Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
การอุทรณ์คดียึดทรัพย์น่าจะชนะ เพราะมีหลักฐานยังไม่ชัดเจนที่จะยึดได้  

เมื่อพิจารณาคดีเห็นว่าส่วนใหญ่ต้องมีการพิสูจน์เรื่องของการใช้นโยบายรัฐหรือนโยบายการคลัง ซึ่งทำให้รัฐเสียหายหรือไม่ และมีคนที่เกี่ยวข้องได้ประโยชน์หรือไม่ เมื่อพิจารณาในกรณีดังนี้
1. การโอนค่าสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต เห็นได้ว่า ควรมีการให้บริษัทเอไอเอส ซึ่งเป็นผู้รับสัมปทานทำหนังสือชี้แจงว่าอดีตมีการจ่ายค่าสัมปทานเท่าไร และปัจจุบันมีการจ่ายค่าสัมปทานรวมกับค่าภาษีสรรพสามิตเท่าไร และมันเป็นจำนวนร้อยละเท่าไรของรายได้ โดยทุกอย่างควรเปิดเผยต่อสาธารณชนด้วย ซึ่งจะช่วยบริษัทเอไอเอสเอง เพราะทางศาลบอกว่ารัฐเสียหาย แต่ถ้าบริษัทเอไอเอสจ่ายเงินร้อยละ 20 ของรายได้เช่นเดิมแต่จ่ายแยกเป็นค่าสัมปทานและภาษีมันก็ไม่ทำให้รัฐเสียหาย เพราะนี่คือเรื่องนโยบายภาษีและการคลัง การมองต้องใช้มุมมองทางเศรษฐกิจไม่ใช่ทางกฎหมาย และ ทศท กสท ก็ไม่ใช่รัฐ แต่เป็นหน่วยงานของรัฐ กรมสรรพสามิตก็เป็นหน่วยงานของรัฐ ไม่ใช่รัฐ ถ้ารวมทุกหน่วยงาน นั่นคือรัฐ นอกนี้จากควรมีการชี้แจงต่อสาธารณะว่า มีผู้แข่งขันรายใหม่เข้ามาในธุรกิจทั้งฮัชชิสัน สามารถและรายอื่นที่เพิ่มขึ้นจำนวนมาก ซึ่งกฎหมายก็ไม่น่าจะกีดกันการแข่งขัน ขณะที่การเก็บภาษีนั้นไม่ใช่กับสินค้าฟุ่มเฟือย แต่ต้องมองว่าการมองมันต่างยุคกัน ถ้า 10 ปีที่แล้วมือถือนั้นฟุ่มเฟือย เพราะมันแพงเครื่องละสามหมื่น แถมค่าโทรนาทีละห้าบาท แพงกว่าโทรศัพท์บ้าน มันก็ไม่ต่างจากคอมพิวเตอร์เมื่อ 20 ปีที่แล้วฟุ่มเฟือย แต่ปัจจุบันจำเป็น การมองก็ควรมองให้เข้าใจถึงสภาวะที่ต่างกัน
2. การลดส่วนแบ่งรายได้ในธุรกิจพรีเพด แนวทางนี้ควรให้เอไอเอสแสดงข้อมูลต่อสาธารณชนว่าก่อนและหลังการลดส่วนแบ่งรายได้ เมื่อเวลาผ่านไปเป็นอย่างไร และค่าโทรของคนใช้ลดลงขนาดไหน เพราะการใช้นโยบายการคลังด้านภาษีนั้นต้องมองหลายมิติไม่ใช่มองว่าลดภาษีแล้วรัฐเสียหาย เพราะถ้าลดภาษี แต่ทำให้คนใช้โทรศัพท์เพิ่ม แลราคาถูกลง อย่างนี้ก็ไม่เสียหาย เอไอเอสควรบอกว่าหลังการลด ใน 3-5 หลังการลดส่วนแบ่ง มีการจ่ายเงินคืนให้รัฐเท่าไร และค่าโทรศัพท์ลดลงเท่าไร คิดเป็นกำไรคืนสู่รัฐ และประชาชนเท่าไร ขณะที่คุณทักษิณก็ควรชี้แจงในเชิงเศรษฐกิจด้วย เพราะเมื่อค่าโทรลดลง มันทำให้เศรษฐกิจในช่วงที่คุณทักษิณบริหารเป็นอย่างไร เศรษฐกิจมีการค้าขายส่งออกและการลงทุนเท่าไร ทำให้เศรษฐกิจขยายตัวและมีหนี้ภาครัฐลดลงขนาดไหน เพราะนี้คือนโยบายการลดภาษีที่ส่งผลดีต่อประเทศทำให้เกิดการค้าขายและลงทุน