 |
กลั่นจากใจถึงผองเพื่อนและแกนนำเสื้อแดง:ข้อสังเกตและคำแนะนำบางประการเพื่อชัยชนะที่ยั่งยืน
|
|
มีภาษิตจีนกล่าวไว้ว่า ผู้สังเกตการณ์มักแจ่มแจ้ง ผมเองไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญหรือนักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่เชี่ยวกรากหรือเก่งกาจแต่อย่างใด แต่เป็นประชาชนคนหนึ่งที่เฝ้ามองการเมืองไทยมานานพอสมควร และหลายครั้งที่เหตุการณ์ความเป็นไปมักถูกต้องตรงกับการคาดการณ์
การออกความเห็นครั้งนี้อาจไม่ถูกใจพี่น้องฮาร์คอร์หลายท่าน แต่ขอยืนยันว่าเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ ด้วยความปราถนาดี และด้วยความรักในอุดมการณ์อย่างแท้จริง ดังนั้นจึงกล้าแสดงตนและพร้อมรับความไม่เห็นด้วยที่จะถั่งโถมเข้าหาทั้งจากเพื่อนพ้องและฝั่งตรงข้าม
ความคิดเห็นที่อยากจะแสดงออกให้พิจารณานี้ขอแบ่งเป็น 3 หัวข้อด้วยกันคือ
1.วิสัยทัศน์และปรัชญา 2.แผนตั้งรับ 3.ยุทธวิธี
@ วิสัยทัศน์ปรัชญา
ประธานเหมาเคยกล่าวไว้ว่าแนวทางการเคลื่อนไหวเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนั้นกอปรด้วย 3 สิ่งหรือที่เรียกกันว่าแก้ว 3 ประการคือ 1.พรรค 2.กองกำลัง (ในที่นี้เราจะประยุกต์ใช้ในความหมายเชิงสันติซึ่งไม่ได้หมายถึงการใช้อาวุธหรือความรุนแรง แต่หมายถึงกลุ่มชนที่เป็นแนวหน้าในการเคลื่อนไหว) 3.มวลชน
การก่อกำเนิดของมวลชนเสื้อแดงกว่าจะมาถึงวันนี้ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นง่ายดายหรือเกิดขึ้นได้เพียงชั่วข้ามคืน หากแต่มีพื้นฐานสืบสาวไปถึงแนวนโยบายที่กระจายโอกาส , ระบบรัฐสวัสดิการที่ช่วยเหลือประชาชนที่ตกทุกข์ได้ยากอย่างจริงใจและมุ่งตรงถึงแก่นของปัญหา , ผลงานและความสำเร็จที่เป็นรูปธรรม รวมถึงความรู้สึกของประชาชนที่รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมอันสั่งสมตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย. เป็นต้นมา
การก่อเกิดมวลชนที่มีพลังคุคั่งถั่งโถมขนาดนี้เป็นสิ่งที่ปรากฏไม่บ่อยครั้งนักในประวัติศาสตร์ประเทศเรา ดังนั้นถ้าเราไม่มีการวางรากฐานและหลักคิดที่ชัดเจนแน่นหนาแล้ว ก็เป็นการเสี่ยงที่กระแสมวลชนจะสลายไปอย่างน่าเสียดายถ้าต้องผจญกับอุปสรรค ระยะเวลาที่ยืดเยื้อ และแผนการทอนกำลังจากฝ่ายตรงข้าม
ดังนั้นสิ่งที่จะทำให้เสื้อแดงแปรเป็นพลังที่สร้างคุณประโยชน์ให้แก่ประชาชนได้อย่างยั่งยืนได้ จนถึงขั้นสามารถ ใช้มวลชนควบคุมพรรค ใช้พรรคสนับสนุนและกำหนดแนวทางการเคลื่อนไหว ใช้การเคลื่อนไหวให้มีบทบาทนำมวลชน
สิ่งที่จะทำให้อุดมคติดังกล่าวเคลื่อนใกล้ความเป็นจริงได้คือ หลักการที่ชัดเจนและมีเหตุผลอาทิ การแปรพลังมวลชนให้สามารถกำหนดนโยบายและทิศทางของประเทศได้ (ซึ่งอันนี้เป็นเป้าหมายในระยะยาวแต่ก็ควรบอกกล่าวให้มวลชนเป็นที่เข้าใจ) หรือเรื่องเฉพาะหน้าเช่นการต่อต้านและแสดงความไม่เห็นด้วยกับอำนาจนอกระบบที่แทรกแซงขบวนการประชาธิปไตยโดยวิธีการสันติ ซึ่งหลักการและเหตุผลต่าง ๆ เหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องตอกย้ำ กระจายความเข้าใจให้กับมวลชนเสมอ เพื่อการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงจะสามารถไปอย่างมีรากฐาน เป็นประโยชน์ และยั่งยืน
ถ้าไม่ปลูกฝังหลักคิดที่ชัดเจนแล้ว มันก็จะมีคำถามต่อไปว่า ถ้าเกิดได้รับชัยชนะแล้วเสื้อแดงจะทำอย่างไรต่อไป ? หรือถ้าเกิดพลั้งพลาดพ่ายแพ้ในครั้งนี้ขึ้นมาเสื้อแดงจะทำอย่างไรต่อไป ?
(สิ่งเหล่านี้เป็นน่าเชื่อว่าแกนนำในลักษณะของ หมอเหวง ครูประทีบ หมอมิ้ง คุณภูมิธรรม คุณจาตุรนต์ ฯลฯ สามารถผลักดันให้เป็นความจริงได้)
ที่สำคัญคือชัยชนะทางการเมืองอยู่ที่การช่วงชิงมวลชน ไม่ใช่ความคลั่งแค้นหรือความดุเดือดเลือดพล่านในการเคลื่อนไหว
ดังนั้นขออย่าให้เกิดความรุนแรง เพราะถ้าเกิดความรุนแรงเมื่อใดความชอบธรรมในการเคลื่อนไหวของเราจะหมดไปทันที มิหนำซ้ำยังเป็นการสลายกำลังตัวเองโดยที่ฝ่ายตรงข้ามไม่ต้องออกแรงอะไรเลยอีกด้วย
(คิดว่าประเด็นนี้ทางแกนนำคงเตรียมแผนรองรับและมีการจัดการไว้เป็นอย่างดีแล้วแต่ขอเรียนฝากไว้ด้วยความห่วงใยอีกครั้งหนึ่ง)
การชุมนุมแสดงความคิดเห็นทางการเมืองเป็นสิทธิอันชอบธรรมตามระบอบประชาธิปไตย
ชัยชนะอาจไม่ยังไม่ได้มาในวันนี้พรุ่งนี้ก็ไม่เป็นไรขอให้พี่น้องเราอดกลั้นใจไว้สักนิดมองที่เป้าหมายใหญ่เป็นสำคัญ
ชัยชนะที่แท้จริงอยู่ในสนามเลือกตั้ง อำมาตย์หรืออำนาจนอกระบบมันสามารถล้มการเลือกตั้งที่ผ่าน ๆ แต่มันไม่สามารถหน้า ด้. า .นล้มการเลือกตั้งได้ทุกครั้ง เพียงแค่เราสามารถรักษาความเป็นกลุ่มเป็นก้อนของมวลชนไว้ ในระยะยาวชัยชนะต้องตกเป็นของเรา
@ แผนตั้งรับ
ต้องยอมรับว่าปัจจุบันแนวรบด้านสื่อเราเพลี่ยงพล้ำเกือบทุกแนวรบ
สิ่งที่เรายังขาดมากคือการสื่อสารต่อสังคมที่เป็นระบบและมีประสิทธิภาพ 4-5 ปีมานี้เราค่อนข้างแพ้ด้านการข่าวมาตลอด ฝ่ายตรงข้ามเล่นสงครามข่าวสารพัด ทั้งใต้ บนดิน ทั้งข่าวลือ เวปไซด์ ฟอร์เวิร์ดเมล กระบอกเสียงทางวิชาการ ฯลฯ จนสามารถโน้มน้าวมวลชนที่ไม่ได้ติดตามการเมืองอย่างใกล้ชิดไว้ได้เป็นจำนวนมาก
สิ่งที่เห็นว่าเรายังขาดอยู่คือทีมงานที่จะสื่อสาร และชี้แจงประเด็นต่าง ๆ กับสังคมอย่างเข้าใจง่ายและเป็นเหตุเป็นผล
การชี้แจงที่ผ่านมาอาจจะเข้าใจ สะใจในหมู่พวกเรา แต่ไม่สามรถให้ความเข้าใจที่คลี่คลายกับสังคมได้
ดังนั้นน่าจะมีการตั้งวอร์รูมหรือทีมงานเฉพาะกิจเพื่อกรณีนี้โดยเฉพาะ โดยคัดสรรคนที่มีความสามารถในการสื่อสารอย่างเป็นเหตุเป็นผลอย่างแท้จริงมารับมือด้านนี้ (ยก ตย.สมัยครั้งที่ก่อตั้งพรรค ทรท.ใหม่ ๆ สโลแกน ม๊อตโต้ หรือข้อความต่าง ๆ ที่ทีมงานสื่อออกมา ล้วนกินขาดและกินใจ)
หรือสามารถโจมตีจุดอ่อนที่เปิดปลายคางได้อย่างเข้าเป้า เช่นเรื่องใหญ่อย่างเรื่องมาบตาพุดที่จะก่อให้เกิดผลเสียหายต่อเศรษฐกิจในระยะยาว ที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ขาดประสิทธิภาพ ขาดภาวะผู้นำ ไร้ความสามารในการจัดการปัญหาอย่างสิ้นเชิง
ขอยก ต.ย. การสื่อสารที่เห็นประเด็น เข้าใจง่าย และเป็นเหตุเป็นผล จากข้อเขียนของคุณใบตองแห้ง ในกรณีการยึดทรัพย์อดีตนายกฯ มาให้ดูเป็นแนวทางนะครับ
-----------------------------------------------------------------------------
คำถามง่ายๆ ที่ทุกคนไม่ได้ถามในการที่ ปปช.และ คตส.ยื่นฟ้องคดีนี้คือ เหตุใดคุณไม่แยก 5 ประเด็นที่กล่าวหาว่าทักษิณใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์ ฟ้องเป็นความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 พร้อมกับฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายฐานทำให้รัฐเสียประโยชน์ แต่ ปปช.กับ คตส. กลับยื่นฟ้องโดยเอาทั้ง 5 ประเด็นมารวมว่า เป็นการใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์จนทำให้ตนเองร่ำรวยผิดปกติ ถือว่าได้ประโยชน์มาโดยมิชอบจากการดำรงตำแหน่ง ให้ยึดทรัพย์ เพราะอะไรครับ ก็เพราะการเอาผิดตามมาตรา 157 ต้องพิสูจน์ให้ชัดเจนตามองค์ประกอบของกฎหมายอาญา สมมติเช่น คุณตั้งข้อกล่าวหาว่าทักษิณใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์ ในกรณีที่ ทศท.แก้ไขสัญญาลดค่าตอบแทนให้เอไอเอส ถ้าจะเอาทักษิณเข้าคุก คุณต้องพิสูจน์ว่าทักษิณเข้าไปสั่งการ มีพยานหลักฐาน แม้ไม่ถึงขั้นเอกสาร (ใบเสร็จ) คุณก็ต้องมีหลักฐานแวดล้อมพอสมควร
ลองกลับไปอ่านคำพิพากษาก็ได้ว่า กฎหมาย ป.ป.ช.มาตรา 4 ให้ความหมายของคำร้องขอให้เงินเป็นของแผ่นดินมี 2 กรณี คือ ทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ หมายถึงทรัพย์สินที่มีการเปลี่ยนแปลงก่อนเข้ารับตำแหน่งทางการเมืองและหลัง ออกจากตำแหน่งมีการเพิ่มผิดปกติ หรือมีหนี้ลดลงผิดปกติ ส่วน ร่ำรวยผิดปกติ หมายถึงการมีทรัพสินมากผิดปกติ หรือได้ทรัพย์สินมาโดยไม่สมควรสืบเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ทางการเมือง มีตรงไหนบอกว่าทุจริต มีแต่บอกว่าได้มา โดยไม่สมควร หมายความว่าอะไร หมายความว่าศาลไม่ต้องพิสูจน์ว่าทุจริต แต่เปิดช่องให้ศาลใช้ดุลพินิจได้อย่างกว้างกว่าว่า อะไรคือ ได้มาโดยไม่สมควรสืบเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ทางการเมือง ซึ่งองค์คณะเสียงข้างมาก ก็วินิจฉัยฉับๆ ทั้ง 5 ประเด็นว่า เป็นการเอื้อประโยชน์ให้ชินคอร์ปฯ และทักษิณมีส่วนเกี่ยวข้องในฐานะนายกฯ จากนั้นก็สรุปว่าคำฟ้องทั้ง 5 กรณีเป็นใช้อำนาจรัฐเอื้อประโยชน์ให้ตัวเอง
หรือเอาอีกตอนหนึ่ง ....องค์คณะผู้พิพากษาจึงมีมติด้วยเสียงข้างมากว่า การอนุมัติให้ลดสัดส่วนการถือครองหุ้นของบริษัทชินคอร์ปในบริษัทไทยคม จึงเป็นการกระทำที่เอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัทชินคอร์ป และบริษัทไทยคม ผู้รับสัมปทานจากรัฐ โดยไม่สมควร.... ศาลวินิจฉัยว่า เอื้อประโยชน์...โดยไม่สมควร
จากบางวรรคตอนของ ใบตองแห้งออนไลน์ -----------------------------------------------------------------------------
อะไรในลักษณะนี้แหละครับที่เป็นการสื่อสารที่มีเหตุผลและเข้าใจง่ายที่เราควรมีวอร์รูมที่ประสิทธิภาพด้านนี้โดยเฉพาะ
@ ยุทธวิธี
อยากขอเรียนฝากแกนนำไว้อีกครั้งนะครับว่า ยุทธวิธีใด ๆ ในการชุมนุนควรเป็นไปในทางสันติเพราะชีวิตพี่น้องเราล้วนอยู่ในการชุมนุมนั้น (รวมทั้งผมเองด้วย) การแบ่งหน้าที่ การควบคุมมวลชน ควรมีการบริหารจัดการแบ่งหน้าที่ให้ชัดเจน ใช้คนที่มีวุฒิภาวะ มีประสบการณ์ และสามารถรับแรงกดดันได้พอสมควรในการควบคุมมวลชนแต่ละภาคส่วน หลีกเลี่ยงให้เกิดความเดือดร้อนให้น้อยที่สุดเพื่อเป็นการแสดงความจริงใจต่อสังคม (กลับมาที่หลักการและอย่าลืมเป้าหมายใหญ่ของเรา)
ไม่ควรให้มวลชนคุมกันเองเพราะจะให้การชุมนุมเป็นไปอย่างไม่มีทิศทาง
การออกมาให้สัมภาษณ์ใด ๆ ควรเป็นมติจากกลุ่มแกนนำ และมีผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ออกมาสัมภาษณ์อย่างชัดเจน ไม่ควรเป็นไปในลักษณะคนนั้นพูดทีคนนี้พูดที่ การสื่อสารควรเป็นไปแบบมีการวางแผนและเตรียมการไว้แล้วเป็นอย่างดี
เหล่านี้เป็นความคิดเห็นอันน้อยนิดจากความห่วงใยและข้อสังเกตของผมที่อยากฝากไว้ให้พิจารณาครับ
แก้ไขเมื่อ 07 มี.ค. 53 17:37:11
แก้ไขเมื่อ 07 มี.ค. 53 17:18:41
จากคุณ |
:
Uncle-Dave
|
เขียนเมื่อ |
:
7 มี.ค. 53 17:04:06
A:124.120.119.198 X:
|
|
|
|  |