 |
ความคิดเห็นที่ 2 |
จนถึงปลายปี 2549 ทีโอทีให้บริการทั้งโดยตรงเองและผ่านผู้ร่วมให้บริการ
อื่นๆทั้งหมดกว่า 45,000 จุด แต่เนื่องจากวิกฤตและการเปลี่ยนแปลงทางการ
เมือง ทำให้ทีโอทีไม่ได้มีการจัดซื้ออุปกรณ์ปลายทางเพื่อให้บริการผู้ใช้เพิ่ม
เติมอีกเลยตั้งแต่ปลายปี 2549 ทั้งที่มีความต้องการของลูกค้ารอใช้งาน
จำนวนมากหลายหมื่นจุดตลอด 9 เดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ที่ผู้ใช้ระดับนี้
หากไม่เพิ่ม ที่สิ้นปี 2550 ทีโอทีจะมีรายได้สะสมของบริการไอพีสตา
ร์ประมาณ 930 ล้านบาท มีค่าเช่าช่องสัญญาณไอพีสตาร์สะสมราว 875
ล้านบาท เป็นผลประกอบการที่เป็นบวกในเพียงสองปี ในบรรยากาศที่ถด
ถอยเช่นนี้ นับได้ว่าดีมากแล้ว ซึ่งปกติแล้วการลงทุนโครงการโทรคมนาคม
จะใช้เวลาคืนทุนหลายปี เช่น 3-5 ปี ไม่ใช่กำไรทันทีในปีแรก ทีโอทีเองก็ลง
ทุนในหลายโครงการที่ยังไม่ถึงจุดคุ้มทุน เช่น เช่น เอดีเอสแอลหรือไทยโม
บาย เป็นต้น ซึ่งตามแผนธุรกิจแต่เดิม ทีโอทีประมาณว่าจะคืนทุนโครงการ
ไอพีสตาร์ใน 3 ปี (จากโครงการ 7 ปี) อยู่แล้ว หลังจากนั้นก็จะมีกำไรเป็น
พันล้านบาทต่อปี นับว่าดีมากหากเปรียบเทียบธุรกิจอื่นๆ ที่มีการลงทุนสูง
และมีความเสี่ยงสูงกว่ามาก เช่น เอดีเอสแอลหรือไทยโมบาย และโดยที่ไอ
พีสตาร์เป็นเทคโนโลยี่ที่ก้าวหน้าที่สุดในโลกในขณะนี้ สามารถทำให้ต้นทุน
การให้บริการบอร์ดแบนด์ต่ำที่สุดโดยเฉพาะบริการชนบท และได้เปรียบการ
แข่งขันกับบรรดาเทคโนโลยีดาวเทียมอื่นๆ
จากคุณ |
:
AMR DIAB
|
เขียนเมื่อ |
:
1 มี.ค. 53 22:06:50
A:124.122.226.11 X:
|
|
|
|
 |