แต่ถ้ามองแบบแคบ ชาติก็ล่มจม โตไม่ได้ อย่างนี้มองแบบกฎหมาย แต่ไม่ใช่เศรษฐศาสตร์ แต่ถ้าจะใช้อำนาจกฎหมายมากำหนดทุกสิ่งในการใช้นโยบายเศรษฐศาสตร์ อำนาจนั้นก็ต้องเปิดมุมมองรับทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์ก่อน เพราะถ้าไม่รับแล้วมาตัดสิน สงสัยชาติล้มแน่ กังวลว่าในการตัดสินมีการศึกษาทางหลักเศรษฐศาสตร์ขนาดไหน และใช้ขนาดไหน เพราะที่บอกว่าชาติเสียหาย มันไม่ใช่หลักเศรษฐศาสตร์เลย แล้วจะตัดสินว่าการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจผิดได้อย่างไร
3. การให้กู้แก่พม่า งงมากเพราะว่าเราได้ประโยชน์ ธนส มีรายได้ดอกเบี้ยเพิ่มจากพม่ามันผิดหรือ และที่สำคัญการใช้นโยบายมันทำให้เราได้ประโยชน์ ควรมีการชี้ให้ศาลเห็นว่าในช่วงที่เป็นมิตรกับพม่า ทำให้ไทยได้สัมปทานก๊าซเท่าไร และที่รู้วันนี้สัมปทานนั้นคือ M9 มีแหล่งก๊าซที่ผลิตได้ปีละกว่าสองหมื่นล้านในอนาคต นั้นคือเงินที่เราได้มันมากกว่าตัวเลขที่บอกมาก และนี้เป็นเรื่องนโยบายเศรษฐกิจด้านการค้าระหว่างประเทศ งงว่าทำไมมองด้านเดียว เราช่วยพม่า เราได้สัมปทาน ไทยได้เงินมากกว่าปีละสองหมื่นล้านในอนาคต ไม่ดีหรือที่คุณทักษิณทำ
4. การเพิ่มขึ้นของหุ้น ควรมีการทำทฤษฎีการเงินเช่น CAPM มาศึกษาเลยว่าก่อนและหลังการเป็นนายก หุ้นชินมี excess return ต่างกันหรือไม่ เพราะทุกคนอาจจะงงว่า excess return ลดลง นั้นคือคุณทักษิณไม่ได้ประโยชน์จากราคาหุ้นเลย แต่ธุรกิจครอบครัวกลับเสียหายจากการเข้ามาทำงานการเมือง การยึดปันผลหมดก็ไม่เหมาะสม เพราะต้องดูว่ากำไรเพิ่มจากนโยบายเท่าไร จากเศรษฐกิจเท่าไร ถึงจะแยกว่าตอนยึดเท่าไร
โดยรวมมีเรื่องที่สามารถอุทรณ์ได้ แต่ควรมีการแสดงหลักฐานที่ชัดเจน และเรื่องที่ตัดสินไม่ใช่เรื่องของการโกงเงินรัฐ การทุจริต แต่เป็นการใช้นโยบายของรัฐนั้นทำให้รัฐเสียหายและเอื้อประโยชน์หรือไม่ การใช้กฎหมายเพียงแคบๆไม่ได้ เพราะถ้าเรื่องนโยบาย ต้องนำหลักเศรษฐศาสตร์มาใช้ด้วย และการที่ระบุว่าได้ประโยชน์จากราคาหุ้น ต้องนำทฤษฎีการเงินมาใช้ด้วย ไม่อย่างนี้ การตัดสินจะไม่เป็นธรรม และเท่ากับทำร้ายคนคนหนึ่งแบบไร้หลักฐาน แต่ถ้าทำแบบนี้ ต่อไปทุกนโยบายของรัฐจะต้องถูกตัดสินว่าผิดหมด เท่ากับอำนาจบริหารและนิติบัญญัติ ไร้ซึ่งอำนาจเพราะถูกแทรกแซง แต่จะไม่ให้มีการแทรกแซง ต้องมีการชี้หลักฐานตามทฤษฎีที่เกี่ยวข้องทั้งการเงิน เศรษฐศาสตร์ และรัฐศาสตร์ด้วยในเรื่องนโยบายรัฐ

จากคุณ : Mark111
เขียนเมื่อ : 1 มี.ค. 53 15:25:05 A:110.169.44.225 X:




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com