ความคิดเห็นที่ 1 .. จากคุณ : คนที่ยืนอยู่ข้างๆฉัน เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 53 13:36:44 A:61.90.84.194 X:

ความคิดเห็นที่ 2 เอาง่าย ๆ ละกัน ทักษิณโอนหุ้นออกไปให้ลูกที่บรรลุนิติภาวะแล้ว ตาม กม. ถือเป็นบุคคลอื่น สรรพกรก็เรียกเก็บภาษีการโอนหุ้น ซึ่งถือได้ว่าทักษิณโอนออกจริง ศาลเอาอะไรเป็นตัวตัดสินว่า หุ้นเป็นของทักษิณ ไม่ใช่ของลูก มีหลักฐานไหม หรือใช้แค่ความรู้สึก ตามกม. หากไม่มีหลักฐานชี้ชัด ต้องยกประโยชน์ให้จำเลย แต่นี้ศาลไม่มีหลักฐานอะไรเลยที่บอกได้ว่าหุ้นเป็นของทักษิฯ ทั้ง ๆ ที่สรรพกรเรียกเก็บภาษีโอนหุ้น แต่ศาลก็ยังแถว่าเป็นของทักษิณ จากคุณ : บุรุษแห่งดาวดวงที่3 เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 53 13:51:08 A:58.8.196.135 X:

ความคิดเห็นที่ 3 ที่จะโพสต์ต่อไปนี้ เป็นข้อความที่ผมเคยพิมพ์ไปแล้ว จากการรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ผมเห็นว่าศาลพิพากษาให้ทักษิณมีความผิด ในกรณีเรื่องการถือหุ้นในส่วนที่เป็นแพ่งนั้น "ผิดจริง" เท่าที่ผมศึกษานะครับ จากหนังสือร่างรัฐธรรมนูญปี 50 (ใช้ฉบับนี้้เพราะเป็นฉบับที่ใช้ตัดสินคดี) ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไม่สามารถถือหุ้นประเภทหนึ่งและสอง (กิจการห้างหุ้นส่วนและหรือบริษัทหนังสือพิมพ์ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ หรือกิจการโทรคมนาคม และ กิจการห้างหุ้นส่วนและหรือบริษัทที่ได้รับสัมปทานและหรือเป็นคู่สัญญาในลักษณะผูกขาดตัดตอน) ได้แม่แต่เพียงหุ้นเดียว ยกเว้นกรณีประเภทที่สาม(อันไม่อยู่ในสองกลุ่มข้างต้น) ที่สามารถถือได้ไม่เกินห้าเปอร์เซนต์ กรณีหุ้นชิน เป็นหุ้นประเภทที่หนึ่ง ทักษิณ ภรรยา และบุตรสาวที่ไม่บรรลุนิติภาวะ ไม่สามารถถือครองได้แม้แต่เพียงหนึ่งหุ้น ดังนั้น เพื่อให้ถูกต้องตามข้อบัญญัติของกฎหมาย (ซึ่งจริงๆ  มันมีมาตั้งแต่ปี 40 แล้ว) จึงได้ขายและโอนหุ้นให้ลูกสาว ลูกชาย และญาติพี่น้อง ประเด็นคือ ศาลไม่ได้บอกว่าทักษิณถือหุ้น แต่เป็นเพราะมีพฤติกรรมให้ผู้อื่นถือครองหุ้นแทน โดยที่ตนเองยังมีส่วนได้เสียกับหุ้นตัวนั้น เหตุเพราะเงินปันผลจากหุ้นบางตัว ยังมีการโอนเข้าบัญชีของคุณหญิงพจมาน และตัวทักษิณเองอยู่ อีกทั้งหุ้นบางส่วน ได้ถูกขายให้กับบริษัทวินมาร์คอันเป็นที่สงสัยว่าเป็นของทักษิณเอง ซึ่งวินมาร์ค ถือหุ้นโดยบลูไดมอนด์ 100% บลูไดมอนด์ก็ถูกถือหุ้นโดยซิเนตราทรัสต์ 100% โดยผู้ได้รับผลประโยชน์จากซิเนตราทรัสต์ก็คือทักษิณและครอบครัว (ตรงนี้ต้องรอผลอีกนิด เพราะคุณหญิงพจมานให้หนังสือจากศาลดูไบว่า วินมาร์คเป็นของคนดูไบผู้หนึ่ง แต่ไม่ได้แสดงหนังสือจดทะเบียนตั้งบริษัทหรือการขายบริษัทแต่อย่างใด) ซึ่งพบว่าในระหว่างที่ทักษิณดำรงตำแหน่ง วินมาร์คได้ถือครองหุ้นชินอยู่ อีกบริษัทหนึ่งคือแอมเพิลริช ที่ทักษิณระบุว่าขายให้พานทองแท้ไปแล้ว หากแต่ไม่ได้มีการชำระเงิน มีเพียงตั๋วสัญญา และเงินปันผลของหุ้นส่วนที่แอมเพิลริชถือนั้น นายพานทองแท้ก็ได้โอนให้กับคุณหญิงพจมานเกินราคาหุ้นที่ระบุไว้ในตั๋วสัญญา เมื่อรวมจำนวนหุ้นที่วินมาร์คกับแอมเพิลริชถือของหุ้นชินไว้เกิน 5% ทางธนาคารที่ดูแลจึงแจ้งกลต. ทีนี้ปัญหามันมาเกิดเมื่อนางกาญจภา หงส์เหินยื่นธุรกรรม ของแอมเพิลริช ที่มีผู้ลงนามแทนคือ T. Shinnavat โดยระบุว่าเป็นธุรกรรมเพียงเอกสารเดียวในช่วงปี 42 ถึง 48 หมายความว่า ถ้า T. หมายถึงทักษิณ แปลว่าทักษิณยังคงถือครองหุ้นชินซึ่งเป็นหุ้นประเภทหนึ่งไว้ในขณะที่ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือหากชาวดูไบนั้นไม่ได้เป็นเจ้าของวินมาร์คตามที่คุณหญิงพจมานกล่าวอ้าง ก็จะเข้ารอยเดิมอีก เพราะจากข้างบน วินมาร์คถือหุ้นโดยบลูไดมอนด์ และบลูไดมอนด์ก็ถือหุ้นโดยซิเนตราทรัสต์ โดยมีผู้รับผลประโยชน์คือทักษิณและครอบครัว จึงเป็นประหนึ่งว่า ทักษิณ และอดีตภรรยา ได้ถือครองหุ้นขณะที่ทักษิรดำรงตำแหน่งนายก โดยผ่านการถือครองโดยอ้อม ส่วนตัวบทกฎหมาย ด้วยที่ไม่ใช่นักกฎหมาย จึงขอเว้นไว้ในการตีความครับ ซึ่งควรรอให้มีการตีพิมพ์คำพิพากษาอันมีการตีความกฎหมายโดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อความเข้าใจที่ไม่คลาดเคลื่อนต่อไป อันนี้ไม่นับกรณีสัมปทานนะครับ นับเฉพาะเรื่องการถือหุ้นแทน หากผิดพลาดประการใด ขออภัยครับ ลำดับเรื่องราวให้ น่าจะอ่านง่ายขึ้น สำหรับท่านที่มีข้อมูลชี้แจงที่มีเหตุผลของฝ่ายผู้ต้องหา ผมยินดีที่จะอ่านและพิจารณาเป็นอย่างยิ่งครับ จากคุณ : baezae (baezae) เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 53 13:53:33 A:160.39.33.116 X:

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณความเห็น2 และ 3 - (ขออนุญาตยืมข้อความจากคห.3 คุณ :baezae) ตอบคห. 2 ...."ประเด็นคือ ศาลไม่ได้บอกว่าทักษิณถือหุ้น แต่เป็นเพราะมีพฤติกรรมให้ผู้อื่นถือครองหุ้นแทน โดยที่ตนเองยังมีส่วนได้เสียกับหุ้นตัวนั้น....." จากคุณ : คนที่ยืนอยู่ข้างๆฉัน เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 53 14:00:04 A:61.90.84.194 X:

ความคิดเห็นที่ 5 สรุปให้สั้นเข้าไปอีก ทักษิณโอนหุ้นให้ลูก โดยโอนออกไปแล้ว สรรพกรรับทราบ แต่ศาลเชื่อว่าทักษิณยังถือครองหุ้นด้วยรูปแบบนอมินี มีผลประโยชน์แอบแฝง จึงได้ตัดสินโดย เชื่อได้ว่า ทักษิณซุกหุ้นและเอื้อประโยชน์จร้ง จากคุณ : oat_jazz เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 53 14:02:19 A:58.9.160.201 X:

ความคิดเห็นที่ 6 ความเห็นห้า สรุปแบบนั้นคงไม่ีดีกระมังครับ ขาดซึ่งสาระสำคัญ ทำให้เนื้อความหาย ความหมายเปลี่ยน ลองอ่านทั้งหมด แล้วดูว่า ทำไมศาลท่านถึงตัดสินให้ทักษิณผิดฐานมีพฤติกรรมให้ผู้อื่นถือครองหุ้นแทน โดยที่ตัวเองยังคงรับผลประโยชน์จากหุ้นนั้นอยู่ จากคุณ : baezae (baezae) เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 53 14:05:23 A:160.39.33.116 X:

ความคิดเห็นที่ 7 สรุปสั้นๆ ครับ กฎหมายห้ามไม่ให้ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองถือหุ้น ทักษิณขายหุ้นให้ลูกและญาติ ประกาศให้คนรู้ทั้งประเทศ นานแล้ว ทุกคนในประเทศ น่าจะยอมรับแล้ว เพราะ ศาล รธน. ตัดสินไปแล้ว ว่าการกระทำนั้น ทำได้  ทักษิณจึงได้เป็นนายก เพียงแค่เหตุผล ที่ จขกท ยกมา ไม่สามารถใช้ยึดทรัยพ์ได้หรอกครับ เพราะว่า ทรัพย์นั้นไม่ได้ใช้ในการกระทำความผิด และไม่ได้เกิดจากการกระทำความผิดใดๆ ถ้าได้ทรัพย์จากการขายยาบ้า ก็ยึดทรัพย์ได้เพราะขายยาบ้าเป็นความผิด แต่ ทรัพย์ที่ได้มาจาก ธุรกิจที่ถูกกฎหมาย ย่อมไม่สามารถอ้างยึดได้ ไม่เคยมี รมต คนไหนที่ซุกหุ้นแล้ว ถูกยึดทรัพย์ครับ เพราะกฎหมายให้แค่ ไม่มีสิทธิ์ดำรงตำแหน่ง การตีความว่าบุคคลใดไม่ควรได้รับประโยชน์จากการฝ่าฝืนกฎหมาย บังคับใช้กับใครบ้างละ ได้บังคับใช้กับ คณะปฏิวัติด้วยหรือเปล่า ได้บังคับใช้กับ รัฐบาลชุดนี้ด้วยหรือเปล่า การไปชุมนุมขับไล่รัฐบาล การไปยึดสนามบิน การไปยึดทำเนียบ จนฝ่ายของตนเองได้เป็นรัฐบาล เป็นการกระทำตามกฎหมายมั้ย ฝ่ายของตนเองทำผิดกฎหมาย แล้วได้รับประโยชน์จากการกระทำผิดกฎหมายนั้น ได้มานั่งเป็น นายก หัวโด่อยู่นี่ ทำไมทำได้ละครับ จากคุณ : webkit เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 53 14:11:35 A:202.12.97.118 X:

ความคิดเห็นที่ 8 -ขอบคุณค่ะ คุณ  baezae คห.6 ที่ชี้แนะ ดีใจที่ได้รับมุมมองเพิ่มเติมจากคนที่conc.จริง งั้นเอาใหม่นะคะ  คห.2 คุณ   : บุรุษแห่งดาวดวงที่3 อ่านให้หมดดีกว่านะ... จากคุณ : คนที่ยืนอยู่ข้างๆฉัน เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 53 14:13:51 A:61.90.84.194 X:

ความคิดเห็นที่ 9 โฮ่ยป่วยการที่จะชี้แจงครับ เรื่องคดียึดทรัพย์นี่ กลุ่มเสื้อแดงเขาไม่รับฟังหรอกครับ  คนที่เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองทั้งหลายแหล่ที่ลงเลือกตั้งนั้น กฏหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งมันถูกตราขึ้นมาก่อนที่ นายทักษิณ จะลงสมัคร ส.ส. เสียอีก นักการเมืองไม่ใช่ไม่รู้ นายทักษิณจบปริญญาเอก แถมจบโรงเรียนนายร้อยตำรวจอีกต่างหาก เรียนอาชญวิทยามาก็เยอะแยะ กฏหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งเขาเขียนเอาไว้ชัดเจนครับว่าเมื่อคุณเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองแล้ว หากคุณจะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต้องจัดการอย่างไรกับทรัพย์สินของตนเอง ทรัพย์สินของคู่สมรส ทรัพย์สินของบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ จะต้องทำอย่างไรบ้างให้เป็นไปตามตัวบทกฏหมาย หากมีหุ้นที่ถืออยู่ในบริษัทต่าง ๆ ไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับรัฐหรือไม่ก็ควรจะขายออกไปเสีย และไม่ไปเกี่ยวข้องกับมันอีก เอาชัวร์ ๆ เอาให้ปลอดจากข้อครหาทั้งหลายแหล่ซัก 3 ปี เป็นอย่างน้อย เท่านี้ก็สบายใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย ยกเว้นว่าคนนั้นมีธงในใจว่าจะมาหาเศษหาเลยในขณะดำรงตำแหน่ง พอเลือกตั้งเสร็จผมเห็น กกต. ก็จัดสัมนาให้รัฐมนตรีฟังกันเกือบทุกปีกระมังครับว่าทรัพย์อย่างไรต้องห้าม ทรัพย์อย่างไรต้องแจ้ง ทรัพย์อย่างไรไม่ต้องแจ้ง  ดังนั้น คนเสื้อแดงทั้งหลายก็ต้องมีสติไตร่ตรองให้ดีว่าสิ่งที่นายทักษิณทำไปนั้นมันถูกหรือผิดอย่างไร มีเจตนาอะไรเคลือบแฝงหรือไม่ จากคุณ : กระจอกจัง เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 53 14:21:30 A:10.20.152.132 X:203.146.104.32

ความคิดเห็นที่ 10 ความเห็นเจ็ดครับ คนละเรื่องเดียวกันแล้วครับ กรณีศาลรัฐธรรมนูญพิพากษาเมื่อปี 44 เป็นกรณีที่่เกิดการฟ้องร้องว่า ทักษิณแจ้งบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จ และให้บุคคลอื่นถือหุ้นแทน ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่า ไม่ผิด เพราะมีการโอน และมีการทำสัญญาซื้อขาย หากแต่กรณีศาลผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองครั้งหลังนี้ มีการสืบสวนพบว่า เส้นทางการโอน และการซื้อขายนั้น แม้จะมีการทำสัญญา หากแต่เงินปันผลหรือแม้แต่ตัวหุ้นเอง ก็กลับเข้ามาเป็นทรัพย์สินของทักษิณและอดีตภรรยาในท้ายที่สุด นั่นหมายความว่า การโอนและการซื้อขายนั้น แม้จะมีสัญญาเป็นหลักฐาน แต่เป็นพฤติกรรมยักย้ายถ่ายเทตัวหุ้น โดยที่ตนยังคงให้ผู้อื่นถือครองทางอ้อม และตนยังเป็นผู้รับผลประโยชน์ในท้ายที่สุดอยู่ดี จากคุณ : baezae (baezae) เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 53 14:22:18 A:160.39.33.116 X:

ความคิดเห็นที่ 11 การรัฐประหาร เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย กฎหมายไทยเขียนห้ามการทำรัฐประหาร คตส,ปปช ก็เกิดจาก การตั้งของคณะรัฐประหาร รัฐประหารเสร็จก็ตั้งคนฝ่ายตัวเอง มาเป็น คตส ปปช สตง กกต ตลก.รธน ฯลฯ ทุกคนได้รับประโยชน์จากการกระทำผิดกฎหมายแทบทั้งสิ้น ฝ่ายตัวเองออกกฎหมาย ให้การกระทำผิดของตนเองถูกกฎหมายได้ แล้วจะมาอ้างยึดทรัพย์คนอื่นกับแค่การอ้างว่าผู้นั่นทำไม่สมควร แม้จะทำถูกกฎหมายทุกอย่างแล้วก็ตาม หาที่เอาผิดเขาไม่ได้ก็อ้างว่า ไม่สมควร ฝ่ายตัวเองทำผิดชัดเจน เขียนกฎหมายไม่ให้ผิด บอกว่า สมควรแล้ว จากคุณ : webkit เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 53 14:27:44 A:202.12.97.118 X:

ความคิดเห็นที่ 12 เรียน จขกท. ผมไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษา รายละเอียดที่อ้างทั้งหมดมันไม่สอดคล้อง กับหลักยุติธรรม ทักสิน ผิดในข้อกำหมายที่คุณอ้างทำไมไม่ใช้กฎหมายที่มีอยู่ดำเนินการอย่างถูกทำนองครองธรรมใช้กฎหมายของคณะปฎิวัติ การยอมรับ อำนาจที่ไม่ถูกต้อง มาใช้พิพากษาความผิดเช่นนี้ มันยอมรับไม่ได้ครับประเด็นมันอยู่ตรงนี้ ถ้าผ่านจุดนี้ไม่ได้ยังไงก็ไม่สามารถได้รับการ ยอมรับจากฝ่ายเสื้อแดง ลองเปิดใจมองประเด็นเหล่านี้บ้างผมยินดีที่ได้ สนทนาด้วย จากคุณ : chaikungza เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 53 14:29:12 A:124.121.123.133 X:

ความคิดเห็นที่ 13 กฎหมายเรื่องห้ามไม่ให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถือครองหุ้นที่เป็นสัมปทานหรือเกี่ยวกับรัฐ มีมาตั้งแต่ปี 40 ครับ ในรัฐธรรมนูญ 50 ลอกข้อนี้มาจากปี 40 ครับ รัฐธรรมนูญ 50  แตกต่างจาก 40 อยู่ไม่กี่เรื่อง ที่ต่างกันก็เป็นเรื่องการตรวจสอบการทุจริตนักการเมืองเมื่อดำรงตำแหน่งที่ให้อำนาจ คตส. เป็นคนรวบรวมพยานหลักฐานและส่งฟ้อง มีมาตราการป้องกันการซื้อเสียงที่รัดกุมขึ้น นอกนั้นส่วนใหญ่ก็เปลี่ยนแค่คำเชื่อมนิดหน่อยเพื่อให้รัดกุมมากขึ้นทางกฎหมาย ส่วนเมื่อ คตส.ส่งฟ้องแล้ว ผิดไม่ผิดอยู่ที่กระบวนการสืบสวนจากพยานหลักฐาน (การพิจารณาคดีนักการเมืองนี้ ใช้การสืบสวนจากพยานหลักฐาน ไม่ใช่เป็นไต่สวนจากโจทก์จำเลย) ซึ่งก็ใช้หลักกฎหมายในรัฐธรรมนูญ 50 ที่ส่วนใหญ่ก็ใกล้เคียงหรือเหมือนกันกับของปี 40 ครับ แก้ไขเมื่อ 05 มี.ค. 53 14:37:23 จากคุณ : baezae (baezae) เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 53 14:31:28 A:160.39.33.116 X:

ความคิดเห็นที่ 14 ผมอ่านแล้วเข้าใจมั่งไม่เข้าใจมั่ง    งง  เรื่องหุ้นนี่หล่ะครับ  กฎหมายผมก็ไม่ค่อยจะมีความรู้ด้านนี้เท่าไหร่ คือสงสัยว่า  ในกรณีที่หุ้นตก  รึบริษัทขาดทุนนี่  จะถือว่าเป็นพฤติกรรม ที่  ได้รับผลประโยชน์มั้ยครับ จากคุณ : บ่าวภูธร เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 53 14:35:52 A:112.142.169.23 X:

ความคิดเห็นที่ 15 คห.13  ครับ แล้วในกรณีที่เล่นการเมืองและมีสัมปทานรัฐมาก่อนที่  กฎหมายปี 40  จะประกาศใช้นี่ผิดกฎหมายมั้ย จากคุณ : บ่าวภูธร เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 53 14:39:12 A:112.142.169.23 X:

ความคิดเห็นที่ 16 คห.10 ครับ ผมถามจริงๆ คุณแกล้งโง่ หรือ แกล้งซื่อ หรือ แกล้งเป็นคนดี คุณไม่รู้หรือว่า ทักษิณขายให้ลูก ต่อไปนะ คุณแก่ตัวไป ไม่อยากบริหารบริษัท ก็ขายบริษัทให้ลูกนะครับ แล้วถ้าลูกคุณหาเงินมาซื้อ ไม่ได้ ก็ขายให้คนอื่นซะนะครับ คนที่ไม่มีกิจการอะไร หรือคนที่ไม่มีครอบครัว ไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ คงจะเข้าใจคำตัดสินของศาลครับ จากคุณ : webkit เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 53 14:39:33 A:202.12.97.118 X:

ความคิดเห็นที่ 17 ความเห็นสิบสี่ ยังคงผิดอยู่ดีครับ เพราะยังมีกรณีที่วินมาร์คนั้นถูกถือหุ้นโดยซิเนตราทรัสต์อันเป็นผู้ถือหุ้นสุดท้ายทั้ง100% ก็หมายความว่าคนในครอบครัวรวมทั้งทักษิณและคุณหญิงพจมาน ยังคงถือหุ้นชินอยู่ แม้จะในทางอ้อมก็ตาม ไม่เกี่ยวว่าจะได้กำไรหรือขาดทุนอย่างไร จากคุณ : baezae (baezae) เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 53 14:40:36 A:160.39.33.116 X:

ความคิดเห็นที่ 18 เล่นการเมืองมาก่อน หมายถึงตลอดอายุเวลาที่อยู่ในวงการเมืองหรือเปล่าครับ พิจารณาว่าทักษิณรับตำแหน่งนายกครั้งแรกเมื่อไร หลังรัฐธรรมนูญ 40 ออกมาใช่ไหมครับ ก่อนหน้านั้นเว้นวรรคไปหลังจากปีสามเก้า ช่วงระหว่างนั้นถือว่าไม่ได้เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อมาดำรงตำแหน่งนายกอีกครั้งในปี 44 ก็เข้ามาดำรงตำแหน่งอีกครั้ง โดยต้องปฏิบัติตามระเบียบของรัฐธรรมนูญปี 40 ที่ห้ามไม่ให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สามี ภรรยา และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะถือหุ้นที่เกี่ยวกับสัมปทานรัฐเลยแม้แต่หุ้นเดียว กรณีมีหุ้นมาก่อนและไม่อยากขายทิ้ง สามารถโอนหรือขายให้ลูกที่บรรลุนิติภาวะแล้วหรือผู้อื่นได้ครับ แต่กรณีทักษิณต่างไป เพราะอย่างที่บอกว่า สุดท้ายทั้งหุ้นและเงินกลับมาหาทักษิณเหมือนเดิม ถ้าผมต้องเล่นการเมืองแล้วมีหุ้นแบบนั้น แล้วลูกผมไม่มีเงินซื้อ และผมไม่อยากขาย ผมก็สามารถเลือกฝากไว้กับหน่วยงานรับฝากหุ้นได้ครับ โดยมีข้อแม้ว่า ในระหว่างที่ผมดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้น จะไม่มีอำนาจไปทำการเคลื่อนไหวหุ้นตัวนี้ได้ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดครับ บอกไปแล้วครับว่า ทักษิณขายแอมเพิลริชที่ถือหุ้นชินให้พานทองแท้ โดยมีสัญญาซื้อขาย แต่ไม่มีการชำระเงิน แปลว่าพานทองแท้เป็นหนี้ทักษิณใช่ไหมครับ เพราะเมื่อบรรลุนิติภาวะแล้วถือเป็นบุคคลเอกเทศ ปัญหาคือพานทองแท้นำเงินปันผลหุ้นไปใส่คืนในบัญชีคุณหญิงพจมานซึ่งในขณะนั้นยังไม่ได้หย่าจากทักษิณ จึงนับเป็นบุคคลคนเดียวกัน หากเงินที่โอนนั้น เป็นไปเพื่อใช้หนี้ ก็ควรจะโอนในจำนวนที่พอดี ๆ กับเงินที่เป็นหนี้ใช่ไหมครับ แต่นี่เพลินโอนเงินปันผลเกินไปเป็นพันล้านครับ แต่ผมคงไม่เล่นการเมืองหรอกครับ ไม่มีเงิน แก้ไขเมื่อ 05 มี.ค. 53 14:55:43 จากคุณ : baezae (baezae) เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 53 14:49:05 A:160.39.33.116 X:

ความคิดเห็นที่ 19 ผมอยากจะเรียน จขกท นะ เรื่องที่ ทักษิณขายหุ้นให้ลูก และ ญาติ ก่อนมาเล่นการเมือง ผมและรวมถึงทุกคน รู้ดีครับว่า จริงๆ ทรัพยสินนั้น ก็ยังเป็นของ คุณทักษิณ และผมก็ยอมรับได้ ผมจึงเลือกเขา เป็นนายก เพราะผมไม่ได้คิดว่าจะเสียหายอะไร ต่อให้คุณ และ ศาล ยกเหตุผลพวกนี้มา มันก็ไม่มีประโยชน์หรอกครับ เพราะเรื่องพวกนี้เรารู้มาตั้งแต่ก่อนที่ ทักษิณจะเป็นนายกแล้ว และคุณทักษิณก็ไม่ได้ ปิดบัง ซ้อนเร้นอะไรเลย ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะเทาๆ แต่ก็ไม่ดำ ยอมรับได้ ดีกว่านายกที่ทำงานอะไรไม่เป็น แบบ นายกรูปหล่อคนปัจจุบัน และยิ่งเห็นครอบครัวคุณทักษิณขายหุ้นไปจนหมด เขาก็ยิ่งขาวสะอาดเลย จะได้ไม่มีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนอีก ถ้าในประเทศไทย มีบริษัท AIS เป็นผู้ให้บริการอยู่เจ้าเดียว แล้วทักษิณมาเป็นนายก และ ออกกฎหมาย ไม่ให้คนอื่นทำแข่ง ผมจะเชื่อที่ศาลตัดสินครับ แต่สิ่งที่เห็นคือ นโยบายที่ออกมา สมัยทักษิณ ไม่ได้เอื้อให้ AIS เจ้าเดียว ซึ่งดีกว่า นโยบายของ รัฐบาลนี้ด้วยซ้ำไป แจกเงิน 2,000 บาท  ทำไมใช้บริการ ธ.กรุงเทพ เจ้าเดียว จากคุณ : webkit เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 53 15:01:03 A:202.12.97.118 X:

ความคิดเห็นที่ 20 ความเห็นสิบเก้า หมายความว่า แม้จะทำผิดกฎหมายก็ไม่ผิดกับใจคุณหรือครับ ส่วนที่ว่าไม่ปิดบังซ่อนเร้น ทักษิณเขาปฏิเสธมาตลอดนะครับ แม้ปัจจุบันก็ยังปฏิเสธอยู่ ส่วนกรณีเรื่องสัมปทาน แม้ในทางแพ่งจะชี้ว่าเอื้อประโยชน์ไปแล้ว สั่งยึดทรัพย์แล้ว แต่ในทางอาญายังไม่ได้ตัดสินครับ ซึ่งทางอาญาจะตัดสินในเรื่องใช้ตำแหน่งหน้าที่ในทางมิชอบหรือไม่ และในเมื่อศาลท่านยังไม่ได้พิพากษาทางอาญา ผมก็จะไม่วิจารณ์หรือให้ความคิดเห็นก่อนครับ เพราะอยากรอพยานหลักฐาน และข้อแก้ต่าง รวมถึงคำพิพากษาสุดท้ายก่อนจึงค่อยให้ความเห็นครับ จากคุณ : baezae (baezae) เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 53 15:10:17 A:160.39.33.116 X:

ความคิดเห็นที่ 21 กฎหมายที่ห้ามนักการเมืองถือหุ้นมีเจตนารมย์ของกฎหมายคือ เพื่อป้องกันการออกกฎหมายเพื่อเอื้อประโยชน์แก่กลุ่มธุรกิจของตนเอง   แล้วกรณีของทักษิณนี่เขาออกกฎหมายเพื่อเอื้อประโยชน์แก่หุ้นของเขารึเปล่าครับ ผมว่าที่เราถกเถียงกันอยู่นี่  ฝ่ายหยิบกฎหมายมาใช้ ฝ่ายนึงหยิบรัฐศาสตร์มาใช้ มันก็แย้งกันไปกันมาอยู่อย่างนี้หล่ะครับ จากคุณ : บ่าวภูธร เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 53 15:11:59 A:112.142.169.23 X:

ความคิดเห็นที่ 22 คห.18 ครับคุณ baezae (baezae) นี่ยิ่งชัดเจนเลยว่าศาลตัดสินเกินกว่าที่กฎหมายเขียนไว้ ในกฎหมายเขียนแค่ไม่ให้ถือครองหุ้น แต่เวลาตัดสิน กลับไปเอาประเด็นว่า มีการโอนเงินปันผลให้ คำว่าไม่ให้ถือครอง ก็คือ ไม่มีชื่อในหุ้นนั้น ยังไงซะเขาก็ครอบครัวเดียวกัน เรื่องนี้จึงเป็นการเอาเรื่องการเมือง มาเอาผิดทางกฎหมาย คำว่าการเมืองคือ มันไม่ผิดกฎหมาย  แต่อาจจะผิดความรู้สึก เช่น คุณรับไม่ได้ ที่ทักษิณเป็นคนรวย มีกิจการโทรศัพท์ คุณไม่อยากให้เขาเป็นนายก คุณก็ไม่เลือก แต่เขาทำตามกฎหมาย เขาจึงมีสิทธิ์เป็นนายก หลังๆ มา ประเทศเราใช้กฎหมายมาตัดสินเรื่องทางการเมืองมากเกินไป จึงเอาสิ่งที่ผิดในความรู้สึกมาตัดสินด้วย ทั้งๆ ที่เรื่องนี้มันก็ไม่ได้โกงอะไร ไม่ได้ผิดกฎหมายอะไร ที่คนในครอบครัว จะโอนเงินให้กันเอง ส่วนเรื่องการฝากหุ้น อันนี้ผมไม่มีความรู้หรอก ไม่เคยฝาก สมมติว่าระหว่างฝากหุ้น หุ้นยังเป็นของทักษิณอยู่ คุณทักษิณก็ได้เงินปันผลตามเดิม หรือเปล่าล่ะ หรือว่าเงินปันผล ยกให้คนที่รับฝาก ถ้าคุณทักษิณได้เงินปันผลตามเดิม ทำแบบนั้นแล้วก็โดนข้อหาเอื้อผลประโยชน์ เหมือนเดิม จากคุณ : webkit เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 53 15:15:24 A:202.12.97.118 X:

ความคิดเห็นที่ 23 สำหรับเรื่องกรณีสัมปทานว่าเอื้อหรือไม่เอื้อ ทางห้องสินธรเค้าให้ข้อมูลไว้ดีมากครับ ผมไม่คิดว่าตัวผมจะสามารถให้ข้อมูลที่ชัดเจนกว่าผู้เชี่ยวชาญได้ครับ กระทู้ล่าง ๆ ลงไปก็มีลิงก์ไปครับ ลองไปหาอ่านดู คนฆ่าคนตาย ถูกพิพากษาประหารชีวิต สารภาพลดโทษกึ่งหนึ่งเป็นจำคุกตลอดชีวิต อันนี้เป็นนิติศาสตร์ ระหว่างอยู่ในเรือนจำ ทำตัวดี โทษลดเรื่อย ๆ สุดท้ายติดยี่สิบปี อันนี้เป็นการใช้หลักรัฐศาสตร์มาผสม การใช้หลักรัฐศาสตร์ก็เป็นเรื่องดีครับ แต่หลักนิติศาสตร์นั้นจะละเลยทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่คงไม่ได้ เมื่อผิด ก็ว่าตามผิดไป จากคุณ : baezae (baezae) เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 53 15:19:04 A:160.39.33.116 X:

ความคิดเห็นที่ 24 ฝากหุ้น เงินปันผลและตัวหุ้นถูกปล่อยให้ทุกอย่างไปตามกลไก ขึ้นก็ขึ้น ลงก็ลง ถึงเวลาออกจากตำแหน่ง ก็มาดูกันอีกทีว่ากำไรขาดทุน อีกอย่างถ้าฝากแล้วไม่ได้ไปยุ่งเลยยังไงก็ไม่ผิดครับ กรณียังคงได้รับประโยชน์จากเงินปันผล แม้ว่าจะขายหุ้นหรือโอนไปแล้ว ทำให้ศาลเห็นเจตนาในการใช้บุคคลอื่นถือครองหุ้นแทนครับ แก้ไขเมื่อ 05 มี.ค. 53 15:29:03 จากคุณ : baezae (baezae) เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 53 15:24:03 A:160.39.33.116 X:

ความคิดเห็นที่ 25 แม่มีที่ดินกับตลาดให้เช่า อยากยกที่ดินให้ลูกไม่อยากมีปัญหาเรื่องมรดกเลยทำเรื่องโอนกรรมสิทธ์ในที่ดินกับตลาดให้ลูก แต่เงินค่าเช่าแม่ก็ยังคงเอาไว้ใช้ลูกก็ไม่ได้ว่าอะไร กรณ๊นี้ลูกเป็นนอมินีถือที่ดินแทนแม่ไหมในเมื่อค่าช่าก็ไม่ได้เอาไปใช้ จากคุณ : วิหคเหิรฟ้า เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 53 15:24:15 A:118.172.163.171 X:

ความคิดเห็นที่ 26 19     ตรงใจ ที่สุด ครับ ......... จากคุณ : ช่างผูกเหล็ก (ปันโน) เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 53 15:28:04 A:95.66.46.82 X:

ความคิดเห็นที่ 27 คุณ  webkit  ความคิดเห็นที่ 19 -จริงๆ ทรัพยสินนั้น ก็ยังเป็นของ คุณทักษิณ และผมก็ยอมรับได้ ผมจึงเลือกเขา เป็นนายก เพราะผมไม่ได้คิดว่าจะเสียหายอะไร ==>เรากลับมองว่า นี่คือตัวอย่างของความเพิกเฉยต่อความไม่ถูกต้อง ที่เป็นปัญหาสังคมไทยที่ไม่เล็กเลย -ต่อให้คุณ และ ศาล ยกเหตุผลพวกนี้มา มันก็ไม่มีประโยชน์หรอกครับ เพราะเรื่องพวกนี้เรารู้มาตั้งแต่ก่อนที่ ทักษิณจะเป็นนายกแล้ว และคุณทักษิณก็ไม่ได้ ปิดบัง ซ้อนเร้นอะไรเลย==> แจ้งบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จ เก้าครั้ง!!! ยังไม่รวมที่โกหกว่าไม่ได้มีส่วนในหุ้นนั้นแล้ว -ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะเทาๆ แต่ก็ไม่ดำ ยอมรับได้ ดีกว่านายกที่ทำงานอะไรไม่เป็น แบบ นายกรูปหล่อคนปัจจุบัน==>ทำงานเป็นของคุณ คงต่างกับการทำงานเป็นของคนหลายส่วนในประเทศ  ยกมาเป็นเรื่องๆน่าจะดีกว่าว่า ทำงานเป็นตรงไหน ไม่เป็นเรื่องอะไร ดูอย่างไร อย่าใช้ความรู้สึก -และยิ่งเห็นครอบครัวคุณทักษิณขายหุ้นไปจนหมด เขาก็ยิ่งขาวสะอาดเลย จะได้ไม่มีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนอีก==>ถ้าจะให้ขาวสะอาด ยังจะไปรับผลประโยน์ตรงนั้นทำไม?? นายกนะ ไม่ใช่แค่เถ้าแก่บริษัท -ถ้าในประเทศไทย มีบริษัท AIS เป็นผู้ให้บริการอยู่เจ้าเดียว แล้วทักษิณมาเป็นนายก และ ออกกฎหมาย ไม่ให้คนอื่นทำแข่ง ผมจะเชื่อที่ศาลตัดสินครับ==>แสดงว่าคุณข้ามรายละเอียดโดยเฉพาะในส่วนที่อ.สมเกียรติ ตั้งกิจวาณิชย์ให้ความรู้ไว้  ลองไปหาอ่านใหม่ดู แต่สิ่งที่เห็นคือ นโยบายที่ออกมา สมัยทักษิณ ไม่ได้เอื้อให้ AIS เจ้าเดียว ซึ่งดีกว่า นโยบายของ รัฐบาลนี้ด้วยซ้ำไป==>ดีกว่าหรือ เอื้อแค่บางกลุ่ม ก็ล้วนไม่มีความเป็นธรรมในการแข่งขัน ความเชื่อมั่นของนักลงทุนจะเกิดขึ้นได้อย่างไร อยากให้เหมือนประเทศเด็จการทหารงั้นหรือ etc. แจกเงิน 2,000 บาท  ทำไมใช้บริการ ธ.กรุงเทพ เจ้าเดียว==>โอเค ประเด็นนี้ ค่อยดูมีเหตุผลที่จะถาม ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูล ขอเวลาไปตรวจสอบหน่อย จะมาแลกเปลี่ยนด้วยนะ ตอนนี้ขอถกเรื่องคดีตามกระทู้ก่อน ขอบคุณคุณ webkitที่สละเวลา จากคุณ : คนที่ยืนอยู่ข้างๆฉัน เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 53 15:28:26 A:61.90.84.194 X:

ความคิดเห็นที่ 28 ยีสิบห้า แม่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือเปล่า ตลาดนั้นเข้าตลาดหลักทรัพย์หรือเปล่า ถ้าใช่ทั้งสอง ต้องดูว่าตัวลูกถือครองตลาดนั้นเป็นสัดส่วนหุ้นเกินห้าเปอร์เซนต์หรือเปล่า ถ้าใช่อีก ก็มีความผิดครับ แต่ถ้าเป็นคนธรรมดา ไม่ิผิดครับ จากคุณ : baezae (baezae) เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 53 15:33:14 A:160.39.33.116 X:

ความคิดเห็นที่ 29 เดี๋ยวผมหยิบปรัชญามาใช้บ้างครับ ความคิดเห็นที่ 23 กฎหมายมันไม่ใช่ไม่ดีอยู่ที่คนเอามาใช้ ยกตัวอย่างกรณี  กฎหมายการจราจร กฎหมายบังคับให้ในระหว่าง รถจอดรอไฟแดง ห้ามจอดเกินเส้นขาว แต่ใน  กทม.  เพื่อแก้ปัญหาการจราจรติดขัด  ตำรวจจราจรต้องโบกรถให้ไปจอดเกินขอบเส้นขาวเพื่อที่รถมาจากแยกไฟแดงด้านหลังจะได้ไม่ไปจอดขวางกลางแยกไฟแดงที่อยู่ด้านหลัง แก้ไขเมื่อ 05 มี.ค. 53 15:36:12 จากคุณ : บ่าวภูธร เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 53 15:33:18 A:112.142.169.23 X:

ความคิดเห็นที่ 30 ยี่สิบเก้า โบกให้ไปชิดขอบทางเสียค่าปรับหรือเปล่าครับ เพราะหยุดรถเกินเส้นจราจรที่กำหนดไว้ ถ้าไม่ปรับ ก็ถือว่าเจ้าหน้าที่บกพร่องต่อหน้าที่ครับ ถ้าถูกร้องเรียนก็มีโทษเหมือนกัน แก้ไขเมื่อ 05 มี.ค. 53 15:36:36 จากคุณ : baezae (baezae) เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 53 15:35:22 A:160.39.33.116 X:

ความคิดเห็นที่ 31 ฝากหุ้นแล้วสามารถลงมติในที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้มั้ยครับ? เพราะถ้าไม่ได้ คงไม่มีใครฝากหรอกครับ เพราะการลงมติที่ต้องการเสียงเกินกึ่งหนึ่ง หรือ2/3 จะมีปัญหาทันที จากคุณ : stockmachine เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 53 15:37:27 A:58.64.58.214 X:

ความคิดเห็นที่ 32 ลบดีกว่าความเห็นนี้   แก้ไขเมื่อ 05 มี.ค. 53 15:58:39 จากคุณ : บ่าวภูธร เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 53 15:43:21 A:112.142.169.23 X:

ความคิดเห็นที่ 33 คคห.24 " ฝากหุ้น เงินปันผลและตัวหุ้นถูกปล่อยให้ทุกอย่างไปตามกลไก ขึ้นก็ขึ้น ลงก็ลง ถึงเวลาออกจากตำแหน่ง ก็มาดูกันอีกทีว่ากำไรขาดทุน อีกอย่างถ้าฝากแล้วไม่ได้ไปยุ่งเลยยังไงก็ไม่ผิดครับ กรณียังคงได้รับประโยชน์จากเงินปันผล แม้ว่าจะขายหุ้นหรือโอนไปแล้ว ทำให้ศาลเห็นเจตนาในการใช้บุคคลอื่นถือครองหุ้นแทนครับ " ------------------------------------------------------------------------------------ เชื่อว่า ข้อมูลนี้ผิด  เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น ก็ไม่ต้องโอนหุ้นให้ลูกให้เสียเวลา ให้ต้องมาไล่บี้ตรวจสอบกัน เพราะถ้าผมเป็นนายก ผมก็สามารถทำให้บริษัทนี้ได้รับประโยชน์เต็มๆ (และไม่ผิดกฏหมายด้วย) รอ 4 หรือ 8 ปี ค่อยมาเก็บผลก้อนใหญ่ทีเดียว ก็ไม่นานมากมายสักเท่าใด !                                     จากคุณ : กาแฟดำขม เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 53 15:46:59 A:125.27.87.30 X:

ความคิดเห็นที่ 34 คห30 ถ้าบังคับใช้กฎหมายแล้วเกิดปัญหาการจราจรติดขัดตามมา   จราจรเขาให้มาแก้ปัญหารถติดคุณไม่สามารถทำให้การจราจรไหลลื่นไปได้ ยังไปทำให้รถติดอีกนี่ถือว่าบกพร่องต่อหน้าที่มั้ยครับ จากคุณ : บ่าวภูธร เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 53 15:47:10 A:112.142.169.23 X:

ความคิดเห็นที่ 35 28 คุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่ากฏหมายเขาไม่ห้ามลูกที่บรรลุนิติภาวะประกอบธุรกิจหรือทำสัมปทานใดใดทั้งสิ้นนะครับเขาห้ามเฉพาะผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถ้าศาลชีว่าหุ้นที่คุณทักษินโอนให้ลูกโอนจริงเกมจบเลยครับไม่ต้องพิจารณาต่อ ถึงต้องได้มีการตีความลากให้เป็นของทักษินให้ได้ ยังมองไม่เห็นประโยชน์ว่าจะตั้งใจให้หลอกหลอกไปทำไม ในเมื่อถ้าตั้งใจให้จริง ทรัพย์ก็ไม่โดนยึด คดีอาญาทั้งหลายก็ไม่ต้องโดน เป็นทักษินผมตั้งใจให้จริง ช้าเร็วทรัพย์สินก็ต้องเป็นของลูกอยู่แล้ว จากคุณ : วิหคเหิรฟ้า เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 53 15:47:43 A:118.172.163.171 X:

ความคิดเห็นที่ 36 เข้ามาดูและเป็นกำลังใจให้นะครับ จขกท.และคุณ  baezae จากคุณ : thyrocyte เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 53 16:05:55 A:203.147.40.3 X:

ความคิดเห็นที่ 37 ส่วนหนึ่งของคำวินิจฉัยกว่าวไว้ว่า............ มาตรา 61 แห่งประมวลรัษฎากร ก็บัญญัติหลักเกณฑ์ในการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาไว้ว่า บุคคลใดมีชื่อใน หนังสือสำคัญใดๆ แสดงว่า (1) เป็นเจ้าของทรัพย์สิน อันจะระบุไว้ในหนังสือสำคัญ และทรัพย์สินก่อให้เกิดเงินได้พึงประเมิน หรือ (2) เป็นผู้ได้รับเงินได้ถึงประเมิน โดยหนังสือสำคัญเช่นว่านั้น เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินเรียกเก็บภาษีทั้งหมดจากผู้มีชื่อในหนังสือสำคัญนั้นก็ได้ การดำเนินการทางภาษีอากรกับพานทองแท้และพินทองทา จึงเป็นการดำเนินการตามหลักการแห่งประมวลรัษฎากร การกล่าวหาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ร่ำรวยผิดปกติในคดีนี้ เป็นการดำเนินการกับเจ้าของที่แท้จริงในหุ้นบริษัท ชินคอร์ป เป็นคนละเรื่องกับความรับผิดทางภาษีอากร เพราะมีหลักกฎหมายในการพิจารณาที่แตกต่างกัน ******************************************* ความข้อนี้ในคำวินิจฉัย ประหนึ่งว่า หากนาย ข ซึ่งเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองซุกห้นไว้ในชื่อ นาย ค แล้วไซร้ ตามกฏหมายไทยนั้น - นาย ข จะต้องรับผิดตามกฏหมายปปช.โดยอาศัยพฤติการณ์ของนาย ข ว่ายังมีพฤติการร์เฉกเช่นเจ้าทัพย์ตัวจริง เช่น ได้รับเงินปันผลจากหุ้นที่เอาไปซุกไว้กับนาย ค และนาย ค ไม่ได้จ่ายเงินค่าห้นให้นาย ข จริงๆเป็นต้น - นาย ค ต้องรับชำระภาษีส่วนที่ได้ประโยชน์จากการที่นาย ข โอนหุ้นมาให้ตามนัยมาตรา 61 แห่งประมวลรัษฎากร และในกรณีนี้ที่เกิดขึ้นตามนัยแห่งคำวินิจฉัยประมวลรัษฏากร28-2538 ซึ่งประมวลรัษฏากรไม่ได้ดูพฤติการณ์อย่างกฏหมาย ปปช. แต่ดูว่าในชื่อนั้นใครเป้นเจ้าของทรัยพ์ในนาม แม้จะเป็นผู้ถือหุ้นแทน ก็ต้องเสียภาษีอากรอยู่ดี แม้จะถือหุ้นแทนเขา เพราะชื่อนั้นเป้นนาย ค ถือหุ้น ประมาวลรัษฏากรก็มาตามเก็บเอากับคนที่รับสมอ้างเป็นเจ้าทรัพย์ แม้จริงๆจะไม่ใช่เจ้าทรัพย์ แก้ไขเมื่อ 05 มี.ค. 53 16:16:52 จากคุณ : thyrocyte เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 53 16:12:40 A:203.147.40.3 X:

ความคิดเห็นที่ 38 ข้อวิเคราะห์จากโพสต์ทูเดย์ 04 มีนาคม 2553 เวลา 09:55 น ในคำฟ้องและข้อต่อสู้ของ “โอ๊ค-เอม” ในชั้นคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์นั่งยัน นอนยันว่า ทั้งสองคนเป็นผู้ถือ หุ้นเป็นเจ้าของตัวจริงเสียงจริงในบริษัท แอมเพิลริช และเป็นเจ้าของหุ้นที่แท้จริงของบริษัท ชินคอร์ป ที่ถืออยู่ก่อน ดังนั้น ในกรณีที่ทีมทนายความ รวมถึง “บิดา-มารดา” ของ “โอ๊ค-เอม” ต้องการใช้สิทธิประโยชน์จากผลของคำ พิพากษาของศาลฎีกาในคดียึดทรัพย์ ก็ต้องยอมรับข้อเท็จจริงเสียก่อนว่า ทั้งโอ๊คและเอมเป็นเพียงผู้ถือหุ้นแทน พ.ต.ท.ทักษิณ หากยอมรับในคำตัดสินดังกล่าว “โอ๊ค-เอม” จึงจะสามารถใช้ทนายความพันล้านให้นำคำพิพากษาของศาลฎีกา ในคดียึดทรัพย์มาใช้เป็นพยานหลักฐานในการต่อสู้คดีภาษีอากร 1.2 หมื่นล้านบาท ประเด็นนี้สำคัญและเป็นการสาวไส้กันจริงๆ เพราะเมื่อยอมรับข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาของศาลฎีกาเพื่อประโยชน์ ในคดีภาษี ก็จะขัดแย้งอย่างรุนแรงกับหลักการและข้อต่อสู้ของคนในครอบครัวชินวัตรทั้งหมด ที่ยกมาอ้างในคำ ร้องที่ต้องยื่นอุทธรณ์คดียึดทรัพย์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา และเท่ากับเป็นการยอมรับว่า"ซุกห้นจริงๆ" ประเด็นหนี้ไม่ต้องใช้สมองพิเคราะห์ก็เดาได้ว่า หาก “ทักษิณ-คุณหญิงพจมาน-โอ๊ค-เอม” ยอมรับในหลักการนี้ ก็เท่ากับยอมให้มัดตราสังทันทีว่า “ผมซุกหุ้นไว้ และได้ยอมรับว่าแจ้งบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จอีกแล้วครับทั่น” โทษ คือ ห้ามเล่นการเมือง 5 ปี จากคุณ : thyrocyte เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 53 16:22:04 A:203.147.40.3 X:

ความคิดเห็นที่ 39 ข้อวิเคราะห์จาก ข้อวิเคราะห์จากโพสต์ทูเดย์ 04 มีนาคม 2553 เวลา 09:55 น(ต่อ) ถ้าบริษัท แอมเพิลริช เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์หุ้นชินคอร์ป 329.2 ล้านหุ้น และต่อมาได้โอนหุ้นให้แก่กรรมการ บริษัท คือ พานทองแท้ และพินทองทา ในราคาเพียงหุ้นละ 1 บาท บุคคลทั้งสองย่อมได้รับผลประโยชน์ส่วน ต่างราคาหุ้นตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรที่ 28/2538 จึงเป็นเงินได้พึงประเมินตามประ มวลรัษฎากรในมาตรา 39 แต่ว่าเมื่อศาลบอกว่า บุคคลทั้งสองเป็นตัวแทนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ผู้ได้รับผลประโยชน์จากส่วนต่างของราคาหุ้น ที่แท้จริงคือ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อได้ประโยชน์ก็ต้องเสียภาษี...นี่คือไม้ตาย ที่จะตายหนักไปกว่านั้น คือ ในมาตรา 824 ของกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ระบุชัดๆ ที่หนีอย่างไรก็ไม่ออกคือ “ตัวแทน” คนใดทำสัญญาแทน “ตัวการ” ซึ่งอยู่ต่างประเทศ ท่านว่า “ตัวแทน” คนนั้นต้องรับผิดตามสัญญานั้น ตามลำพังตัวเอง แม้ทั้งชื่อของตัวการจะได้เปิดเผยแล้ว จะเชื่อตามข้อวิเคราะห์นี้หรือไม่ โปรดใช้วิจารณญาณเอาเองครับ จากคุณ : thyrocyte เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 53 16:25:50 A:203.147.40.3 X:

ความคิดเห็นที่ 40 สำหรับผมแล้ว ข้อวิคราะห์ในคห.39 อาจจะฟังดูแปร่งๆ แต่ข้อวิเคราะห์ในคห.38 น่าคิดอยู่พอสมควร ส่วนท่าน สมาชิกจะคิดต่างแตกไปจาก โพสต์ทูเดย์วิเคราะห์ไว้ ก็เชิญได้ตามสบายครับ ไปก่อนละครับ จากคุณ : thyrocyte เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 53 16:31:27 A:203.147.40.3 X:

ความคิดเห็นที่ 41 ขบวนการเริ่มแล้ว เป็นเวรกรรมของประเทศ น่าเศร้าสลดจังเลย คนไทยด้วยกันแท้ ๆ จากคุณ : ฟ้ามีตา (seneenu) เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 53 16:41:55 A:200.200.200.119 X:124.122.224.209

ความคิดเห็นที่ 42 ที่เอามาให้ดู คือข้อสรุปจากความคิดเห็น ไม่ใช่ข้อกฎหมาย จากคุณ : ดีไม่ห่างเหิน เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 53 16:56:26 A:192.168.20.12 X:58.136.81.231

ความคิดเห็นที่ 43 ถ้าเอาข้อกฎหมายเพียวๆมาดู ติดคุกเพราะโกง ก็ไม่แปลก   แต่นี่ ไม่มีการโกง ไม่มีการติดคุก แต่ยึด งงว่ะ จากคุณ : ดีไม่ห่างเหิน เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 53 16:58:03 A:192.168.20.12 X:58.136.81.231

ความคิดเห็นที่ 44 บอกตามตรงเลย... " มั่วอิ๊บอ๋าย " กฎหมายห้ามนายกหรือหุ้นสัมปทานรัฐ มันเป็นกฎหมายผลประโยชน์ัทับซ้อน การกระทำใดๆในนี้ ไม่มีผิด ไม่ใช่ฉ้อฉล แต่เป็นการผิดตามสถานะพิเศษที่กฎหมายระบุไว้ ซึ่งโทษก็คือ ถอดถอน ปรับ จำคุก ฯลฯ ไม่เกี่ยวกับว่าจะต้องมีการทุจริตแม้แต่นิดเดียว แค่ไปถือหุ้นขณะดำรงตำแหน่ง ยังไม่ทันสั่งการอะไรเลย ก็ต้องนับว่าผิดแล้ว... แล้วจะเอามาเปรียบเทียบกับคดียึดทรัพย์ได้อย่างไร ??? ถ้าจะคิดบ้าๆแบบนี้จริงๆ ทีหลังตามไปยึดทรัพย์ ลุงหมัก มั่งนะ... ลุงแก ก็ผิดตามกฎหมายประโยชน์ทับซ้อนจากสถานะเหมือนกันน่ะแหละ... แล้วนี่ยังมีเรื่องการตีความกฎหมายประเภทนี้ ( ที่จะต้องทำแบบเคร่งครัด ) อีก แต่พอดีตอนนี้ไม่มีเวลา เดี๋ยวมาต่อ... จากคุณ : SaVor เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 53 17:43:07 A:124.120.8.108 X:

ความคิดเห็นที่ 45 ตระกูลชาญวีระกุล นอมีนีถือ STEC  ชิโน-ไท หุ้นรับเหมาสัมปทานรํฐ อย่างงี้ผิดไหมครับ จากคุณ : คนแถวนี้ (kunmae) เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 53 18:11:27 A:58.9.56.133 X:

ความคิดเห็นที่ 46 วางมือจากธุรกิจจริง  ก็คงไม่มีปัญหาวุ่นวายอย่างนี้ ขายหุ้นไม่รับเงิน(รับเป็นตั๋วเงิน ไม่คิดดอกอีกต่างหาก) เงินปันผลของบริษัทฯ จ่ายให้โอนเข้าบัญชีตัวเอง ตรงเป๊ะ กรณีเป็นเช่นนี้  หลายครั้ง  หลายครา   ถ้าขายหุ้นจริงแล้วไม่ไปยุ่งเรื่องก็จบแล้ว จากคุณ : kuk172 เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 53 20:05:11 A:58.64.71.130 X:

ความคิดเห็นที่ 47 น่าเศร้าที่คนไทยคลั่งไคล้ทักษิณก็ยังคงหลับหูหลับตาหลงไหลกันจนมองเห็นว่าเค้าไม่ได้โกง แค่ผิดระเบียบข้อบังคับของการเป็นนายกที่ดีไปนิดหน่อยเอง หยวนได้ว่าง้าน? ก็ถ้ามันสามารถโต้แย้งได้ทุกข้อกล่าวหาจริงๆ ผมว่าทีมทนายความสมองเพชรพันล้านของแม้วตั้งกี่คนก็คงจะหาหลักฐานมาแก้ต่างต่อศาลไปนานแล้วล่ะ แต่เพราะมันโจ๋งครี่มไง? เถียงไม่ออก แล้วก็มากุเรี่อง เฉไฉไปเรื่องความชอบธรรมในการพิจารณาคดีของคณะท่านผู้พิพากษาซะงั้น จากคุณ : stoopid เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 53 20:37:18 A:202.176.163.204 X:

ความคิดเห็นที่ 48 คุณ baezae (baezae) ขอถามนิดครับว่า ถ้าคุณเป็นทักษิน คุณจะขายหุ้นให้นายชวน หรือ อภิสิทธิไม๊ครับ จากคุณ : วันหยุดโลก เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 53 23:30:26 A:125.24.168.187 X:

ความคิดเห็นที่ 49 คงไม่ขายให้ครับ เพราะทั้งคู่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถ้าขาย ก็คงขายให้ใครสักคนที่ไม่ได้มีตำแหน่งครับ แต่ถ้าผมมีหุ้นแบบนั้นจริง ผมคงฝากไว้กับหน่วยงานรับฝากหุ้นครับ แล้วก็ปล่อยให้ขึ้นลงตามกลไก เพราะตอนนั้นธุรกิจมือถือกำลังติดลมบน ยังไงก็น่าจะกำไรไม่มากก็น้อย ไว้ออกจากตำแหน่งมาค่อยรับเงินรับหุ้นคือทีเดียว แล้วจะไปขายใครต่อก็ได้กำไรอยู่ดี เรื่องศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ ค้นดูทางอินเตอร์เนทได้ครับ ว่าดำเนินการอย่างไร  หลัก ๆ คือเค้าจะดำเนินการซื้อ-ขาย ตัวหุ้นที่รับฝากไว้ ตามข้อตกลงที่ได้แจ้งไว้ หากไม่ต้องการให้ขาย โอน ก็จะคงเก็บไว้เฉย ๆ และแจ้งผลให้ทราบอยู่เสมอครับ โดยตัวผู้ฝากจะไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการซื้อ-ขาย โอน ใด ๆ จากคุณ : baezae (baezae) เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 53 00:09:43 A:160.39.66.36 X:

ความคิดเห็นที่ 50 คคห.45 อย่าพึ่งแถครับ กระทู้นี้เค้าถกกันเรื่องนายกฯ(ทักษิณ) ตระกูลชาญวีระกุล ยังไม่ได้เป็นนายกฯ...เข้าใจ๋!!! จากคุณ : สาเล็ก เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 53 00:43:28 A:110.49.101.197 X:

ความคิดเห็นที่ 51 ท่าทางจะเป็นกระทู้ดีมีคุณภาพ แต่ยังไม่ได้อ่านอะไรเลย ขอเข้ามากรี๊ดก่อน . . . กรี๊ดดดดดดดด...ด....ด........ดดดดด ลูกศรมหากาฬกลับมาแล้ววววววว จากคุณ : auld lang syne เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 53 01:30:43 A:58.8.97.28 X:

ความคิดเห็นที่ 52 rep 50 จะนายกหรือ รมต. มันก็ถูกคุมโดยกฎหมายฉบับเดียวกันนั่นแหละ... จากคุณ : SaVor เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 53 01:56:03 A:124.120.8.108 X:

ความคิดเห็นที่ 53 โทดที...จริงๆว่าจะโพสต์ว่ากระทู้นี้เค้าว่ากันเรื่องคุณทักษิณล้วนๆ คนอื่นอย่างพึ่งเอาเข้ามาเกี่ยว เดี๋ยวมันจะโยงไปเหลืองปิดสนามบินได้ แต่ทำใมแดงปิดถนนเผา...ไม่ได้ จากคุณ : สาเล็ก เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 53 02:07:41 A:119.31.62.82 X:

ความคิดเห็นที่ 54 คุณ Savorถ้ามีข้อมูล หลักฐานอะไร เราเอาคุยกันก็ได้ครับ จะในนี้หรือจะตั้งกระทู้ใหม่ก็ดีครับ น่าสนใจดี จะได้เอาเหตุผล หลักฐานพยานมาหักล้างกัน ถ้าผิดก็ว่าตามผิดครับ จะของวันนี้หรือของวันไหน ผิดมันก็คือผิด จากคุณ : baezae (baezae) เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 53 02:15:17 A:160.39.66.36 X:

ความคิดเห็นที่ 55 ผมตั้งกระทู้ไว้ตั้งนานแล้วล่ะ... http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P8931637/P8931637.html ถึงบอกว่า คำพิพากษาคดีนี้มันมั่ว มั่วมากๆ เพราะตามหลักคือ คุณต้องมีหลักในการเอาผิดเขาก่อน แล้วจึงค่อยยึดทรัพย์ แต่นี่มาบอกว่า ใช้ดุลยพินิจส่วนตัวของศาลมาบอกเอาเองว่า " ไม่สมควร " ผมว่าทำแบบนี้มันปัญญาอ่อน และไม่มีความน่าเชื่อถืออะไรเลย... สมมติ คดี 5 คดีของทักษิณ ฟ้องอาญาแล้วหลุดหมด หรือเอาแค่หลุดซัก 1 - 2 คดีก็พอ แบบนี้จะคืนเงินเขาไหมล่ะ ? ยิ่งกระทู้นี้ อ่านแล้วยิ่งสลด เอาหลักกฎหมายมาจับมั่วๆ เหมือนกะว่า แค่ได้ยินหลักนี้มา ก็เอามาจับเลย ไอ้กฎหมายที่ห้ามนายก หรือ รมต. ถือหุ้นเนี่ย... มันเป็นกฎหมายพิเศษที่ออกมาจำกัดสิทธิเพิ่ม เป็นกฎหมายเชิงป้องกัน การที่ รมต. ไปถือหุ้น ไม่เกี่ยวกับการฉ้อฉลอะไรเลย... เพราะเป็นการออกกฎหมายมาจำกัดสิทธิเพิ่มจากปกติ ไม่เกี่ยวกับว่า คุณจะทุจริตหรืออะไร กรณีถือหุ้น เขาผิดตามสถานะเท่านั้น ไม่ได้ผิดเพราะไปเอื้อประโยชน์ หรือว่าถือแล้วได้ประโยชน์ ไม่ใช่... ถือหุ้นแค่ 1 วินาที ยังไม่ทันออกนโยบายอะไรเลย มันก็ผิดแล้ว... ผมยกตัวอย่างง่ายๆ คดีที่ดินรัชดา ถ้าคิดตามหลักนี้ ต้องยึดที่นะ ไม่ใช่แค่ให้การซื้อขายเป็นโมฆะ แถมปัจจุบันเลวร้ายกว่านั้น คือยังไม่ได้ทำอะไรเลย... คดีลุงหมัก ต้องยึดเงินที่ได้มาจากรายการด้วยนะ กรณี รมต. ถือหุ้นสัมปทาน ก็ต้องยึดหุ้นเขาด้วยนะ ไม่ใช่ปลดจากตำแหน่งเฉยๆ นี่ไง... คดีเหล่านี้เป็นข้อหาที่ผิดเรื่องสถานะที่เป็นผลประโยชน์ทับซ้อน แล้วใช้หลักที่ว่า " บุคคลใดจะได้รับประโยชน์จากการกระทำฉ้อฉลของตัวเองไม่ได้ " มาจับเหมือนกัน... ใช้ได้ไหม... ตัวอย่างแค่นี้มันก็บอกได้แล้วว่า ไอ้คนที่เอาหลักนี้มาจับมันมั่ว ตีกฎหมายยังไม่แตกเลย เอาแต่หลักเบื้องต้นมาผูกเรื่องมั่วๆให้เข้าทางตัวเองเท่านั้น... จากคุณ : SaVor เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 53 09:33:39 A:124.122.182.88 X:

ความคิดเห็นที่ 56 มันตั้งกะเริ่มแล้ว รสช.ปฏิวัติ มีการฟ้องศาลยึดทรัพย์นักการเมือง ศาลยกฟ้อง เพราะการปฏิวัติมิชอบ . . . จากคุณ : Electric Dreamz เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 53 11:58:32 A:183.89.134.140 X:

ความคิดเห็นที่ 57 สรุปง่ายๆ ครับ ถึงพวกคุณ จขกท จะคิดว่า สิ่งที่ทักษิณทำไม่เหมาะสม โดยหลักกฎหมาย ก็ไม่มีสิทธ์ไปยึดทรัพย์ เพราะเงินทุกบาท ทุกสตางค์ ได้มาจากสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมาย   ความผิดของทักษิณ เป็นความผิดทางการเมือง ผิดเพราะพวกคุณไม่ชอบ ไม่ได้ผิดเพราะการทุจริต การยึดทรัพย์ ต้องเป็นทรัพย์ที่ได้จากการกระทำความผิด และ สื่งนั้นคือความผิด แล้วสิ่งไหนคือความผิดละ  ถ้าอ้างว่าหุ้นที่ขึ้นเกิดจากการปั่นหุ้น ก็ต้องหาหลักฐานมาแสดงว่าปั่นหุ้นยังไง  เพราะแค่อ้างว่า เป็นหุ้นของนายกจึงขึ้น มันอ่อนไป ด้วยเหตุผลแค่ว่า เพราะ ทักษิณโอนหุ้นให้ลูกดูแลแทนเป็นเหตุให้ยึดทรัพย์ ถึง 4 หมื่นล้าน มันจึงไม่สมเหตุสมผล จากคุณ : webkit เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 53 16:47:49 A:202.12.97.118 X:

ความคิดเห็นที่ 58 ^ ^ ^ สิ่งที่เป็นความผิดก็คือเป็นนายกแต่ยังมีหุ้นในหน่วยงานที่มีสัมปทานกับรัฐไงเล่า วุ้ย... พูดกันมาจนปากเปียกปากแฉะแล้ว! จากคุณ : auld lang syne เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 22:12:46 A:58.8.95.6 X: