 |
ฟ้องต่ออีกหลายแสนล้าน ...ลม เปลี่ยนทิศ ไทยรัฐวันนี้
|
|
แม้ศาลฎีกา จะพิพากษายึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัวเพียง 46,000 กว่าล้านบาท จากที่อายัดไว้กว่า 76,000 ล้านบาท ข้อหา ร่ำรวยผิดปกติ และ เอื้อประโยชน์ให้ชินคอร์ป แต่ผลจากคำพิพากษาของศาลฎีกาในคดีนี้ ส่งผลให้มีคดีที่ต้องมีการฟ้องร้องตามมาอีกกว่า 100,000 ล้านบาท เพราะมีความเสียหายเกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะในแวดวงธุรกิจสื่อสาร
ประชุม ครม.วันวาน นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปศึกษาคำพิพากษา และรายงานความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ภาครัฐ โดยให้อัยการช่วยสรุปประเด็นและข้อกฎหมาย เพราะบางกรณีโยงกับกฎหมายหลายฉบับ
นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ บอกนักข่าวว่า สิ่งที่รัฐทำต่อเนื่องไม่ใช่การไล่ล่า เพราะรัฐบาลไม่ใช่คู่กรณี แต่เป็นเรื่องการรักษาผลประโยชน์ของแผ่นดิน คนที่มาดำรงตำแหน่งตรงนี้ มีหน้าที่ปกป้องประโยชน์ตรงนี้ ฉะนั้น ไม่สามารถไปละเว้นปฏิบัติหน้าที่ได้ ขอให้ ทุกคนยึดแนวทางนี้ ซึ่งจะเป็นแนวทางเดียวที่เป็นภูมิคุ้มกันและป้องกันให้ผู้ปฏิบัติหน้าที่ในทุกตำแหน่ง ในการที่จะตอบคำถามในอนาคตต่อไป
มาสำรวจดูครับว่า แต่ละหน่วยงานรัฐเสียหายกันเท่าไร จากความผิดที่ ศาลฎีกา ระบุไว้ในคำพิพากษา
1. แก้ไขสัญญาลดส่วนแบ่งรายได้ค่าสัมปทานโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบเติมเงิน (พรีเพด) ที่ต้องจ่ายให้ทีโอที จากที่ต้องจ่ายในอัตราก้าวหน้า 25-30 เปอร์เซ็นต์ เหลือ 20 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ทีโอทีขาดรายได้ไปแล้วประมาณ 14,000 กว่าล้านบาท และจะขาดรายได้ 70,872.03 ล้านบาท เมื่อครบอายุสัญญา
2. แปลงรายได้สัญญาสัมปทานโทรศัพท์มือถือเป็นภาษีสรรพ-สามิต โดยให้นำภาษีสรรพสามิตไปหักออกจากค่าสัมปทาน ทำให้ทีโอทีได้รับส่วนแบ่งรายได้น้อยลง แต่มีรายจ่ายภาษีสรรพสามิตเพิ่มขึ้น เสียหายกว่า 60,000 ล้านบาท
3. แก้สัญญาสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ให้เอไอเอสหักค่าใช้จ่ายเครือข่าย ร่วม (โรมมิ่ง) ออกจากรายได้รวมก่อนส่งส่วนแบ่งรายได้ให้ทีโอที และปรับค่าโรมมิ่งให้ดีพีซี ซึ่งเป็นบริษัทลูกของเอไอเอส เสียหาย 21,750 ล้านบาท
4. แก้ไขสัญญาดาวเทียมไอพีสตาร์ กรณีชินแซทไม่ยิงดาวเทียมสำรอง กระทรวงคมนาคม เสียหายกว่า 4,000 ล้านบาท และ แก้ไขสัญญาสัมปทานดาวเทียมในประเทศ ลดสัดส่วนการถือหุ้นของชินคอร์ปจากไม่ต่ำกว่า 51 เปอร์-เซ็นต์ เหลือไม่ต่ำกว่า 41 เปอร์เซ็นต์ ทำให้รัฐเสียหาย 20,768 ล้านบาท
5. การให้เอ็กซิมแบงก์ปล่อยกู้ให้พม่า 4,000 ล้านบาท คิดดอกเบี้ยต่ำกว่าต้นทุน ทำให้รัฐต้องตั้งงบประมาณจ่ายดอกเบี้ยแทน เสียหาย 650 ล้านบาท
เบ็ดเสร็จ 5 รายการ ค่าเสียหาย 170,000 กว่าล้านบาทแล้ว
ที่น่าสนใจก็คือ บทวิเคราะห์ของ บล.ภัทรและเมอร์ริล ลินช์ ที่ประเมินค่าเสียหายของทีโอที จากการแปลงค่าสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิตว่า ทีโอทีอาจฟ้องเรียกค่าเสียหายจากเอไอเอสเป็นเงินถึง 68,000 ล้านบาท
พร้อมกับตั้งคำถามว่า ทีโอที จะฟ้องเรียกค่าเสียหายเฉพาะ เอไอเอส หรือจะฟ้องเรียกค่าเสียหายจาก ดีแทค และ ทรู ด้วย เพราะใช้ระบบนี้เหมือนกัน ถ้ามีการฟ้องเรียกค่าเสียหาย การแปลงค่าสัมปทานโทรศัพท์มือถือเป็นภาษีสรรพสามิต กับสามค่าย ความเสียหายทั้งหมดจะอยู่ที่ 117,000 ล้านบาท ไม่ใช่ 60,000 ล้านบาท
ที่รวบรวมมาทั้งหมดนี้ เป็นแค่ความเสียหายเบื้องต้นเท่านั้น ต้องรอให้แต่ละหน่วยงานที่เสียหาย ไปประเมินค่าความเสียหายจริงทั้งหมด ตัวเลขอาจมากกว่านี้ก็ได้ นอนหนาวๆร้อนๆ ก็ "นักการเมือง" และ "ข้าราชการประจำ" ที่เกี่ยวข้อง นักการเมืองมาแล้วก็ไป แต่ ข้าราชการจะต้องอยู่จนเกษียณ ใครคิดรับใช้นักการเมืองจนลืมตัวลืมประโยชน์ของชาติ คงต้องไปคิดกันใหม่.
"ลม เปลี่ยนทิศ"
http://www.thairath.co.th/column/pol/thai_remark/68348
| จากคุณ |
:
sao..เหลือ..noi  
|
| เขียนเมื่อ |
:
4 มี.ค. 53 10:13:09
A:58.8.170.149 X:
|
|
|
| |
