จำนวน 73,667,987,902.60 บาท พร้อมดอกผล ซึ่งได้รับแจ้งยืนยันสามารถอายัดเงินและทรัพย์สินไว้ได้บางส่วน รวมเป็นเงิน 66,762,927,024.25 บาทนั้น ผู้คัดค้านต่างเบิกความประกอบการไต่สวนว่า เป็นทรัพย์สินที่ได้รับจาก พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมาน ตามที่ คตส.มีมติเป็นทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติ และให้ร้องขอศาลสั่งให้ตกเป็นของแผ่นดินคดีนี้จริง จึงขอศาลมีคำสั่งให้ผู้ครอบครองทรัพย์สินดังกล่าว ส่งเงินหรือทรัพย์สินที่ คตส.อายัดไว้แก่กระทรวงการคลัง

ด้วยเหตุผลดังกล่าว จึงขอศาลโปรดพิจารณามีคำสั่งยกคำคัดค้านของ พ.ต.ท.ทักษิณ และผู้คัดค้าน และสั่งให้ทรัพย์สินจำนวน 76,621,603,061.05 บาท พร้อมดอกผลอันเป็นทรัพย์สินที่ พ.ต.ท.ทักษิณได้มาจากการกระทำ ที่เป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวม และได้มาโดยไม่สมควร สืบเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่อันเป็นการร่ำรวยผิดปกติ ตกเป็นของแผ่นดินตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจรติ พ.ศ.2542 มาตรา 81 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาความอาญา ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2542 มาตรา 33, 35

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คำแถลงปิดคดีของฝ่ายพนักงานอัยการมีจำนวน 121 หน้า โดยมีนายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร, นายวินัย ดำรงมงคลกุล อธิบดีอัยการฝ่ายทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ, นายนันทศักดิ์ พูลสุข อธิบดีอัยการฝ่ายช่วยเหลือทางกฎหมาย, นายสุรศักดิ์ ตรีรัตน์ตระกูล รองอธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ และนายวิโรจน์ ศรีดุษฎี อัยการจังหวัดประจำกรมสำนักงานคดีพิเศษ เป็นผู้เรียบเรียง

ขณะที่นายสมพร พงษ์สุวรรณ ทนายความของคุณหญิงพจมาน ได้ยื่นคำแถลงปิดคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณเช่นกัน โดยนายสมพรกล่าวว่า ได้ยื่นแถลงปิดคดีทั้งหมด 16 ประเด็น เป็นการหักล้างข้อกล่าวหาของอัยการสูงสุด ผู้ร้องและประเด็นนำสืบต่างๆ ซึ่งตนมั่นใจในพยานหลักฐานที่ได้นำสืบในชั้นไต่สวนของศาลมีน้ำหนักเพียงพอ ทั้งประเด็นทรัพย์สินที่ผู้ร้องขอให้ยึดทรัพย์คุณหญิงพจมาน จำนวนกว่า 1 พันล้านบาทเศษ ประกอบด้วย เงินสด เงินฝาก และพันธบัตรนั้น เป็นทรัพย์สินที่มีมาก่อนที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะเป็นนายกรัฐมนตรี รวมทั้งการซื้อขายหุ้นชินคอร์ปถูกต้องตามกฎหมาย

เป็นที่น่าสังเกตว่า ในคำแถลงปิดคดีของคุณหญิงพจมานครั้งนี้ ในประเด็นข้อกล่าวหาที่ว่าเงินปันผลที่ น.ส.พินทองทา ได้รับจาก บ.ชินคอร์ป แล้วส่งให้ พ.ต.ท.ทักษิณ จำนวน 485,829,800 โดยทำเป็นจ่ายค่าซื้อหุ้น บ.อสังหาริมทรัพย์ 5 บริษัท จาก บ.วินมาร์ค จำกัด โดยใช้ชื่อ น.ส.พินทองทา เป็นผู้ถือหุ้นแทน พ.ต.ท.ทักษิณนั้น มีพยานเอกสารของนายมาห์มูด โมฮัมหมัด อัล อันซารี ซึ่งเป็นคำชี้แจงโดยรับรองจากศาลดูไบ ยืนยันว่า นายมาห์มูด เป็นเจ้าของ บ.วินมาร์คฯ ที่แท้จริงเพียงผู้เดียว และได้ซื้อหุ้นกลุ่มบริษัทของครอบครัวชินวัตรที่ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จาก พ.ต.ท.ทักษิณ ในปี 2543 และได้รับการโอนหุ้นมาจากธนาคาร UBS AG สาขาสิงคโปร์ในปี 2544 บ.วินมาร์คฯจึงไม่ได้เป็นของ พ.ต.ท.ทักษิณ ผู้ถูกร้องและผู้คัดค้านที่ 1 และ น.ส.พินทองทา ไม่เคยส่งเงินปันผลคืนให้กับผู้คัดค้านที่ 1 โดย น.ส.พินทองทาเบิกความว่า นำไปฝากในบัญชีและนำไปใช้สอย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 10 ก.พ. เวลา 10.00 น. นายกิตติพร อดุลยรัตน์ ทนายความของนายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา จะเข้ายื่นคำแถลงปิดคดีต่อศาลฎีกาฯ เช่นกัน ส่วนนายบรรณพจน์ได้ยื่นคำแถลงปิดคดีไปแล้วเมื่อวันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา.

http://www.thaipost.net/news/100210/17720

จากคุณ : iamdanai
เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 15:37:48 A:202.12.118.61 X:




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com