 |
ความคิดเห็นที่ 1 |
ต่อ แต่การเอาผิดตามกฎหมาย ปปช. ต่างกัน เพราะเป็นการเอาผิดตาม ทฤษฎีใหม่ ในการใช้และตีความกฎหมาย ซึ่งเปิดโอกาสให้ตีความได้กว้างกว่า ไม่ต้องเคร่งครัดเหมือนการใช้ประมวลกฎหมายอาญา
ลองกลับไปอ่านคำพิพากษาก็ได้ว่า กฎหมาย ป.ป.ช.มาตรา 4 ให้ความหมายของคำร้องขอให้เงินเป็นของแผ่นดินมี 2 กรณี คือ ทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ หมายถึงทรัพย์สินที่มีการเปลี่ยนแปลงก่อนเข้ารับตำแหน่งทางการเมืองและหลัง ออกจากตำแหน่งมีการเพิ่มผิดปกติ หรือมีหนี้ลดลงผิดปกติ ส่วน ร่ำรวยผิดปกติ หมายถึงการมีทรัพสินมากผิดปกติ หรือได้ทรัพย์สินมาโดยไม่สมควรสืบเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ทางการเมือง
มีตรงไหนบอกว่าทุจริต มีแต่บอกว่าได้มา โดยไม่สมควร
หมายความว่าอะไร หมายความว่าศาลไม่ต้องพิสูจน์ว่าทุจริต แต่เปิดช่องให้ศาลใช้ดุลพินิจได้อย่างกว้างกว่าว่า อะไรคือ ได้มาโดยไม่สมควรสืบเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ทางการเมือง
ซึ่งองค์คณะเสียงข้างมาก ก็วินิจฉัยฉับๆ ทั้ง 5 ประเด็นว่า เป็นการเอื้อประโยชน์ให้ชินคอร์ปฯ และทักษิณมีส่วนเกี่ยวข้องในฐานะนายกฯ จากนั้นก็สรุปว่าคำฟ้องทั้ง 5 กรณีเป็นใช้อำนาจรัฐเอื้อประโยชน์ให้ตัวเอง
ดูตัวอย่างประเด็นแก้สัญญาเอไอเอส
...การไม่ปฏิบัติตามสัญญาหลัก ด้วยการนำค่าใช้จ่าย ค่าเครือข่ายร่วม ซึ่งบริษัท เอไอเอส จะต้องรับผิดชอบตามสัญญา มาหักออกจากส่วนแบ่งรายได้ ย่อมเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ ทศท. ที่ไม่ได้รับส่วนแบ่งรายได้จากการใช้บริการของลูกค้าเท่าจำนวนครั้งต่อนาทีที่มีการใช้บริการเครือข่ายร่วมกับเครือข่ายอื่น นับจากวันที่สัญญาแก้ไขมีผลบังคับ เดือนตุลาคม 2545 ถึงเดือนเมษายน 2551 ปรากฏจากรายงานการตรวจสอบว่า บริษัท เอไอเอส ใช้เครือข่ายร่วม 13,283,420,483 นาที คิดเป็นเงิน 6,960,359,401 บาท เงินจำนวนดังกล่าวเป็นประโยชน์ที่บริษัท เอไอเอส ได้รับจากการแก้ไขสัญญาที่ไม่ชอบด้วยสัญญาหลัก ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่ขณะที่ผู้ถูกกล่าวหายังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่แท้จริงอยู่ในบริษัท ชินคอร์ป และในระหว่างดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีอำนาจหน้าที่บังคับบัญชาหรือกำกับดูแลหน่วยงานของรัฐตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534
องค์คณะผู้พิพากษาจึงมีมติด้วยเสียงข้างมากว่า ผู้ถูกกล่าวหามีส่วนเกี่ยวข้องและได้รับประโยชน์จากกรณีดังกล่าว...
โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง! ไม่มีตรงไหนบอกว่าทุจริตนะครับ แต่ศาลวินิจฉัยว่า 1.เป็นการแก้ไขสัญญาที่ไม่ชอบ โดยบรรยายถึงความไม่ชอบมาพากลต่างๆ 2.เกิดขึ้นในขณะที่ทักษิณเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และเป็นนายกฯพร้อมกัน ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ว่าทักษิณใช้อำนาจหน้าที่เข้าไปสั่งการหรือไม่
จากคุณ |
:
ขงเบ้ง2543
|
เขียนเมื่อ |
:
3 มี.ค. 53 17:38:54
A:161.200.33.77 X:
|
|
|
|
 |