$$$ เรื่อง Exim Bank ปล่อยกู้ให้กับพม่า ผมเห็นว่าทักษิณผิดจริง ถ้าการพิจารณานั้นมองแบบ.... $$$
|
|
มองแบบมิติเดียว มองแบบไม่รอบด้าน หรือแกล้งโง่มุ่งหาเรื่องให้ผิดให้ได้ตามธงที่ตั้งไว้
คือเรื่องนี้ ต้องมองแบบโง่ๆ มองแบบไม่รอบด้าน มุ่งหาแต่ข้อเสียอย่างเดียว ก็จะคิดว่าผิด
ธรรมชาติของนักธุรกิจหรือผู้นำประเทศที่พัฒนาแล้ว ที่เก่งในด้านการบริหารมีประสบการณ์
ในการทำธุรกิจ การดำเนินการใดๆ ก็แล้วแต่ของผู้นำเหล่านั้น มักจะตั้งอยู่ในพื้นฐานของ
Win-Win คือต่างก็ได้ผลประโยชน์เป็นหลัก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งแล้ว กับประเทศเพื่อนบ้านจำเป็นอย่างยิ่ง ที่ต้องดำเนินนโยบายการต่างประเทศ
หรือความร่วมมือต่างๆ บนพื้นฐานของ Win-Win เพราะนโยบายต่างประเทศของประเทศใดๆ
ก็ล้วนแต่เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของประเทศนั้นๆ ทำให้เรื่องต่างๆ ที่ขัดแย้งกัน หรือทำโครงการร่วมกัน
จะจบลงที่โต๊ะเจรจา หรือสนามกอร์ฟ ได้ง่ายโดยไม่ต้องใช้กำลังทหารเข้าห้ำหั่นกันเพื่อแย่งทรัพยากร
หรือยุติเรื่องขัดแย้งกัน ถ้าเรื่องๆ นั้นดำเนินตามหลักการ Win-Win
ทักษิณก็เช่นเดียวกันกับ นักธุรกิจมือหนึ่งของโลก หรือผู้นำที่เก่งๆที่ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศพัฒนาแล้ว
แนวการคิด นโยบายการต่างประเทศกับเพื่อนบ้าน ก็ Win-Win ด้วยกัน ไทยกับพม่าเคยมีปัญหากัน
เรื่อยมา
ไม่ว่าเรื่อง การรบกันระหว่างชนกลุ่มน้อยตามตะเข็บชายแดน การระบาดของยาเสพติดข้ามชาติ
ปัญหาสาธารณสุขตามตะเข็บชายแดน
โดยเฉพาะเรื่องยาเสพติด ทักษิณมองทะลุได้ว่า การแก้ปัญหาแต่ในประเทศคงไม่เพียงพอ
ที่จะสามารถหยุดยั้งได้ แต่ต้องดำเนินการไปถึงแหล่งต้นตอการผลิต เพื่อที่เป็นการแก้ที่ต้นตอ
ให้หยุดผลิต ทำให้ยาบ้าหายไปจากท้องตลาดได้อย่างชะงัก
การให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำกับพม่า (ให้กู้นะครับ ไม่ได้ให้ฟรีๆ) โดยมีเงื่อนไขว่า เงินกู้ที่ให้ไปนั้น
ต้องนำไปทำโครงการที่ต้องซื้อวัสดุ อุปกรณ์จากประเทศไทยเท่านั้น แม้ว่าทางฝ่ายที่จ้องจะเอาผิด
จะบอกว่า พม่ามาซื้ออุปกรณ์ด้านการสื่อสาร กับบริษัทที่เคยเป็นของนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ของไทย
แต่เมื่อพิจารณาแล้ว ภาครัฐและเอกชนของพม่าหลายหน่วยงานได้ซื้อบริการดาวเทียมและอุปกรณ์จาก
ไทยคม มาตั้งแต่ปี 2541
- เช่น บริษัทโทรคมนาคม (Myanmar Post and Telecom: MPT) บริษัทโทรทัศน์ (Myanmar Radio
and TV: MRTV) โดยชำระเงินงบประมาณของตนเอง ไม่เกี่ยวกับเงินกู้ไทย
- มีบริษัทเอกชนที่ใช้อุปกรณ์ไอพีสตาร์ตั้งแต่ปี 2546
ที่สำคัญบริษัทที่ทำด้านคมนาคมของไทย จะมีสักกี่บริษัทที่ มั่นคง เชี่ยวชาญ เชื่อถือได้ เหลียวมองไปมา
ก็ไม่พ้นหน้าเดิมๆ พม่าคงไม่โง่ไปซื้อจากบริษัท Noname เหมือนกับที่ ไทยซื้อไม้ล้างป่าช้า GT200
หรอกครับ
การให้เงินกู้กับพม่า ฝ่ายที่จ้องเอาผิดจะมองว่า สูญเสียดอกเบี้ยส่วนต่าง 670 ล้าน เป็นเรื่องใหญ่มาก
เป็นการโกงที่ยิ่งใหญ่ รัฐสูญประโยชน์ยิ่งใหญ่ แต่กลับไม่มองว่า ไทยได้สัมปทานหลุมก๊าสในเมาะดะมะ
30 ปี มูลค่ากว่าแสนล้าน และทักษิณได้มอบสัมปทานนี้กับ ปตท. ที่มีหน่วยงานของรัฐถือหุ้น กว่า 60
เปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้นผู้ที่ได้ประโยชน์ส่วนใหญ่ แท้ที่จริงก็คือชาวไทยไม่ใช่หรือ
ปัญหายาเสพติดหายไปจากเมืองไทย แทบจะสิ้นเชิง คิดแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว เทียบกับ 670 ล้านบาท
แลกกับชีวิตของเยาวชนในชาติไม่ต้องตกเป็นทาสยานรก ผมว่ามันคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม
นี่แถมได้บ่อก๊าซมาอีก ไหนจะความร่วมมือกับพม่า ความเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน การค้าขายระหว่างกัน
อีกเยอะแยะมากมาย งานนี้คุ้มยิ่งกว่าแฟรตปลาทองเป็นล้านเท่า คุ้มกว่าได้เพชรเม็ดใดๆ
อย่าว่าแต่ทักษิณที่ทำแบบนี้เลย อเมริกา จีน ญี่ปุ่น อังกฤษ ฝรั่งเศส ก็ล้วนแล้วแต่เคยปล่อยกู้ขาดทุน
แบบนี้เช่นกัน เพราะเขารู้ว่าถ้ามองมิติรวม มองอย่างรอบด้าน เราต่างก็ได้กำไร Win-Win ด้วยกันทั้งคู่
บรรทัดฐานเดียวกัน ถ้าผู้นำประเทศเหล่านั้น โดนองค์กรที่พิจรณาด้านเดียว หาผิด ก็คงผิดแบบเดียวกับ
ทักษิณเช่นเดียวกัน
อย่าว่าแต่ให้กู้เลย ให้เปล่าก็มีถมเถไป ถ้ามันทำให้เขา Win-Win ได้ทั้งคู่ ประเทศเหล่านั้น
ที่มองการณ์ไกล ก็พร้อมจะทำ
หรือแม้แต่อนาคต สมมุติว่า เจ้าสัว CP หรือ เจ้าของสหพัฒน์ลงมาเล่นการเมืองเป็นนายก
แล้วปล่อยกู้ เผอิญประเทศที่ปล่อยกู้ ไปซื้อ ผงซักฟอกสักลัง หรือซื้อไข่ไก่สักสองฟอง
แล้วก็เผอิญหุ้นที่อดีตเคยเป็นของนายกเหล่านั้นเกิดมีมูลค่าสูงขึ้นตามตลาดหุ้นโดยรวม
เจ้าสัว CP หรือ เจ้าของสหพัฒน์ คงไม่รอดเหมือนทักษิณ ด้วยการมองมิติเดียวแบบโง่ๆ
แบบจ้องจะเอาผิดให้ได้ แบบนี้เช่นเดียวกัน!
| จากคุณ |
:
D90Nik 
|
| เขียนเมื่อ |
:
1 มี.ค. 53 14:54:37
A:124.121.89.168 X:
|
|
|
| 
