ความคิดเห็นที่ 1 เบื่อ ก็ไม่ต้องเข้ามา ใช้ชื่อเล็กเซี่ยวหงส์ ไม่เหมาะสมเลยนะ มีบางสมัยเหมือนกันที่ศาลไม่ยอมรับ อำนาจที่มาจากการปฎิวัติ คำว่า ตุลาการภิวัฒน์ คงไม่ใช่แล้ว น่าจะใช้ว่า ตุลาการ...  แทน จากคุณ : คนึงนิจ เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 53 21:36:56 A:115.87.3.50 X:

ความคิดเห็นที่ 2 จะบิดพริ้วไปไม่ได้นี้จริงเหรอครับ...เหอๆๆ..ก็ที่เรียนมานิดๆหน่อยๆไม่ค่อย จะแตกฉาน..ช่วยกมย้อนหลัง..เปิดพจนานุกรมกะการตีความอย่างกว้างงง ให้ฟังหน่อยนะครับ จากคุณ : six sauer เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 53 22:18:49 A:124.121.34.158 X:

ความคิดเห็นที่ 3 ตกลงว่า จขกท นี่เรียนนิติหรือเปล่าล่ะ จากคุณ : Lcsa เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 53 22:18:52 A:58.9.34.113 X:

ความคิดเห็นที่ 4 ถ้าเรียน แต่นิติ สี่ปี ต่อ เนติ อีกหนึ่งปี ก็ฉลาดแต่ เรื่องกฏหมายอ่ะนะ แต่ถ้าไม่เคยรู้เรื่องการลงทุน ไม่เคยรู้เรื่อง ตลาดหุ้น ไม่รู้เรื่องการเงิน ไม่เคยเรียนด้านการตลาด ไม่จบโทการเงิน และต่อ MBA มาตัดสินคดีหุ้น ก็ไม่ต่างกับ คนตาบอด 9 คน มาคลำช้าง นั่นแหละครับ ท่าน ไม่สามารถ ชี้ให้เห็นได้ว่า การเอื้อประโยชน์ หรือ ทุจริต เชิงนโยบาย ทำให้ หุ้นขึ้น จาก 21 เป็น 49 บาท ได้อย่างไร ท่านได้แต่เดาเอาเอง ว่านั่น คือ ความร่ำรวยผิดปกติ เป็นความสามารถเชิงการแข่งขัน ของบริษัทนั้น หรือ เป็นเรื่องของภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น หรือ เป็นเรื่องของการขยายฐานลูกค้าในภาพรวมของตลาด ถ้าสิ่งนี้ คือ การเอื้อประโยชน์ เวลาที่นโยบาย ต่างๆเหล่านี้ออกมา ทำไม ไม่เห็นนักวิเคราะห์ ด้านหลักทรัพย์ เคยออกบทความ  ให้ขายหุ้น ของบริษัท มือถือ คู่แข่งทิ้ง แล้วหันมาทุ่มลงทุน กับ บริษัทนี้ แล้วคนที่ถือหุ้น บริษัท มือถือ ค่ายต่างๆ ก็ต้องถือว่า ร่ำรวย ผิดปกติ  ด้วยทุกคนหรือเปล่า ถ้า หุ้นบริษัท นี้  ไม่มีสภาพคล่อง หมายถึง ไม่มีราคาตลาด ที่แน่นอน คำถาม : ท่านจะตัดสิน มูลค่า ตัวเงิน ได้อย่างไร และ ถ้าไม่มีการขาย หุ้น ทั้งหมด การตัดสินครั้งนี้ ท่านจะยึดเงิน จำนวนเท่าใด ด้วย หลักการ อะไร จากคุณ : The Rounder เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 53 22:40:56 A:58.9.233.104 X:

ความคิดเห็นที่ 5 โดยส่วนตัว ไม่ได้เห็นแย้ง ในส่วนของการยึดทรัพย์ หรือการพิจารณา ข้อเท็จจริง ในส่วนอื่นๆ แต่ถ้าไม่มีหลัก ในการยึดทรัพย์ ในส่วนที่เป็นตัวเลข ก็เท่ากับ ไม่มีหลักการที่แน่นอน ในการพิจารณาคดี และถ้าการพิจารณาคดี ขาดความรอบคอบและรัดกุม ในประเด็นที่สำคัญ และ ชัดแจ้ง ก็ทำให้ ความน่าเชื่อถือ ของคำพิพากษา ในภาพรวม นั้นลดลง ก็เท่านั้นเอง จากคุณ : The Rounder เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 53 22:49:22 A:58.9.233.104 X:

ความคิดเห็นที่ 6 แล้วถ้า หุ้นดังกล่าว ไม่ถูกขายออกไป ในช่วงเวลาดังกล่าว แต่มาขายในช่วง ที่เศรษฐกิจตกต่ำ ในเวลาที่ ราคาหุ้นอยู่ที่ 14 บาท เท่ากับ มีทรัพย์สินน้อยลง ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท คำถาม : คำพิพากษา ในวันนี้  จะเหลืออะไร เป็นแก่นสารได้อีก จากคุณ : The Rounder เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 53 23:02:29 A:58.9.233.104 X:

ความคิดเห็นที่ 7 จขกท ไปไหนแล้วล่ะ กลับมาเถอะ จากคุณ : กระต่ายน้อยเล่นโยคะ เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 53 00:13:16 A:58.11.48.93 X:

ความคิดเห็นที่ 8 ผมแสดงความเห็นในส่วนที่เห็นว่า หลายๆท่านต่อว่า ผู้พิพากษาว่าอ้างประกาศคณะปฎิงัติบ้างล่ะ หรือมั่วๆเอาบ้างล่ะ แค่อยากบอกว่าท่านก็พิจารณาไปตามข้อเท็จจริงและตัวบท มันไม่ง่ายที่จะพิพากษาให้ถูกใจใครๆทุกคนใด้ และคำตัดสินของท่านๆนั้นจะเป็นบรรทัดฐานให้ ผู้พิพากษาอื่นๆ และ นักศึกษากฎหมายในรุ่นต่อๆไป ส่วนเรื่องที่ท่านบอกว่าท่านผู้พิพากษาอาจไม่มีความรู้ด้านเศรษฐกิจดีพอนั้น อันนั้นไม่เถียงครับ เพราะเป็นเรื่องปกติท่านอาจไม่เชี่ยวชาญเท่านักธุรกิจ..ไม่ใช่อาชีพท่าน แต่การจะชี้แจงข้อมูลหรือทำให้ศาลเห็นว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร หรือกลไกการตลาดเป็นอย่างไรนั้น อยู่ที่ข้อต่อสู้ของฝ่ายผู้ถูกร้อง เป็นสิทธิและหน้าที่ซึ่งก็คือฝ่ายท่านทักษิณ และทีทนายความที่ต้องเตรียมพยาน บุคคลและเอกสารต่างๆมาให้การต่อศาลว่าเป็นอย่างไร ทำไมหุ้นถึงขั้น หรืออย่างไรๆ.... เป็นการต้อสู้หักล้างทางพยานหลักฐานของทั้ง2ฝ่าย ท่านไม่ใด้นั่งเทียนพิพากษาเอาเอง และขึ้นอยู่กับประเด็นที่ฝ่ายผู้ถูกร้อง จะยกขึ้นมาต่อสู้ด้วยว่าในคำให้การนั้น ใด้ยกเรื่องไหนขึ้นมาต่อสู้บ้าง หลายท่านอ้างว่าฟังมาทั้งวัน หวังว่าคงใด้ฟังคำให้การของผู้ถูกร้องนะครับ... ไม่ใด้จะมาเข้าข้างอะไรกัน เพียงแต่ฟังคำวิจารณ์ของหลายๆท่านแล้ว ไม่ค่อยสบายใจ เพราะบางครั้ง อ่านแล้วเหมือนท่านไม่รู้เรื่องอะไรเลย แยกประเด็นนิดนึงนะครับ จะด่ารัฐบาลหรือไง อันนี้คนละเรื่องครับ ในฐานะทนายความ และเนติบัณฑิตไทยครับ.. ผิดถูกประการใด ก็ขออภัยมาด้วย หวังว่าหลายๆท่านคงใด้กลับมาอ่าน ผมไม่ใด้หนีหายไปไหน.... จากคุณ : Lexiaohong เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 53 01:10:59 A:124.122.84.36 X:

ความคิดเห็นที่ 9 นั่นสินะครับ ส่วนตัวผมยอมรับว่าฟังไม่จบ ฟังจนถึงเรื่อง ดาวเทียม แล้วก็ต้องออกไปธุระข้างนอก แต่เท่าที่ฟังดู ก็มีเหตุและผลตามตัวบทกฏหมายนะครับ หรือหลังจากนั้นมันมีเรื่องอะไรที่ขัดหูขัดสมองมากๆ อย่างที่หลายๆ ท่านออกมาแสดงความไม่พอใจหรือเปล่าก็ไม่รู้ จากคุณ : seifiros เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 53 02:40:02 A:58.8.184.59 X:

ความคิดเห็นที่ 11 ....เห้อ....ป่วยการจะอธิบาย ยังไงลองไปเรียนนิติสัก4ปี แล้วตอเน อีกสัก1ปี(ถ้าฉลาดก็จบอ่านะ).... --- ท่าน จขกท เอง ยังกล่าวเช่นนี้ ต่อคน ที่ท่านคิดว่า ไม่รู้เรื่อง กฎหมาย --- แต่เวลาที่ ท่าน จขกท มาแก้ต่างให้ ท่านผู้พิพกาษา ที่ร่วมสายอาชีพเดียวกับ ท่าน ทำไม ไม่ให้เหตุผล แบบเดียว กับ ข้างบน ล่ะครับ ว่า   ป่วยการจะอธิบาย.... ทำไม ท่าน มาให้เหตผลแบบ ข้างล่างนี้ ซึ่งไม่ใช่ ตรรกะคู่ขนาน ที่ควรจะเป็น ท่านมีใจเป็นธรรม และ ใช้ตรรกะ ได้แม่นยำ จริงๆ น่ะหรือ ท่านเองน่ะ ยังมี อคติ โน้มเอียง ทางวิชาชีพเลย ท่านรู้ตัวหรือเปล่า --- ...ส่วนเรื่องที่ท่านบอกว่าท่านผู้พิพากษา อาจไม่มีความรู้ด้านเศรษฐกิจดีพอนั้น อันนั้นไม่เถียงครับ เพราะเป็นเรื่องปกติท่านอาจไม่เชี่ยวชาญเท่านักธุรกิจ..ไม่ใช่อาชีพท่าน แต่การจะชี้แจงข้อมูลหรือทำให้ศาลเห็นว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร หรือกลไกการตลาดเป็นอย่างไรนั้น อยู่ที่ข้อต่อสู้ของฝ่ายผู้ถูกร้อง เป็นสิทธิและหน้าที่ซึ่งก็คือฝ่ายท่านทักษิณ และทีทนายความที่ต้องเตรียมพยาน บุคคลและเอกสารต่างๆมาให้การต่อศาลว่าเป็นอย่างไร ทำไมหุ้นถึงขั้น หรืออย่างไรๆ.... --- ผมให้ความเห็น อย่างเป็นกลาง ไปก่อนหน้านี้แล้ว ก่อนมีคำพิพากษา ด้วยว่า ประเด็น ที่ต้องระวัง นั้น คือ อะไร (ในห้องสินธร) แต่ไม่คิดว่า คำพิพากษาที่ออกมา จะโอนเอน ไปทางฝั่ง ผู้ร้อง แบบที่เห็นได้ชัดว่า ขาดความรู้ ความเข้าใจ ในกลไก ของตลาดทุน แบบมืดบอด ดังนั้น คำให้การต่อสู้ของ ผู้ถูกกล่าวหา และ ผู้คัดค้าน เฉพาะประเด็นนี้ ก็คงไม่ต่างอะไร กับ การสีซอ... จากคุณ : The Rounder เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 53 05:11:26 A:58.9.58.63 X:

ความคิดเห็นที่ 12 ถ้าท่านไม่แน่ใจ ว่า คำให้การต่อสู้ ของผู้ถูกกล่าวหา และ ผู้คัดค้าน ในประเด็นนี้ ซึ่งเป็นประเด็น สำคัญนั้น มีน้ำหนัก มาหักล้าง ได้หรือเปล่า หรือ เป็นแค่ข้ออ้าง ทำไม ไม่ให้ คนที่มีความรู้ ความเข้าใจ ในกลไกตลาดทุน ให้คำแนะนำท่านล่ะครับ คำพิพากษา ที่เห็นคล้อย กับผู้ร้อง ในประเด็น  ที่ เอาความร่ำรวย ผิดปกติ ไปผูกไว้กับราคาหุ้น สิ่งนี้ เป็นจุดอ่อน อย่างที่สุด อย่างนี้ เรียกว่า ...บกพร่องโดยสุจริต ได้หรือเปล่า ถ้าจะเล่นเรื่อง ความร่ำรวยผิดปกติจาก ราคาหุ้น ควรจะกล่าวหาในลักษณะที่ว่า  มีการปั่นหุ้น ให้มีราคาสูง จากนั้น ใช้ความเป็นนายกฯ  หลอกขายหุ้น ให้เทมาเสก อย่างนี้ ยังดูน่าจะเป็นไปได้มากกว่า แต่นั่น ต้องให้ เทมาเสก กับ กลต. มาเป็นพยาน และแสดงหลักฐานประกอบ ที่สอดคล้องกัน กับ ประเด็นข้างต้น ด้วยนะครับ --- กรณีนี้ ถ้าฟ้องว่า ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนายกฯ ด้วยความบกพร่อง แล้วทำให้ประเทศเสียหาย ฯลฯ ด้วยเหตุอะไร ด้วยหลักฐาน อะไรๆๆ ก็ว่าไป โดยไม่ไปแตะ เรื่อง ความร่ำรวย ผิดปกติ และ มีธงว่าจะยึดทรัพย์ อย่างนี้ ยังจะดู มีน้ำหนัก และน่าเชื่อถือ มากกว่า เสียอีก หมายเหตุ :  ทั้งหมด คือ ความเห็นส่วนตัว โปรดอ่านด้วยวิจารณญาน จากคุณ : The Rounder เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 53 05:14:55 A:58.9.58.63 X:

ความคิดเห็นที่ 13 ผมคนพิมไม่เก่งอ่านะครับ และก็ไม่ค่อยมีเวลาว่างมานั่งจิ้มเน็ตเล่นนัก เรื่องนี้ผมเชื่อว่า ศาลท่านมีเหตุและผลของการตัดสิน ซึ่งภาษาหรือการเรียบเรียง อาจจะฟังไม่ชัดเจนนัก หากแต่ถ้าจะพิจราณาเป็นประเด็นแล้ว ผมกลับมองว่าก็ชัดเจนดีแล้ว ในมุมของผม.... คือหากท่านคิดว่ายังไม่ชัดเจน หรือท่านว่าวิธีคิดของท่านดีกว่า แนะนำว่าให้ส่งบุตรหลานเรียน กฎหมายแล้วสอบเป็นผู้พิพากษา หรือทำงานด้านนี้.. บางทีวิธีคิดของคนต่างสายอาชีพกันนั้น ก็มีบรรทัดฐานความคิดที่อิงกับหลักไม่เหมือนกัน... จากคุณ : Lexiaohong เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 02:24:44 A:124.120.87.11 X: