...ยึดทรัพย์ได้ แต่อย่าหวังยึดหัวใจของชาวบ้าน...

สมัยพุทธกาล รุกขเทวดาตนหนึ่ง ได้แกล้งไปเข้าสิงลูกชายชาวบ้านคนหนึ่ง  เพื่อหาเรื่องขับไล่พระธุดงค์ที่มาปักกรดอยู่โคนต้นไม้ที่ตนเป็นเจ้าของ  ชาวบ้านตกใจวิ่งมาขอความช่วยเหลือจากพระรูปนั้น เมื่อไม่ได้อะไร ก็ขอแค่ “น้ำล้างเท้า” ของพระรูปนั้นไปให้ลูกชายของตนดื่มกินปัดรังควาญ


รุกขเทวดาได้ที จึงปรากฏกายออกมา แล้วร้องด่าพระว่า “อะฮ้า พระเอ๋ย เห็นจะจะกะลูกกะตานะเนี่ยะ เอาน้ำล้างเท้ามาให้ชาวบ้านดื่ม ก็พระพุทธเจ้าห้ามพระอย่างพวกท่าน “ทำยา”ให้กับชาวบ้านมิใช่รึ  เพราะมันจะทำให้ท่านมีลาภสักการะ ถือเป็นการแสวงหาที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง ท่านทำผิดวินัยเสียแล้ว  ท่านไม่ควรอยู่ที่นี่อีกต่อไป ..ไปซะ !


พระได้ฟัง แทนที่จะตกใจ กลับรู้สึกปลื้มปีติ จิตใจเอิบอิ่ม มั่นใจใน “ศีล”ของตนยิ่งขึ้น “เรานี่ ตั้งแต่บวชมา ไม่เคยมีศีลด่างพร้อยใดๆแน่  พระวินัยมีตั้ง 227 ข้อ อ้ายเบื๊อกนี่ไม่ดันเอามาอ้าง ยกเอาแค่ “น้ำล้างเท้า”มาอ้าง แสดงว่าเราไม่เคยผิดวินัยใดๆเลย..มีศีลบริสุทธิ์ ”


การตัดสินคดียึดทรัพย์ทักษิณ ก็เหมือนการแข่งขันฟุตบอลแม็ตช์สำคัญที่ต้องตัดสินผลแพ้-ชนะให้เด็ดขาด คือการเตะลูกโทษที่จุดโทษ การเตะลูกโทษนั้น มีผลอย่างที่ทราบคือเปอร์เซ็นต์เข้ามากกว่าไม่เข้า หรือถ้าไม่เข้าทั้งหมด ก็ต้องเข้าบางลูกแน่ๆ ..ยึดบางส่วน


แต่การตัดสินยึดทรัพย์บางส่วนนั้น  เป็นวิธีการที่แยบยลมาก เพราะถ้ายึดทั้งหมดเสียทีเดียว คนทั้งโลกที่ฟังข่าวอยู่ ก็จะประณามหยามหมิ่นว่ากลั่นแกล้งอย่างออกนอกหน้า ก็เลยทำทีเป็นยึดเพียงบางส่วนไปก่อน ส่วนที่เหลือโยนให้ “พวกลูกแถว”นำไป Follow ต่อ อย่างที่เห็นอยู่ตอนนี้ กรมนั้น กระทรวงนี้ จะยึดเพิ่มเท่านั้นเท่านี้..สรุปก็ยึดหมดนั่นแหละ


ไม่ยึดอย่างเดียวด้วย จะ “ล่อ”ทั้งคดีแพ่ง และอาญาตามมาอีกนับเป็นสิบๆคดี เข้าใจว่าแต่ละคดีมีโทษจำคุกไม่ต่ำกว่า 5 ปี นับคร่าวๆตอนนี้ ก็ประมาณร้อยกว่าคดี..ทักษิณคงติดคุกนับพันปี !


ไม่ใช่ประนีประนอมอะไรกันหรอกครับ แค่ “ผลัดกันยึด”เท่านั้น ยังไงก็คงรุมทึ้งกันจนไม่เหลือหรอ คนละหนุบคนละหนับ แบ่งปันกันไป เอ็งมั่งข้ามั่ง ..แถมคุกอีกต่างหาก


ผมนั่งขำคณะผู้ตัดสินคดีนี้มาก จนน้ำหูน้ำตาไหลไปหมด ที่ผลัดกันมานั่งอ่านสลับกันไปมา บางคนก็อ่านดีน่าฟัง บางคนก็อ่านได้น่าเบื่อจนอยากนอน บางคนก็อ่านจนทำให้นึกว่าหลวงตาบัวมาเทศน์โปรด เหมือนกับคดียุบพรรคทั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมาไม่มีผิด..ท่านคงเมื่อยตุ้มไปตามๆกัน


แนะนำว่า ทีหน้าทีหลังก็ “อัดเทปอัดซีดี “มาเปิดก็ได้ครับ แล้วพวกท่านก็นั่งกระดิกเท้าซดน้ำชาประกอบฉากอยู่เท่านั้น จะมานั่งอ่านให้ทรมานสังขารกันอยู่ทำไม หกเจ็ดชั่วโมง เดี๋ยวเกิดหน้ามืดเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมา ใครล่ะ! จะเดือดร้อน  ก็คงเป็นทักษิณอีกนั่นแหละ ข้อหาเอื้อประโยชน์ให้ผู้ตัดสินเป็นลม ..ติดคุก 6 เดือน โดยมติ 8 ต่อ 1 !


สิ่งที่คนทั่วไปจะไม่มีวันลืมก็คือ  คณะผู้ตัดสินได้อ้างคำสั่งกลุ่มผู้กระทำรัฐประหาร หรือ คปค ที่ทำรัฐประหารต่อรัฐบาลที่ประชาชนเลือกมาโดยชอบ นำคำสั่งกลุ่มรัฐประหารมาเป็นบรรทัดฐานตัดสินยึดทรัพย์ อีกทั้งได้ยกย่องให้เป็น “องค์รัฐาธิปัตย์”มีอำนาจเหนือกว่าพระมหากษัตริย์ ..อะโห เป็นไปได้ !


ผมหลับตาปี๋ เพราะรู้สึกอายแทนที่ได้ยินประโยคว่า “ตามคำสั่ง คปค.ฉบับที่....” ผมนึกในใจว่าถ้าเป็นผม แม้จะเห็นดีเห็นชอบกับการทำรัฐประหารอย่างไร แต่ก็จะไม่แสดงออกมาจนนอกหน้าเสียขนาดนี้ ..กลัวลูกหลานจะด่าเอา


ผู้ตัดสินมิได้ยึดกฎหมายรัฐธรรมนูญเอามาอ้างแม้แต่น้อย ตลอดเวลาอ้างแต่คำสั่ง คปค.เท่านั้น  เป็นการตอกย้ำ ทำให้ชาวบ้านตาดำๆยิ่งเข้าใจลึกซึ้งขึ้นไปอีกว่า “พวกเดียวกันนี่หว่า” ..เพียงแต่แปลงร่างมา


อุตส่าห์เขียนรัฐธรรมนูญกันเสียยาวเฟื้อย 309 มาตรา ดันไม่คิดเอามาอ้างเพื่อเอาผิดอดีตนายกฯทักษิณสักมาตราเดียว แต่ดันไปอ้างคำสั่ง คปค.มาตัดสินคนที่ถูกทำรัฐประหารเสียนี่ หันไปยกย่องกบฎ ..เหยียบหน้าชาวบ้าน


ถึงจะยึดทรัพย์สินเขาได้ ก็เพราะใช้อำนาจเท่านั้น  แต่อย่าได้หวัง “ยึดครองหัวใจ”ของชาวบ้านที่เขาศรัทธาต่ออดีตนายกฯทักษิณที่เพิ่มขึ้นทุกวันๆ ..ไม่มีทาง


รู้ไว้ด้วย ตำแหน่งรัฐบุรุษนั้น น้อยไปสำหรับทักษิณเสียแล้วในตอนนี้ เพราะเขาจะอยู่ในใจของประชาชนตลอดไป ..มหาบุรุษทักษิณ !!!

จากคุณ	: ปลายอ้อกอแขม
เขียนเมื่อ	: 1 มี.ค. 53 21:52:24 A:58.11.37.134 X: