 |
ความคิดเห็นที่ 13 |
แอมเพิลริช ที่หมู่เกาะเวอร์จิ้น ดินแดนฟอกเงินชื่อกระฉ่อนโลก
>เปลว สีเงิน แฉ เรื่อง โคตร - ระ - กรณี แอมเพิลริช บริษัทที่ ทักษิณ >แอบไปตั้งไว้ที่หมู่เกาะเวอร์จิ้น ดินแดนฟอกเงินชื่อกระฉ่อนโลก >ก่อนที่จะโอนหุ้นชินคอร์ปเข้าไปพัก แล้วขายกลับให้ลูกชาย-ลูกสาว >ในราคาเพียงหุ้นละ 1 บาท ก่อนที่ เทมาเส็ก จะเข้ามาซื้อเพียง 1 วันทำการ >โดยที่ ก.ล.ต.ได้แต่ทำตาปริบๆ ไม่สังเกตเห็นความผิดปกติใดๆ เลย > > ความไม่ชอบมาพากลของการขายหุ้นชินคอร์ป ให้กับกลุ่มทุนสิงคโปร์ มูลค่า >73,300 ล้านบาท ถูกเปิดเผยออกมาทีละเปลาะๆ ล่าสุด เปลว สีเงิน >คอลัมนิสต์ชื่อดังของหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ได้เขียนบทความ ในคอลัมน์ >คนปลายซอย หน้า 5 ฉบับวันที่ 27 มกราคม 2549 เรื่อง >บริติชเวอร์จิ้นไอส์แลนด์ส โดยอ้างข้อมูลจากเว็บไซต์ของนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ >อดีต ส.ส.บัญชีพรรคประชาธิปัตย์ แฉถึงเบื้องหลังที่บริษัท แอมเพิลริช >ขายหุ้นชินคอร์ป ให้นายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร ในราคาเพียงหุ้นละ >1 บาท ก่อนที่จะขายต่อให้บริษัทในเครือเทมาเส็กของสิงคโปร์เพียง 1 วันทำการ > > รายละเอียดในบทความ มีดังนี้ > > ก็เกิดรายการ "ซุกหุ้น ภาค อภิชาตบุตร" >อันต่อเนื่องจากภาคแรกที่เรียกว่า "ภาคอภิชาตบิดา" ขึ้นแล้ว >ก็ต้องถือว่าเป็นความดีความชอบต่อแผ่นดินของ "คุณกอร์ปศักดิ์ >สภาวสุ" > ที่นำหลักฐานชัดในประเด็นนี้มาบอกกล่าวกับสังคม > > กว่า 73,000 ล้านบาท เป็นรายได้จากการซื้อขายหุ้นในตลาด >และไม่ต้องเสียภาษี > > พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ท่านบอกว่าเป็นความถูกต้อง-ชอบธรรม >ตามกติกาสากลนิยม ใครก็อย่าไปอิจฉา > > แต่คราวนี้เงิน 15,883.9 ล้านบาท ในจำนวน 73,000 ล้านบาท >ที่นายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร ขายหุ้นชินคอร์ปให้เทมาเส็กไปนั้น >ถูกจับได้-ไล่ทันว่า > ส่วนหนึ่ง "ที่มาของหุ้นและเงิน" >มีปัญหาขึ้นแล้ว > > จะทำไงดีล่ะ..คราวนี้? > > ถ้าทางการสืบสาวราวเรื่องกันไปจริงๆ เผลอๆ จะต้องโทษอาญาทั้งพ่อและลูก >นับเป็นเรื่องน่าสงสารนักสำหรับเด็กๆ คือ "ลูกทั้งสอง" >ที่อาจต้องรับโทษจากกรรมที่ผู้ใหญ่เอาชีวิตลูกมาสร้างความถูกให้ตัวเอง > > "บาปสุจริต" มันจะติดตัวลูก! > > เอ่ยชื่อ "กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ" คงทราบกันนะครับ ท่านคืออดีต >ส.ส.ประชาธิปัตย์ และท่านติดตามเรื่องซุกหุ้น และเรื่องธุรกิจครอบครัวนายกฯ >มาตลอด เมื่อปี 2547 ท่านได้อภิปรายในสภาเรื่อง "หมู่เกาะบริติชเวอร์จิ้น" >ในส่วนที่มีความสัมพันธ์กับนายกฯ >ทักษิณ > > บริติชเวอร์จิ้น รู้จักกันดีว่า เป็นแหล่งหนีภาษี และการฟอกเงิน! > > คุณกอร์ปศักดิ์ เปิดหู-เปิดตาให้ประชาชนคนไทยได้ทราบว่า >มีใครคนหนึ่งไปตั้งบริษัท Ample Rich Investments Limited ไว้ที่เกาะนี้ >และใครคนนั้นก็ขายหุ้นชินคอร์ปให้บริษัทนี้จำนวนหนึ่ง > > ชนิดยอกย้อนซ่อนเงื่อน!! > > ตอนนั้น คนไทยไม่สนใจประเด็นที่คุณกอร์ปศักดิ์บอกหรอกครับ >เพราะกำลังถูกโรคระบาดชนิดโงหัวไม่ขึ้นกันทั้งเมือง > > โรคคลั่ง "เทวดาทักษิณ" >อวตารลงมาเกิดน่ะ! > > ค่อยๆ ลำดับความสู่กันฟังนะครับ เดี๋ยวท่านจะงง >ย้อนไปปูพื้นเป็นความเข้าใจกันก่อน จำกันให้ดีนะครับ > > วันจันทร์ที่ 23 มกราคม 2549 นางกาญจนา หงษ์เหิร เลขาฯ คุณหญิงพจมาน >ชินวัตร แจ้งต่อ ก.ล.ต.ว่า เมื่อวันที่ 20 ม.ค. บริษัท Ample Rich >ขายหุ้นชินคอร์ปให้แก่ น.ส.พิณทองทา และนายพานทองแท้ รวม 329.2 ล้านหุ้น >และวันเดียวกัน คือ วันที่ 23 ม.ค. นางกาญจนา ก็เป็นตัวแทนแจ้งต่อ ก.ล.ต.แทน >นายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา ว่า ได้ซื้อหุ้นจาก Ample Rich เมื่อวันที่ 20 >ม.ค. มาคนละ 164.6 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 1 บาท > และระบุเป็นหลักฐานไว้กับ ก.ล.ต.ด้วยว่า >ซื้อหุ้นดังกล่าวผ่านทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย! > > วันที่ 23 ม.ค. คือ วันอภิมหาโคตรรวยจากการขายหุ้นของครอบครัวชินวัตร >อันเป็นประวัติศาสตร์ของชาติ เพราะเป็นวันที่ปรากฏและประกาศเป็นทางการว่า > ชินคอร์ป ขายหุ้น 49% ให้ ซีดาร์-แอสแพน-กุหลาบแก้ว >อันเป็นบริษัทที่เทมาเส็กตั้งขึ้นเป็นบริษัทไทยเป็นการเฉพาะ >เพื่อรับหน้าเสื่อในการซื้อ-ขายประวัติศาสตร์ รวมแล้วมูลค่ากว่า 73,000 >ล้านบาท > > นายพานทองแท้ ชินวัตร ขาย 458,550,220 ล้านหุ้น > > น.ส.พิณทองทา ชินวัตร ขาย 604,600.000 ล้านหุ้น > > ในราคาหุ้นละ 49.25 บาท เฉพาะส่วนของบุตรชายและบุตรสาวท่านนายกฯ >จะได้เป็นเงินเท่าไหร่ คูณกันเอาเองนะครับ > > ท่านก็จำตัวเลขหุ้นของลูกนายกฯ ทั้งสองไว้ให้ดี >เพราะเดี๋ยวจะพิสูจน์ให้เห็นถึงความเป็นตัวเลขพิศวงดังที่เป็น "ประเด็นใหม่" >จะนำไปสู่ความตายน้ำตื้นในอนาคต > > ปรากฏการณ์ 23 ม.ค.ไม่เพียงดังที่บอกนั้นนะครับ ยังปรากฏว่า เลขาฯ >คนขยันของคุณหญิงพจมาน ได้แจ้งไปยัง ก.ล.ต.ในวัน-เวลาเดียวกันอีก ว่า >หุ้นที่นายพานทองแท้ น.ส.พิณทองทา ซื้อปุ๊บจากตลาดหุ้นคนละ 164.6 ล้านหุ้น >นั้น > > ได้ขายปั๊บในวันนี้ รวมอยู่ในจำนวนชินคอร์ป "บิ๊กล็อต" ดังกล่าว >ในราคาหุ้นละ 49.25 บาท > > คือ ที่เพิ่งซื้อมาใหม่สดๆ ซิงๆ หุ้นละ 1 บาท ก็ขาย >49.25 บาทด้วย > > สรุปตรงนี้ เลขาฯ คุณหญิงพจมาน คนเดียวกันนั่นแหละ เป็นทั้งตัวแทน >Ample Rich แจ้งขาย เป็นทั้งตัวแทน พิณทองทา-พานทองแท้ แจ้งซื้อ > > ก.ล.ต.ก็ซื้อ..ซื่อ..ไม่แอะอะไรเลยซักคำ > > เอาละ..คราวนี้ก็ถึงคราว "ความลับไม่มีในโลก" เมื่อนายพานทองแท้ และ >น.ส.พิณทองทา แจ้งต่อ ก.ล.ต.ว่า ได้ซื้อหุ้นชินคอร์ปจาก Ample Rich >ผ่านตลาดหุ้นไทย คนละ 164.6 ล้านหุ้น หุ้นละ 1 บาท > > ก็ไม่ยากที่จะตรวจสอบผ่านการซื้อ-ขายประจำวันของตลาดหลักทรัพย์ >ก็พบว่า > ไม่ปรากฏการซื้อ-ขายหุ้นด้วยจำนวนตามที่แจ้งไว้แต่อย่างใด! > > ยุ่งละซี..ตานี้ ความจริงตลาดหลักทรัพย์ต้องทำหน้าที่ตรวจสอบ >พิทักษ์รักษาผลประโยชน์ที่ประเทศพึงได้ แต่ไม่ทำ "คุณกอร์ปศักดิ์" >อดรนทนเห็นคนกลุ่มหนึ่งสุมหัวกันต้มยำทำแกงประเทศไม่ไหว > > ก็เลยกระจายข้อมูลผ่านเว็บไซต์ของคุณกอร์ปศักดิ์ ประจานทั้ง เทวโลก >มนุษยโลก และเดรัจฉานโลก > > ความจริงที่เป็นตัวจับความเท็จในประเด็นนี้ ก็คือ >ในข้อมูลตลาดหลักทรัพย์ระบุถึงการถือหุ้นชินคอร์ป ณ วันที่ 26 สิงหาคม 2548 >ว่า น.ส.พิณทองทา ถือหุ้น 440,000,000 หุ้น นายพานทองแท้ ถือหุ้น 293,950,220 >หุ้น > > แต่ปรากฏว่า วันที่ 23 ม.ค. น.ส.พิณทองทา กลับมีหุ้นขายถึง 604,600,000 >หุ้น มากกว่าหุ้นที่แจ้งไว้ต่อตลาด ถึง 164,600,000 หุ้น > > เช่นเดียวกับ นายพานทองแท้ ขาย 458,550,220 หุ้น >มากกว่าที่แจ้งไว้ต่อตลาดถึง 164,600,000 หุ้นเช่นกัน > > นี่ไงล่ะ..ตัวเลข "ตายตอนจบ" ท่านก็อาจเถียงได้ว่า ไม่เห็นแปลกตรงไหน >ที่งอกขึ้นมาคนละ 164,600,000 หุ้น นั้น ก็อย่างที่แจ้งต่อ ก.ล.ต.นั่นไงล่ะว่า >ซื้อมาจาก Ample Rich > > แต่ข้อสงสัยประชาชนก็มีอยู่ว่า > > 1.Ample Rich นี้ เป็นบริษัทของใคร >เอาหุ้นชินคอร์ปจำนวน 329,200 หุ้น ที่ขายให้ "พิณทองทา-พานทองแท้" มาจากไหน? > > 2.มีเหตุผลอะไรที่ขายในราคาพาร์ คือ หุ้นละ 1 บาท >ทั้งที่ราคาซื้อ-ขายในตลาด ร่วม 50 บาทต่อหุ้น? > > 3.น.ส.พิณทองทา และนายพานทองแท้ "แจ้งเท็จ" ต่อตลาด ว่า >ซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์ ส่อพฤติกรรมว่าหุ้นจำนวนนี้มีที่มา "ไม่สุจริต" และ >ก.ล.ต.รู้เห็นเป็นใจในการซื้อขายใช่หรือไม่? > > 4.นี้คือ วิธีการ "ฟอกหุ้น-ฟอกเงิน" ของใครบางคน ใช่หรือไม่ >และเงินส่วนต่างอันเกิดจากการขายหุ้น 329,200 หุ้น ที่ซื้อมาหุ้นละ 1 บาท >แต่ขายหุ้นละ 49.25 บาท เป็นเงิน 15,883.9 ล้านบาทนี้ >ต้องเสียภาษีมิใช่หรือ? > > บริษัท Ample Rich ที่ตั้งอยู่ที่หมู่เกาะบริติชเวอร์จิ้น >ย่านทะเลแคริบเบียน แถวๆ เปอร์โตริโก อันเป็นแหล่งฟอกเงิน และหลบภาษีนี้ >เป็นบริษัทของใคร? > > ผมไม่ทราบ แต่ในรายงานการประชุมคณะกรรมการ ก.ล.ต.ครั้งที่ 11/2544 >วันที่ 12 ตุลาคม 2544 มีบันทึกเป็นรายงานไว้ตอนหนึ่ง ดังนี้ > > 4.3.1 Ample Rich Investments Limited > > ในช่วงที่ตรวจสอบพบว่า บริษัท มี พ.ต.ท.ทักษิณ >เป็นผู้ถือหุ้นทั้งจำนวนจนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2543 โดยจดทะเบียนจัดตั้งใน >British Virgin Islands เพื่อประกอบธุรกิจระหว่างประเทศ เมื่อวันที่ 12 เมษายน >2542 มีสถานที่ติดต่อ >(Correspondent Office) ตั้งอยู่ในประเทศสิงคโปร์ ทั้งนี้ >ตั้งแต่จัดตั้งพบบริษัทถือครองหุ้น SHIN เพียงหลักทรัพย์เดียว >โดยเป็นการซื้อจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ในวันที่ 11 มิถุนายน 2542 >บนกระดานรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์เพียงหนึ่งรายการ > > ครับ..Ample Rich บริษัทที่ขายหุ้นชินคอร์ปราคาพาร์ให้ >พิณทองทา-พานทองแท้ ที่แท้ก็บริษัทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ผู้เป็นพ่อนี่เอง > > ถ้ายังจะดิ้น ผมก็จะมอบเชือกอีกเส้นให้ดู ดังนี้ > > นายบุญคลี ปลั่งศิริ แจ้งตลาดหลักทรัพย์ เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.2542 >เรื่อง >ขอชี้แจงเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท >สาระสำคัญมีว่า > ชินคอร์ปได้มีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นใหญ่ >โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีการลดสัดส่วนการถือหุ้นจาก 23.75% เหลือ 11.88% >โดยหุ้นที่ลดลง 11.88% นั้น โอนให้ถือในนามของ "แอมเพิล ริช อินเวสเมนต์ >ลิมิเต็ด" > > โดยระบุในหนังสือแจ้งว่า "แอมเพิล ริช" ถือหุ้นโดย พ.ต.ท.ทักษิณ >ชินวัตร 100% > > ครับ..ปมที่ผูกไว้ ใครจะนึกว่าจะย้อนมารัดคอตัวเองในวันนี้ได้ > > ประเด็นตายต่อไป ก็คือ >ตัวเองขายหุ้นตัวเองให้บริษัทที่ตั้งใหม่บนเกาะบริติชเวอร์จิ้น >อันเป็นของตัวเองแล้ว ปรากฏว่า เมื่อเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในปี พ.ศ.2544 > > ในบัญชีแสดงทรัพย์สินที่ยื่นต่อ ป.ป.ช.ไม่ปรากฏว่า มีชื่อบริษัท Ample >Rich อยู่ในบัญชีแสดงทรัพย์สินของนายกฯ >ทักษิณ แต่อย่างใด!? > > ผมจะจบด้วยคำพูดของนายกฯ ทักษิณ ที่พูดไว้เมื่อวันที่ 20 พ.ค.2545 >ความตอนหนึ่งว่า เมื่อวานผมดูข่าวจาก CNN ทราบว่า >ขณะนี้สภาของสหรัฐกำลังแก้ไขกฎหมายใหม่ ทั้งนี้ เพราะบริษัทต่างๆ >ไม่มีสำนักงานใหญ่ในสหรัฐ แต่ไปจดทะเบียนในประเทศอื่นๆ เช่น ในปานามาบ้าง >หรือที่หมู่เกาะบริติชเวอร์จิ้น ซึ่งถือว่าเป็นบริษัทที่ไม่รักชาติ >เพราะถือว่าเป็นการเลี่ยงภาษี..." > > นั่นน่ะซี มัน "โคตร - ระ - " เลยนะ ท่านว่ามั้ย?
จากคุณ |
:
rin157
|
เขียนเมื่อ |
:
20 ก.พ. 53 16:12:48
A:125.27.184.55 X:
|
|
|
|
 |