ความคิดเห็นที่ 1   อย่าลืมว่าตุลาการแต่ละท่านนอกจากจะมีความรู้มากกว่าพวกเราแล้ว ท่านยังมีประสบการณ์ ความคิดที่เป็นอิสระ ความกล้าหาญสู้กับแรงกดดัน การข่มขู่และความรับผิดชอบในคำตัดสินของท่านเหล่านั้น มากกว่าอาจารย์ทั้ง 5 รวมทั้งตัวผมด้วยหลายเท่าตัวนัก ผมจึงเห็นว่า อาจารย์เราทั้งหลายได้ทำหน้าที่ชี้นำสังคมมาตามควรแล้ว          ปล่อยให้กระบวนการเป็นไปตามทางของมันเถิด          การที่หนังสือพิมพ์พาดหัวตัวโตว่า "5 อาจารย์ นิติ มธ.แย้ง..." ทำให้ดูเหมือนมีตั้ง 5 คน แต่แท้จริงแล้ว 2 ใน 5 คน ยังศึกษาไม่จบอยู่ต่างประเทศ อีกท่านหนึ่งก็เป็นเพียงผู้รับรองให้เท่านั้น          อาจารย์วรเจตน์ ภาคีรัตน์ นั้น ขอชื่นชมว่าเป็น "กาลิเลโอหลงยุค"          ส่วน อาจารย์ประสิทธิ์ ปิวาวัฒนพาณิชย์ นั้น ชื่นชมว่าเป็น "ลกเจ๊ก" ในเรื่องสามก๊ก ที่กล่าวในไทยโพสต์ เมื่อวันที่ 9 เดือนนี้ ทำนองว่า หากให้กฎหมายย้อนหลังเป็นโทษได้ ต่อไปหากไทยรักไทยได้คืนอำนาจก็ออกอาจกฎหมายย้อนหลัง เอากับ คมช. คตส.ด้วย          การกล่าวเช่นนั้นนอกจากจะเทียบเคียงกรณีที่เกิดขึ้น อย่างผิดฝาผิดตัว (false analogy) แล้ว ยังเป็นการยืนยันในทางให้ร้ายกับไทยรักไทยด้วยว่า ที่ผ่านมาก็ทำลายหลักนิติรัฐอยู่แล้ว (ดูคำวินิจฉัยส่วนที่ว่าด้วยการแทรกแซงสื่อและใช้อำนาจนอกเหนือกฎหมายหาประโยชน์ใส่ตนและกลั่นแกล้งฝ่ายตรงข้าม) หากมีอำนาจอีกก็จะทำลายหลักนิติรัฐอีก แสดงว่าการถูกตัดสิทธินั้นถูกต้องแล้ว          เพราะว่าหากปล่อยไว้ก็คงต้องกลับมาทำผิดอีก จากคุณ : สารขัณฑ์ เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 53 10:02:27 A:111.84.55.186 X:

ความคิดเห็นที่ 2   ผู้เขียนเคารพความเห็นของเพื่อนอาจารย์เหล่านั้น โดยขออธิบายเพิ่มเติมก่อนกลับไปสอนหนังสือโดยสงบ ดังนี้          1.หลักนิติรัฐ ที่อ้างกันอยู่นั้นเป็นหลักทางมหาชน มีใช้เพื่อคุ้มครองรัฐและประชาชน เป็นหลักประกันว่าทุกคนจะต้องได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย ดังนั้น หากเอกชนคนใดมุ่งทำลาย หลักนิติรัฐย่อมจะถูกหลักมหาชนนำมาใช้เพื่อป้องกันมหาชนคนส่วนใหญ่นั้นได้          หากให้นำเอาความเสียหายของเอกชนมาไว้อยู่เหนือความเสียหายของมหาชน การท่องบ่นเรื่องหลักนิติรัฐก็จะไม่มีความหมาย เพราะหากหลักนี้ยังป้องกันตนเองไม่ได้ จะนำมาอ้างเพื่อคุ้มครองประชาชนและประเทศชาติได้อย่างไร ตัวเองยังเอาตัวไม่รอด!!!          นิติรัฐก็คงเป็นเพียงแบบพิธีให้ใครต่อใครมาหาประโยชน์ เพื่อความโก้เก๋ หรือเป็นเพียงเครื่องประดับห่วยๆ อย่างหนึ่งที่คนบางกลุ่มเห็นว่ามีค่า พร่ำพรรณนาเป็นคาถากันผีเท่านั้น          อยากจะถามว่า ถ้าผู้กุมอำนาจของรัฐ กระทำการขัดต่อหลักนิติรัฐ มุ่งทำลายความเป็นนิติรัฐ ใครจะยุติการทำลายนี้ได้ ดูตามสำนวนของตุลาการรัฐธรรมนูญ จะเห็นพฤติการณ์ว่า (ข้อ 9, 10 และข้อ 11) การกระทำของพรรคไทยรักไทยและกรรมการบางคน          - ทำให้การเลือกตั้งกลายเป็นเพียง แบบพิธี ที่จะนำไปสู่การผูกขาดทางการเมืองเท่านั้น          - มิได้ให้ความสำคัญหรือเห็นคุณค่าของ สิทธิเลือกตั้ง ของประชาชน อันเป็นรากฐานสำคัญของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย          - ไม่เคารพยำเกรง ต่อกฎหมายบ้านเมือง ทั้งที่ ได้รับความไว้วางใจ จากประชาชนสูงสุด ในการเลือกตั้ง 2 ครั้งสุดท้าย          - ไม่มีอุดมการณ์ทางการเมือง ที่มุ่งพัฒนาประเทศชาติ ตามที่สัญญาไว้กับประชาชน มุ่งเพียงให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ          - เมื่อเป็นรัฐบาลมีอำนาจบริหารราชการแผ่นดินแล้ว ก็ไม่ได้บริหารโดยสุจริต แต่แอบแฝงไว้ซึ่งผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง          - ไม่สร้างสรรค์จรรโลงความชอบธรรมทางการเมืองแก่ระบอบการปกครอง ของประเทศโดยรวม จากคุณ : สารขัณฑ์ เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 53 10:03:27 A:111.84.121.184 X:

ความคิดเห็นที่ 3   การกระทำของบุคคลเหล่านี้ เป็นการบริหารอำนาจรัฐโดยการทุจริตทำลายหลักนิติรัฐ เมื่อเป็นดังนี้แล้ว หลักนิติรัฐจะอยู่ได้อย่างไร          2.ประเด็นเรื่องกฎหมายย้อนหลัง ซึ่งเป็นที่ถกเถียงกันไม่ยุตินั้น ในฐานะนักกฎหมายอาญาขออธิบายว่า กฎหมายทั้งหลายมีขึ้นก็เพื่อใช้แก้ปัญหาไม่ใช่สร้างหรือสะสมปัญหา จึงต้องใช้ให้ทันทีเพื่อให้เหมาะสมทันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคม ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายวิ.แพ่งหรือวิ.อาญา แม้สิทธิของโจทก์ จำเลยอาจเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ก็นำไปใช้ย้อนหลังขณะที่ศาลพิจารณาพิพากษาได้          อย่างไรก็ตาม เฉพาะความผิดอาญา หากย้อนหลังไปเป็นโทษแล้ว ต้องห้าม เหตุผลก็เพราะไม่กำหนดความผิดและโทษไว้ก่อน การกำหนดความผิด กฎหมายต้องประกาศให้ทราบก่อนว่าการกระทำใดเป็นความผิด จะได้ไม่ทำผิดนั้น หมายถึงการกำหนดความผิดใหม่ๆ ขึ้น จะนำไปกล่าวหาผู้กระทำย้อนหลังไม่ได้เพราะ เขาไม่รู้มาก่อนว่าการกระทำของเขาจะเป็นความผิด          แต่ตามข้อเท็จจริงในคดี ที่ปรากฏตามสำนวนของตุลาการรัฐธรรมนูญ การกระทำของนักการเมืองและพรรคการเมืองเหล่านี้ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของความไม่ซื่อสัตย์สุจริต เลือกตั้งแบบคดโกง ทุจริตผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นสิ่งต้องห้ามที่มีอยู่เดิมแล้ว จึงไม่ใช่การกำหนดความผิดขึ้นใหม่ กลุ่มผู้กระทำจะว่าไม่รู้ว่าเขาห้ามโกง ห้ามทุจริต คงผิดวิสัย เพราะก่อนการเข้ารับตำแหน่งก็สาบานกันแล้วว่าจะไม่โกง ไม่ทุจริต บางคนสาบานตั้งหลายรอบ ดังนั้น การวินิจฉัย ความผิดนี้จึงไม่ใช่การย้อนหลัง การกำหนดโทษ การตัดสิทธิไม่ใช่โทษ แต่เป็นมาตรการทางกฎหมายเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการบังคับใช้ จากคุณ : สารขัณฑ์ เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 53 10:04:06 A:111.84.121.184 X:

ความคิดเห็นที่ 4   อย่างไรก็ตาม กฎหมายอาญาก็ไม่ห้าม การใช้วิธีการเพื่อความปลอดภัยย้อนหลัง โดยกำหนดให้ใช้ได้ในขณะศาลพิพากษา แม้ว่าขณะกระทำความผิดจะไม่มีมาตรการเหล่านี้ก็ตาม เพราะมาตรการใหม่ๆ ย่อมจะนำมาใช้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการกระทำความผิดในอนาคตได้ดีกว่าเป็นประโยชน์ทั้งผู้กระทำผิดเพราะไม่ใช่โทษอาญา และเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมเพราะมีมาตรการใหม่กับการกระทำ เพื่อป้องกันการเกิดความผิดได้ดีกว่าเดิม          การใช้มาตรการดังกล่าวจึงไม่ใช่เรื่องกฎหมายย้อนหลังอันเป็นผลร้ายหรือเป็นโทษแก่บุคคล เทียบได้กับกรณีคนที่มาเช่าบ้าน ทำบ้านสกปรกเลอะเทอะเสียหาย ถึงขนาดลงมือรื้อฝาบ้านไปขาย, ให้คนนอกมาเช่าพื้นที่อยู่อาศัยโดยเอารายได้ใส่ตน, ค่อยๆ ทยอยขายทรัพย์สินในบ้านที่เจ้าของบ้านสะสมไว้ จนบ้านทรุดโทรม ทรัพย์สินร่อยหรอลงไปทุกที          เมื่อความจริงเปิดเผยเข้า จึงมีการบอกเลิกสัญญาเช่า โดยเพียงขอให้ผู้เช่าออกจากบ้านไปชั่วคราวก่อน จะได้เข้าไปซ่อมแซมบ้าน ไม่ได้เอาไปลงโทษ ทำร้ายที่ไหน การให้ผู้เช่าที่กำลังทำลายบ้านเช่าออกไปจากบ้าน เพื่อป้องกันความเสียหายของบ้าน จึงไม่ใช่โทษ แต่เป็นมาตรการเพื่อยุติความเสียหายแก่บ้านเช่าที่เขากำลังทำลายอยู่          ผู้เช่าที่กำลังทำลายบ้านนั้นกลับโวยวายว่าตนถูกตัดสิทธิ แถมยังมีคนบางคนเข้าใจผิดเห็นอกเห็นใจผู้เช่า ทั้งๆ ที่เจ้าของบ้านน่าจะจับผู้เช่าที่ทำลายข้าวของนี้ ติดคุกด้วยซ้ำ แต่เขาก็ไม่ทำ จึงเห็นตรงข้ามกับ อาจารย์วรเจตน์ โดยสิ้นเชิงว่า          หากไม่นำมาตรการตัดสิทธิเลือกตั้งอันไม่ใช่โทษนี้ไปใช้กับกลุ่มผู้ทุจริตในการเลือกตั้งกลับจะทำให้ประชาชนภายใต้หลักนิติรัฐจะคลางแคลงและไม่ไว้วางใจให้ความเชื่อถือต่อหลักนิติรัฐเพราะความผิดปรากฏชัด แต่ผู้ทำผิดกลับลอยนวลไปได้ จากคุณ : สารขัณฑ์ เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 53 10:04:46 A:111.84.121.184 X:

ความคิดเห็นที่ 5   เขาจะตั้งคำถามว่าทำไมประชาชนทำบัตรเลือกตั้งฉีกขาดนิดเดียวก็อาจถูกตัดสิทธิถึง 10 ปี แต่คนโกงเลือกตั้งทั้งโขยงไม่โดนอะไรเลย?          หากจะอ้างว่าการตัดสิทธิเป็นโทษหรือเป็นคุณก็ต้องถามว่าเป็นโทษกับใคร หรือจะให้เป็นคุณกับใคร เป็นหน้าที่ของนักกฎมหายมหาชนที่ดูแลนิติรัฐด้วยที่จะต้องชั่งน้ำหนักระหว่าง (การตัดสิทธิ) เป็นโทษกับเอกชน กับ (การไม่ตัดสิทธิ) เป็นโทษกับมหาชน ท่านจะเลือกอย่างไร ที่ดินเอกชนขวางถนนอยู่แปลงเดียว กฎหมายมหาชนจะยึดกรรมสิทธิ์ย้อนหลังโดยเวนคืนตัดถนนผ่านเพื่อมหาชนหรือไม่? หากเอามหาชนเป็นหลัก การใช้มาตรการดังกล่าวจึงไม่ใช่การย้อนหลังไปเป็นโทษแต่กลับเป็นคุณแก่มหาชนทั้งสิ้น          - เป็นคุณแก่ประชาชนผู้มีอำนาจสูงสุด จะไม่ถูกลบหลู่ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป          - เป็นคุณแก่รากฐานสำคัญของการปกครองระบอบประชาธิปไตย          - เป็นคุณแก่ผู้ที่ปฏิบัติตามกฎหมายบ้านเมืองที่จะได้รับการคุ้มครอง          - เป็นคุณแก่หลักนิติรัฐที่จะไม่ถูกคนกลุ่มนี้มาทำลายในอนาคต          - เป็นคุณแก่ความมั่นคงทางการเมืองของชาติ          - เป็นคุณแก่สมาชิกพรรคไทยรักไทย กว่า 14 ล้านคน จะได้ตาสว่างเห็นพฤติการณ์ทุจริตในการเลือกตั้งที่พรรคและบุคคลที่ตนมอบศรัทธาและความไว้วางใจ กระทำเอาลับหลังตน          - เป็นคุณแก่สมาชิก กว่า 14 ล้านคนเหล่านี้จะได้ไม่ถูกบังคับให้หลับตาเลือกคนที่มาทำลายความไว้วางใจของเขาเหล่านั้นอีก          - เป็นคุณแก่คนไทยที่ไม่ใช่สมาชิกเป็นคุณแก่อีกกว่า 45 ล้านคน ที่จะได้เลือกตั้งอย่างสบายใจขึ้น          - เป็นการจรรโลงความชอบธรรมทางการเมืองเพราะเป็นพรรคที่มิได้มีอุดมการณ์ทางการเมืองที่มุ่งพัฒนาประเทศชาติ หากแต่มุ่งประสงค์ที่จะดำเนินการทุกวิธีทางเพื่อให้ได้มายังอำนาจในการปกครองประเทศเพื่อหาประโยชน์เข้าพวกพ้องของตนเท่านั้น          - เป็นคุณต่อผู้ถูกตัดสิทธิทั้งหมดทุกคนนั้นด้วย เพราะจะไม่มีโอกาสได้ไปกระทำความผิดที่เคยทำนั้นอีกอย่างน้อย เป็นเวลา 5 ปี หากปล่อยไว้เขาก็จะไปกระทำความผิดจนเขาอาจถึงขั้นติดคุกได้ การใช้มาตรการดังกล่าวจึงกลับเป็นคุณแก่ทุกฝ่ายโดยเฉพาะผู้อยู่ในกรอบของกฎหมายและความสุจริตหากไม่ตัดสิทธิ การทุจริตก็จะกลับเกิดซ้ำซากอีก          3.การตัดสิทธิดังกล่าว เป็นการตัดสิทธิเสรีภาพพื้นฐานหรือไม่?          การใช้สิทธิและการใช้เสรีภาพของบุคคลตามกฎหมายวางอยู่บนรากฐานแห่งหลัก "สุจริต" สิทธิและเสรีภาพจึงมีไว้ให้ผู้ที่สุจริตใช้อย่างเต็มที่ หลักนี้ยืนยันไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ซึ่งเป็นกฎหมายเอกชนมานานเนกาเลแล้วว่า          การใช้สิทธิต้องใช้โดยสุจริต          การใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดเสียหายแก่บุคคลอื่นนั้น เป็นการอันมิชอบด้วยกฎหมาย          เมื่อทำไม่ชอบด้วยกฎหมาย กฎหมาย ก็ต้องให้หยุดทำได้ เพื่อระงับความเสียหายที่จะเกิดต่อไปภายหน้า จึงเห็นได้ว่า แม้ในทางกฎหมายเอกชนก็ยังให้ระงับการใช้สิทธิที่ไม่สุจริตได้          ในทางมหาชน ยิ่งต้องเป็นเช่นนั้น เพราะหากมีการใช้สิทธิไม่สุจริต แม้ทางเอกชนความเสียหายเฉพาะเอกชนเท่านั้นกฎหมายยังให้ใช้บังคับยับยั้งการกระทำได้ ในทางมหาชนใช้สิทธิไม่สุจริตต่อมหาชนยิ่งจะส่งผลกระทบและก่อความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่คนจำนวนมากหากยังคงตัดสิทธิการใช้นั้นไม่ได้ หลักสุจริตและนิติรัฐก็ถูกทำลายไม่มีใครได้ยกขึ้นอ้างอีก          ตุลาการรัฐธรรมนูญไม่ได้ลงโทษเพียงแต่ "ชี้กรรม" ที่เขากระทำแก่การเลือกตั้ง และระบอบการปกครองของบ้านเมืองเท่านั้น การตัดสิทธิดังกล่าวจึงไม่ใช่ผลร้าย หรือการลงโทษผู้กระทำ หลักนี้ชาวบ้านธรรมดาทั่วไปที่เป็นธรรมก็กล่าวอ้างได้ว่า "เมื่อเล่นโกง ก็ไม่ให้เล่น" จากคุณ : สารขัณฑ์ เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 53 10:05:34 A:111.84.121.184 X:

ความคิดเห็นที่ 6   สรุป การที่ยึดถือหลักนิติรัฐต้องทำโดยมีจิตวิญญาณที่จะปกป้องนิติรัฐด้วย โดยต้องมองให้รอบรู้ให้ทั่ว หากเห็นไม่รอบ กอดแต่หลักไว้อย่างเดียวไม่ดูว่ามดแทะ ปลวกทะลวงหลักจนปรุพรุนเป็นโพรงอยู่ข้างในไปหมดแล้วยังพร่ำเพ้อว่าหลักยังดีอยู่ ทั้งๆ ที่รู้และโวยวายให้ใครก็ได้เข้ามาแก้ไข แต่พอมีคนจะไปช่วยพยุงซ่อมแซม โดยเอามด ปลวกออกจากหลัก โดยที่เขาก็เมตตาไม่ฆ่ามด ปลวกเท่านั้น เพียงแต่ขอกวาดออกจากหลักไม้ไปชั่วคราว เพื่อซ่อมแซมหลักให้มั่นคงแล้วจะเชิญให้มด ปลวกเหล่านี้มากัดกินกันใหม่เท่านั้น          คนที่อ้างว่าตนพิทักษ์หลักนิติรัฐเหล่านี้ก็ยังคงกอดหลักขวางกั้นออกหน้าปกป้องมด ปลวก ไม่ให้ใครไปแตะต้องมด ปลวกเหล่านั้น โดยคิดว่าเป็นการปกป้องสิทธิของมดและปลวกเหล่านั้นตามหลักนิติรัฐอยู่ แทนที่จะเป็นการบำรุงรักษา กลับเป็นการช่วยทำลายหลักนิติรัฐทางอ้อม ไม่เห็นแม้กระทั่งพวกปลวกๆ ทั้งหลายกำลังนั่งหัวเราะเยาะพวกกำจัดปลวกที่ทะเลาะกันเอง เท่ากับเนรคุณหลักนิติรัฐเสียเอง ความเห็นของพวกเขาเหล่านี้ จึงเป็นการ "เห็นต้นไม้แต่ไม่เห็นป่า" ป่าไม้ถูกทำลายลงทุกวัน ท่านเหล่านี้กู้รู้อยู่ เรียกร้องให้ช่วยกันปราบพวกตัดไม้ทำลายป่า แต่พอเขาจะไปจับคนตัดต้นไม้ ท่านเหล่านี้ก็ออกขวางกั้น โดยอ้างว่า ชาวบ้านตัดต้นไม้ต้นสอง ต้น ไม่เสียหาย ต้องคุ้มครองให้เขาอยู่กินได้ ท่านเหล่านี้จึงเห็นแต่คนตัดไม้ทีละต้น แต่ไม่เคยเห็นคนทำลายป่า หารู้ไม่ว่าคนเหล่านั้นตัดทีละต้น เป็นร้อย เป็นล้านต้นแล้ว จากคุณ : สารขัณฑ์ เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 53 10:06:35 A:111.84.121.184 X:

ความคิดเห็นที่ 7   ฉันใดก็ฉันนั้น เราจึงไม่สามารถดำเนินการกับคนทำลายหลักนิติรัฐได้เสียที ด้วยฝีมือของคนที่คิดว่าตนเป็นคนพิทักษ์อนุรักษืหลักนิติรัฐ แต่มองไม่เห็นปลวกที่กำลังกัดกิน และทำลายหลักนิติรัฐที่เขาบูชาอยู่ตำหูตำตา ดังนี้ แทนที่จะเป็นองครักษ์พิทักษ์หลักนิติรัฐ กลับกลายเป็นองครักษ์พิทักษ์ปลวกไปเสียนี่!!! หลักนิติรัฐจึงถูกเนรคุณด้วยสายตาที่คับแคบเช่นนี้เอง (ขอกลับไปสอนนักศึกษาตามหน้าที่ให้ดีที่สุดละนะ เจอกันใหม่เมื่อมีวิกฤตหมายภายหน้า... กาลิเลโอ...) จากคุณ : สารขัณฑ์ เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 53 10:07:11 A:111.84.121.184 X:

ความคิดเห็นที่ 8   เหตุผล ของคนเกลียดทักษิณ คือ อ่านดูแล้วก็รู้เลยว่า อคติ ไม่อยู่ในแง่ของหลักการและเหตุผล ใช้จินตนาการส่งเดชเอาเอง ตั้งธงไว้แล้วว่าอีกฝ่ายโกง ต้องทำลายให้ได้ แล้วก็หาเหตุผลข้างๆ คูๆ มาประกอบ จากคุณ : จอมกระบี่ไร้พ่าย เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 53 10:12:52 A:58.8.173.27 X:

ความคิดเห็นที่ 9   นี่คือมุมมองอีกด้านของนักกฎหมาย ควรพิจารณา จากคุณ : ตระกองขวัญ เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 53 10:17:12 A:118.172.70.155 X:

ความคิดเห็นที่ 10   ที่มาวิตถาร ตัดสินแบบพิศดาร เรียนสูงเรียนเก่ง ใช่ว่าจิตใจจะสูงไปด้วยนะครับ จากคุณ : mozrt1963 เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 53 10:17:32 A:125.26.157.111 X:

ความคิดเห็นที่ 11   มหาวิทยาลัย pantip ราชดำเนิน  ร่วมกันศึกษารัฐศาสตร์โดยอาจารย์จากทั่วประเทศ ความคิดกว้างขวาง จากคุณ : วิทย์ศิลป์ เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 53 10:18:15 A:125.25.141.169 X:

ความคิดเห็นที่ 12   อารย์สอนผิด นักเรียนไม่มีสิทธิโต้แย้ง หรือถามเลยรึไง นีแหล่ะการศึกษาไทย บังคับให้เชื่อ จากคุณ : YangYin_seed เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 53 10:18:32 A:202.176.89.124 X:

ความคิดเห็นที่ 13   แล้วอาจารย์ทำไมไม่เห็นมาชี้กรรมของพวกชอบฉีกรัฐธรรมนูญบ้างล่ะ   เป็นนักวิชาเกินอยู่แต่ในทางยอมรับอำนาจที่ไม่ได้มาจากสิทธิและเสียงของประชาชนที่แท้จริง  ควรละอายแก่ศิษย์ที่จะสั่งสอนเขาบ้าง  ว่าตัวตนของตนที่อ้างว่าเป็นนักวิชาการอิสระ  แท้ที่จริงก็เป็นเพียงนักเหตุผลข้ออ้างเพื่อการยอมรับความเป็นทาสความไม่ชอบธรรมเท่านั้น  ไม่ได้มีปัจจัยเพื่อตอบโจทก์ที่ชาวประชาถามไถ่กันอึงอื้อว่า  อำนาจของประชานที่แท้จริงยังมีอยู่หรือไม่  สิทธิพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตย..ยังคงเป็นรูปร่างที่แท้จริง และสัมผัสได้อยู่หรือไม่ จากคุณ : ไทยทีดี เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 53 10:19:51 A:202.183.225.174 X:

ความคิดเห็นที่ 14   ด้วยความเคารพของอาจารย์ทั้ง 6 ท่านครับ กฎหมายเป็นเรื่องของการตีความ     สำหรับกรณีนี้    สุดยอดของนักกฎหมายมหาชน  และสุดยอดของนักกฎหมายอาญา   ได้แสดงความเห็นกัน เป็นสิ่งที่เราควรรับฟ้งและใช้สติไตร่ตรอง   ความเห็นของทุกฝ่ายเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง  โดยเฉพาะในเชิงวิชาการครับ แต่กรณีนี้   ผม  เห็นด้วยกับท่านอาจารย์วรเจตน์ครับ ด้วยความเคารพ จากลูกศิษย์ของอาจารย์ทั้งสองท่าน จากคุณ : wizards (1231ivy_nnnn) เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 53 10:20:31 A:125.27.241.43 X:

ความคิดเห็นที่ 15   ผม อ่าน เนื้อหาของ อ.วรเจตน์ แล้วพบว่ามีเนื้อหา มีแก่น มีหลัก มีการ แต่กับเนื้อหาของ อ.ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ ทำไมมันดูกลวงเหลือเกิน ประหนึ่งว่า เราควรยอมรับคำตัดสินเพราะ "ตุลาการแต่ละท่านนอกจากจะมีความรู้มากกว่าพวกเราแล้ว ท่านยังมีประสบการณ์ ความคิดที่เป็นอิสระ ความกล้าหาญสู้กับแรงกดดัน" ???? แถมยังจินตนาการเรื่องโกง เรื่องตัดไม้กินป่า ยกตัวอย่างออกทะเลอย่างไม่น่าเชื่อ... ง่ายๆแค่นิติรัฐที่เกิดจากปลายกระบอกปืนมันไม่ใช่นิติรัฐ ทวีเกียรติ มันยังไม่เข้าใจ... มันจะทู่ซี้ สอนเด็กไปทำไมว๊า... ลาออกมากินอาจมเผด็จการเสียซะก็สิ้นเรื่อง... จากคุณ : pae2010 เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 53 10:26:30 A:118.175.62.104 X:

ความคิดเห็นที่ 17   กลับไปสอนหนังสือโดยสงบก็ดีนะอาจารย์ หวังว่า นักศึกษา มธ. ของอาจารย์ คงมี "สติ" วินัยฉัยข้อกฎหมายเป็นด้วยเช่นกัน สิ่งที่ได้อ่านอย่างมากมาย ไม่มีข้อกฎหมายมา หักล้างหรือพอจะเอาเป็นบรรทัดฐาน ได้ มีแต่เพียง การอธิบาย ที่เป็นความเห็น ความเข้าใจ แม้จะอธิบายได้ดี ขอบคุณที่อุตส่าห์เขียนยืดยาว แต่ไม่ได้ทำให้ เกิดความเชื่อถืออะไรได้เหมือนสิ่งที่คุณกำลัง พยายามเชื่ออยู่อย่างนั้นแล้วจะให้คนอื่นเห็นคล้อย ตาม   อ่านตั้งนานนึกว่าท่านจะมีข้อหลักกฎหมาย มาทำให้เกิด ความคิดเห็นใหม่ๆ จะได้รู้ว่าอะไร ถูก หรือ ผิดจริง แต่หามีไม่ กลับไปสอนหนังสือก็ดีนะท่าน อย่ามาแสดง ความเชื่อของท่านอีกเลย จากคุณ : wan6557 เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 53 10:27:36 A:61.90.16.103 X:

ความคิดเห็นที่ 18   เห็นด้วยกับความเห็นที่ 15 ครับ แต่สงสัยว่าที่เจ้าของกระทู้เอามาลงเป็นบทความหรือเป็นบทสัมภาษณ์ครับ เพราะมันดูแปลกๆไม่เหมือนบทความที่ออกจากอาจารย์โดยตรง จากคุณ : melon_ribbon เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 53 10:32:01 A:192.168.50.182 X:58.8.53.148

ความคิดเห็นที่ 19   เรียนคนเนรคุณ   กรุณาเก็บลิ้น แล้วเงยหน้าจากเศษฝุ่นใต้รองเท้าขึ้นมามองดูโลกภายนอก แล้วความจริงจะปรากฏว่า "ธง" นั้นไม่มีอยู่จริงตามจินตนาการ จากคุณ : POE เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 53 10:32:05 A:192.168.0.240 X:125.24.89.112

ความคิดเห็นที่ 20   ผมเห็นด้วยกับ อาจารย์วรเจตน์ มากว่าครับ... จากคุณ : cocoke เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 53 10:33:35 A:58.8.71.229 X:

ความคิดเห็นที่ 21   ถ้าอาจารย์ท่านนี้ ได้กล่าวโต้แย้งในประเด็นกฏหมาย ว่ามีความคิดเห็น หรือตีความในลักษณะอื่น ที่ไม่เหมือนกันอาจารย์ทั้งห้าท่าน ก็น่ารับฟัง แต่ที่เขียนมานี่มันเป็นแนวคิด และความคิดเห็นทางการเมือง ไม่ใช่ทางกฏหมาย         ตัวอาจารย์เองควรพิจารณาตัวเองก่อนจะไปว่าคนอื่นนะครับ แก้ไขเมื่อ 12 มี.ค. 53 10:34:07 จากคุณ : อิสระจำกัด เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 53 10:33:40 A:140.109.64.81 X:

ความคิดเห็นที่ 22   ความรู้สึกส่วนตัวของผม คือ... ...ก๋วยเตี๋ยวชามหนึ่ง เอาตะเกียบคีบมาดู ก็รู้ว่ามีหมู มีเนื้อ  มีไก่ มีผัก มีเส้นก๋วยเตี๋ยว ... ดูเห็น ชิมได้ ...ส่วนก๋วยเตี๋ยวอีกชามหนึ่ง เอาตะเกียบพยายามคีบอย่างไร ก็ติดมาแค่ น้ำแกง ไม่มีเนื้อหาสาระอะไร ... ได้แค่ดมๆ แล้วจินตนาการ บทความของใคร เป็นอย่างไร พิจารณาดูเอาเองครับ จากคุณ : M_Janya (M_Janya) เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 53 10:35:10 A:192.168.0.240 X:183.89.30.7

ความคิดเห็นที่ 23   ความจริงไม่น่าจะอยุ่สอนต่อเลยก็ดีนะ ประเภทนี่ ผมว่าถ้าเห็นแย้งคงได้ศูนย์อ่ะ จากคุณ : ศิษย์เก่า (khanchang) เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 53 10:36:01 A:158.34.240.23 X:

ความคิดเห็นที่ 24   นักนิติศาสตร์   มาแนวรัฐศาสตร์   สู่รู้ จากคุณ : ชินจัง เลย เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 53 10:49:18 A:119.42.69.169 X:

ความคิดเห็นที่ 25   เราไปพิจารณาคำพิพากษาศาลฎีกาที่มีเป็นหมื่นๆดู จะเห็นได้ว่ามีจุดบกพร่องหรือจุดอ่อนที่ทำให้แย้งได้น้อยมาก ทำให้ทุกคนยอมรับและเคารพในคำพิพากษาเสมอมา แต่วันนี้เรามาดูคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกฯ โต้แย้งได้มากมาย ชนิดบางเรื่องบางประเด็นแย้งได้เข้าไส้ผู้พิพากษา การที่สามารถโต้แย้งได้จะจะอย่างนี้หมายความว่าอย่างไร คำพิพากษาฎีกาฉบับนี้มันจะนำมาสั่งสอนลูกศิษย์ได้อย่างไร พ่อคู้ณณณ เป็นถึงครูอาจารย์ผู้ทรงความรู้ เคยคำนึงถึงเรื่องนี้กันบ้างไหม ต้องขอขอบคุณคณาจารย์ธรรมศาสตร์ที่ออกมาให้ทางสว่าง ขอบคุณมากโดยเฉพาะอาจารย์ วรเจตน์ ภาคีรัตน์ เป็นอาจารย์ต้องกล้าพูดกล้าแสดงความคิดเห็นในทางที่ถูกต้อง อย่าไปค้อมหัวยอมรับความอยุติธรรมโดยเด็ดขาด ผมเคยพูดกับเพื่อนๆว่าอีกไม่นานไม่ว่าจะเป็น 10 ปีหรือ 20 ปี คำพิพากษาฎีกานี้จะเป็นเรื่องตลกขบขันและเป็นตัวอย่างที่เลวในการศึกษาวิชากฎหมาย สู้ต่อไปครับ จากคุณ : Mr.BigBoss เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 53 10:58:29 A:125.25.174.123 X:

ความคิดเห็นที่ 26   ใครรู้บ้างว่า อ. ทวีเกียรติ  อายุเท่าไหร่  ช่วยตอบหน่อย  ถ้าแก่แล้วก็ควรออกไปได้แล้ว  คือ  หลงยุคน่ะ น่าเศร้าใจมากกับประเทศไทยยุคโลกาภิวัตน์ที่ยังมีอาจารย์ระดับผู้นำทางความคิดรู้สึกเช่นนี้ 1.  เมื่อตุลาการรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยชี้ขาด พร้อมแสดงเหตุผลทั้งฝ่ายข้างมากและข้างน้อยอย่างละเอียดครบถ้วนแล้ว ประชาชนและนักวิชาการในมหาวิทยาลัยก็ได้แสดงความคิดเห็นกันพอหอมปากหอมคอ แล้ว ---------------------- คือจะบอกว่าให้เชื่อตามที่ผู้ใหญ่บอก  ห้ามเถียง ************************ 2.         แต่ปรากฏว่าเพื่อนอาจารย์ มธ.ของผู้เขียน 4-5 คน ยังคงแสดงความคิดเห็นไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลต่อสาธารณะค่อนข้าง รุนแรง จนทำให้หลายคนรู้สึกสับสนว่า ผลคำตัดสินจะใช้ได้หรือไม่ต่อไป เหมือนกับจะดื้อไม่ยอมรับกติกาที่ศาลวินิจฉัยไปแล้วนั่นเอง ข้อนี้จะบอกว่าศาลเป็นเทวดา  ทำถูกทุกอย่าง  ไม่สมควรที่ไพร่จะโต้แย้ง -*********************** 3.หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ผู้เขียนจะสอนลูกศิษย์ได้อย่างไร เมื่ออาจารย์กฎหมายเองยังไม่ยอมรับกติกาเสียงข้างมากของตุลาการรัฐธรรมนูญ? อันนี้น่าเศร้าหนัก  ลูกศิษย์เห็นต่างจากอาจารย์ไม่ได้  โลกนี้ถอยหลังลงคลองหมด  คือ คนรุ่นใหม่จะต้องดีกว่าเก้วกว่าคนรุ่นเก่า  ลูกจะต้องดีกว่าพ่อเก่งกว่า พ่อแม่  ไม่งั้นก็ต้องกลับไปยุคไดโนเสาร์เขาทุกที *************************** 4.    อันที่จริงอาจารย์ มธ.ทั้ง 5 ท่าน น่าจะพอใจกับคำพิพากษาแล้ว เพราะมีตุลากรฝ่ายข้างน้อยได้รับความคิดของท่านไปถกเถียงในคณะตุลาการด้วย กันแล้วพร้อมเหตุผล แต่ก็สู้เสียงข้างมากเขาไม่ได้ ตุลาการทุกท่านก็ยอมรับกันแล้ว  ....ต่อ ************************ ตอบ  ตุลาการข้างน้อย  เอาความคิดเห็นของ อ. ทั้ง 5  ไปถกเถียงด้วยเหรอ เพราะเขาพิพากษามานานแล้ว  แต่  อาจารย์วรเจตน์เพิ่งพูดเมื่อ 2 - 3  วันที่แล้ว จากคุณ : ตึกชมพู เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 53 11:16:28 A:124.122.23.107 X:

ความคิดเห็นที่ 27   อาจารย์บางท่านก็น่านับถือ อาจารย์บางท่านก็ไม่สมควรเคารพ ต้องลองอ่านความเห็นของทั้งสองท่าน ประกอบกัน คนที่ฉลาดย่อมรู้ได้ว่า ใครสมควรได้รับการนับถือต่อไป.......ผมแค่อ่านบทเริ่มต้นก็รู้ชาติของอาจาร์ยท่านนี้แล้วครับ จากคุณ : nakkram เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 53 11:16:53 A:192.168.0.240 X:58.9.179.205

ความคิดเห็นที่ 28   เรียนจบทางภาษา กฎหมงกฎหมายไม่เคยเรียน แต่อ่านสารขัณฑ์แล้วขันสิ้นดี 555 ขอขำขันหน่อย จากคุณ : สะหวอย7 เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 53 11:33:24 A:41.0.1.128 X:210.246.92.2

ความคิดเห็นที่ 29   เอออออออออออออออ ด้วยเวลาเกือบ 3 ปี ได้ตบหน้า อาจารย์คนนี้ ว่าคิดผิด ------------------------------- กระทู้ที่ตั้งขึ้นน เป็นบทความ ตอนหลัง ยุบพรรคไทยรักไทย ที่ตอนหลัง  พยานทั้งหมด ออกมารับสารภาพ พร้อมหลักฐานการโอนเงิน จากนายสุเทพ ที่ว่าจ้างเป็นพยานเท็จ ในการยุบพรรคไทยรักไทย และที่ พยานทั้ง2 สารภาพ เพราะถูกฟ้อง คดีอาญา โดย ปปช และยังรับเงินค่าจ้างจากพรรคปชป ยังไม่ครบ คือได้แค่ 5 ล้าน และไม่ยอมช่วยเหลือ คดีอาญา -------------------------------- จากคุณ : ขนมสาคู เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 53 11:37:52 A:124.120.5.50 X:

ความคิดเห็นที่ 30   หลักนิติรัฐกับคนเนรคุณ โดย ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ อาจารย์ประจำ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ " ... เรื่องเหล่านี้น่าจะยุติและดำเนินชีวิตตามหน้าที่ของ เราต่อไปด้วยความสงบ ปล่อยให้ผู้มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการตามคำวินิจฉัยนั้นต่อไปจะดีกว่า ... " !!! " ... ปล่อยให้ผู้มีอำนาจหน้าที่ ... " !!! " ปล่อยให้ " อ่านถึงตรงนี้ ผมก็เลิกอ่าน กลัวอ๊วกจะแตก ผมว่าถ้าอาจารย์ คิดแบบนี้ ก็อย่าสอนดีกว่าครับ จะสอนไปทำไม ก็ปล่อยให้คนมี อำนาจหน้าที่ เขา ดำเนินการ ของเขาไปก็หมดเรื่อง ไม่ต้องมีความคิด ความเห็นกันแล้ว หรือครับ ก็ไม่ต้องสอนให้"คิด"กันแล้วใช่ไหม ครับ ว่าแต่ ผมเข้าใจว่า หลักนิติรัฐ ไม่สนใจหรอกครับว่า เนรคุณ หรือเปล่า โจรเลี้ยงเด็ก เด็กต้องเป็นโจร ใช่ไหม ครับ ??? "หลัก"ไม่ใช่วัตถุ หลักที่เสียหาย คือ หลักที่ถูกบิดเบือน บางครั้งมองออก บางครั้งมองไปม่ออก แต่เมื่อแกะกลับลงไปที่แก่น เคาะลอก คราบ เปลือก บิดเบือน ที่พอกอยู่ ด้วยใจบริสุทธิ์ ก็จะสามารถ ค้นพบ แก่นหลัก ได้อีกครั้ง แต่หากยิ่งพอก ยิ่งปั้นแต่ง หมายว่าจะจัดให้ตั้งตรง งดงาม ดังใจหวัง ก็คือการบิดเบือน แก่นหลัก ที่แท้จริง นั่นเอง ไม่รู้เข้าใจหรือเปล่า จากคุณ : ยังอยากเป็นคนไทยอยู่ เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 53 12:00:42 A:58.10.152.111 X:

ความคิดเห็นที่ 32   ผู้เขียนบทความเป็นอาจารย์สอนกฎหมาย ทำไมฟูมฟาย เขียนเหมือนพูดนะฮะ - เริ่มต้นก็ดิสเครดิตว่า 2 ใน 3 เท่านั้นที่เป็นอาจารย์ ถึงเขาได้ทุนเรียนต่อ ก็ยังเป็นอาจารย์อยู่นะ - ไทยรักไทย ทำให้การเลือกตั้ง กลายเป็นแบบพิธี พรรคไหนหว่า พอเขายุบสภา ตัวกลับไม่ยอมลงเลือกตั้ง เป็นนักการเมือง ไม่ลงเลือกตั้งได้ไง กลัวแพ้น่ะซี บีบให้การเลือกตั้งฟาล์ว อยากให้เขาลาออก "เป็นผมๆ ลาออกไปแล้ว"  พอถึงทีตัวเป็นรัฐบาลบ้างก็ "ฉันไม่ออก ไม่ออก ไม่ออก" พอกันล่ะน่า - มิได้ให้ความสำคัญกับการเลือกตั้ง สิทธิเลือกตั้งของประชาชน อันเป็นรากฐานสำคัญของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ใครหว่า เสียงส่วนใหญ่เขาเลือกไทยรักไทย ใครหว่าที่ล้มกระดานด้วยอาวุธ ใครที่เชียร์ให้รัฐประหาร ใครกันที่ไม่ยอมรับเสียงข้างมาก - เรื่องเอื้อประโยชน์ธุรกิจ อันนี้เห็นด้วย ใช้ความเป็นนายก ต่อรองให้หุ้นของตัวและครอบครัวได้ราคา คิดนโยบายเอื้อธุรกิจของตน อันไหนไม่เอื้อธุรกิจของตนก็ไม่คิดทำหรอก น่าเกลียดมั้กๆ ขอบคุณศาลที่จาระนัยให้ฟัง ไม่เห็นด้วยกับอาจารย์ท่านนี้ ที่เปรียบเทียบเรื่องเจ้าของบ้านกับผู้เช่าบ้าน กรณีนี้ เจ้าของบ้านเป็นคณะบุคคล คนส่วนใหญ่ประสงค์ให้เช่าบ้านต่อ ส่วนน้อยเท่านั้นที่อยากไล่ เมื่อไล่ไม่ได้ ก็ไปเชิญเจ้าพ่อเขียวอื๋อมาชักปืนขู่ให้ออกไป เสียงส่วนน้อยสมคบกับเจ้าพ่อเขียวอื๋อมาไล่เสียงส่วนใหญ่ ไม่ถูกต้อง รู้กฎหมายมหาชน แล้ว "มหาชน" คืออะไรล่ะฮะ จารย์   ถึงคนเช่าบ้านจะผิด แต่คนส่วนใหญ่เห็นว่า เขาได้ประโยชน์จากคนเช่าบ้านอยู่ พวกเขายังอยู่ในช่วงฮันนี่มูน ไม่ควรหักหาญน้ำใจด้วยกำลังและอาวุธปืน จากคุณ : เอเธนา เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 53 12:02:00 A:202.28.12.101 X:

ความคิดเห็นที่ 33   นี่แหล่ะประชาธิปไตย ย่อมมีเห็นต่าง เห็นแย้ง  เท่าที่อ่านแล้วผมว่าอจ.ทวีเกียรติ์ เหตุผลซักค้านคณะอจ.วรเจต ไม่มีน้ำหนักทางวิชาการกฎหมายรองรับ ( เข้าใจว่าคำซักค้านยังมีปัจจัยปิดกลั้นใจอจ.ทวีเกียรติอยู่แน่นอน  ความคิดจึงไม่ได้มาจากก้นบึ้งของหัวใจอจ.ทวีเกียรติ ขออภัยที่คิดแทนท่านอจ.)ทำให้คำตอบ/ค้านข้อกฎหมายไม่ชัด  เป็นเพียงประหนึ่งว่าตุลาการ 9 ท่านเป็นอจ.ผู้อาวุโส พูดอะไรต้องเชื่อฟังและถูกต้องเสมอ ซึ่งโลกในยุคโลกาภิวัฒน์ศิษย์ย่อมมีสิทธิ์ในการซักถามหักล้างด้วยเหตุผลทางวิชาการที่ชัดเจนโดยไม่ใช้ความรู้สึก ยิ่งต่อไปโลกไร้พรมแดนในอนาคต จะตอบสังคมไทยหรือโลกได้อย่างไร จึงจะเข้าใจเหตุผลความเป็นมาในขณะนั้น ขอให้นักวิชาการกฏหมาย/รัฐศาสตร์ทุกท่านได้เตรียมคำตอบไว้ให้ดีเถิด จะได้ใช้แน่ในอนาคต จากคุณ : มั่นคงถาวร (มั่นคงถาวร) เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 53 12:36:35 A:125.24.179.135 X:

ความคิดเห็นที่ 34   อาจารย์กฏหมายบางคนยอมให้คนมาฉีกกฏหมายได้ ไม่เคยออกมาตอบโต้อะไรเลย เพราะเชื่อในความคิดผิดๆของตัวเอง จากคุณ : topppp เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 53 12:46:06 A:180.180.105.87 X:

ความคิดเห็นที่ 35   ด้วยความเคารพ ๑. หลักนิติรัฐที่อาจารย์ได้กล่าวไว้ ใช่ค่ะมีเพื่อมุ่งให้คุ้มครองรัฐและประชาชน ไม่ใช่ให้ใครมาทำลาย.... ดังนั้นการทีกลุ่มบุคคลหนึ่งมุ่งที่จะใช้กฎหมายกับอีกคนกลุ่มหนึ่ง ทั้งๆที่คนกลุ่มของตนเองก็มีความผิด ถ้าเป็นเช่นนี้รัฐจะเป็นนิติรัฐได้อย่างไรคะ และการที่มีคนสามารถ กระทำการอันฝ่าฝืนต่อตัวบทกฎหมาย เช่น คณะรัฐหารพอได้ขึ้นสู่อำนาจแล้วก็นิรโทษกรรมตัวเอง แบบนี้อาจารย์จะถือว่าเป็นนิติรัฐในความหมายของอาจารย์ไหมคะ ๒.เื่รื่องหลักกฎหมายย้อนหลังไม่เถียงค่ะ แต่อยากจะทราบถึงการใช้ดุลยพินิจของตุลาการในแต่ละคดี ว่าเราจะเชื่อได้อย่างไรคะว่าถูกต้องและยุติธรรมแล้ว ในเมื่อคำให้การของจำเลย โดยส่วนตัวและประชาชนอีกส่วนหนึ่งยังคงเชื่อต่างจากตุลาการ ๓.ฝากไว้ค่ะว่าระบอบนี้อำนาจทั้งสามต้องถูกถ่วงดุลกันอย่างเท่าเทียม แต่ที่เ็ห็นที่ปรากฎ หรือใครจะพอบอกได้บ้างคะว่า เราจะสามารถตรวจสอบการ ทำหน้าที่ของตุลาการได้อย่างไร เพื่อใ้ห้ระบอบนี้ได้พัฒนาในประเทศไปอย่างสมบูรณ์ และสุดท้ายที่อยากจะฝากถึงคือ กฎหมายก็คือกฎเกณฑ์ที่เอาไว้ควบคุมประชาชนในสังคมให้อยู่กันอย่างสงบเรียบร้อย มีสภาพบังคับ ออกโดยรัฐาธิปัตย์ และ้ต้องบังคับใช้กับคนทั่วไปอย่างเสมอภาคกัน ดังนั้นหากขาดไไปซึ่งองค์ประกอบใด องค์ประกอบหนึ่ง ก็ไม่แน่ใจว่าจะเรียกว่ากฎหมายได้อย่างเต็มภาคภูมินัก ด้วยความเคารพอาจารย์และองค์คณะผู้พิพากษาจริงๆนะคะ จากคุณ : ไทรันโนซอรัส เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 53 13:04:25 A:58.8.19.236 X:

ความคิดเห็นที่ 36   ถ้าจำไม่ผิด เป็น ศ. ด้วยไม่ใช่เหรอ อยากฟังฝั่งข้างท่าน ศาสตราจารย์ บ้าง จากคุณ : cpbu เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 53 13:32:04 A:192.168.0.240 X:183.89.84.200

ความคิดเห็นที่ 37   มันก็ตั้งธงด้วยกันทั้งสองฝ่าย คือถามว่าคนไทยใจเป้นกลางทุกวันนี้มันไม่มีเหลือแล้ว ไม่ใช่ หมายถึงศาลไม่เป็นกลางนะ แต่โดยอคติลึกๆของมนุษย์ อย่างว่าไม่ใช่พระอิฐ พระปูน มันก็คงจะมีด้วยกันทั้งนั้นที่ตั้งธงล่วงหน้า อย่างแดงเอง จริงๆตั้งธงตั้งแต่ คตส ตั้งแต่ รัฐธรรมนูญ 50 แล้ว ว่ามันไม่แฟร์สำหรับทักษิณ จริงๆ คือมันไม่เกียวว่า คตส คมช หรือใครที่เป็นคนตั้งเรื่อง ปัญหาคือมันมีมูลหรือไม่มากกว่า โอเค ส่วนตัวผมเอง ในหลายๆคดีของทักษิณ ขออนุญาตตรงๆคือรู้สึกไร้สาระ และหาเรื่อง แต่บางเรื่องก็ต้องยอมรับว่า ไม่มีคำตอบที่เคลียร์ ครั้นจะมานั่ง ศรีธนญชัย หาช่องโหว่กฎหมายพริ้วไปเรื่อยมันก็ดูตลกอยู่ แต่อย่างว่า ถ้ามองย้อนกลับไป ไม่มี คมช ไม่มี คตส ไม่มี รัฐธรรมนูญ 50 ใครจะตรวจสอบ ทักษิณ ชินวัตร มันก็แทบไม่มีทางเป็นไปได้ ส่วนตัวเองไม่ได้ขนาดขวาจัด ที่ต้องเอาผิดทักษิณให้ได้ คือโดยภาพรวมแล้ว เค้าก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับตำแหน่งผู้นำประเทศ ไม่ใช่เพราะเค้าขาว แต่เพราะเค้ามีความสามารถ ในขณะที่คนอื่นๆ จะถามว่าขาวมั๊ย มันก็ไม่ขาวเช่นกัน แต่ความสามารถไม่เท่า เลือกได้ก็ขอเลือกทักษิณ แต่ในเมื่อเหตุการณ์ มันมาถึงตอนนี้ ทักษิณเองโดนขุดจนหมด กองเชียร์เองก็ควรจะยอมรับ ว่า่ เค้าเองไม่ได้เป็นผ้าขาวบริสุทธิ์เหมือนกัน เสื้อแดงต้องแยกนะครับ ระหว่าง ทักษิณกับประชาธิปไตย ขาวหรือเทา สิ่งที่คุณควรเรียกร้อง ที่มันขาดหายจากสังคมไทยปัจจุบัน มันไม่ใช่คนชื่อทักษิณ ชินวัตร แต่มันคือ สิทธิพื้นฐานของประชาชน มันคือประชาธิปไตย ที่มันโดนแย่งชิงไปตอน เลือกตั้ง 50 รัฐบาลท่านสมัคร ไม่ใช่ตอนปฏิวัติ 49 จากคุณ : Alpha_Binary เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 53 14:11:03 A:58.8.60.74 X:

ความคิดเห็นที่ 38   เพื่อน ขึ้นหัวmsn ไว้ว่า คนที่ก่นด่าว่าสีเหลือง-แดงนั้นทำลายประชาธิปไตย หากเป็นคนสามัญไม่แปลก แต่ถ้าเป็นนักวิชาการทางรัฐศาสตร์คงจะแปลก จากคุณ : Stop The Pass Start The New เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 53 14:45:08 A:114.128.127.158 X:

ความคิดเห็นที่ 39   ขอถ้าอาจารย์เรื่องกฏหมายย้อนหลัง ตามที่ผมได้อ่านความเห็นของอ.ผมขอสรุปแล้วแย้งดังนี้นะครับ   การกำหนดความผิด กฎหมายต้องประกาศให้ทราบก่อนว่าการกระทำใดเป็นความผิด จะได้ไม่ทำผิดนั้น หมายถึงการกำหนดความผิดใหม่ๆ ขึ้น จะนำไปกล่าวหาผู้กระทำย้อนหลังไม่ได้เพราะ เขาไม่รู้มาก่อนว่าการกระทำของเขาจะเป็นความผิด แต่ตามข้อเท็จจริงในคดี ที่ปรากฏตามสำนวนของตุลาการรัฐธรรมนูญ การกระทำของนักการเมืองและพรรคการเมืองเหล่านี้ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของความ ไม่ซื่อสัตย์สุจริต เลือกตั้งแบบคดโกง ทุจริตผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นสิ่งต้องห้ามที่มีอยู่เดิมแล้ว จึงไม่ใช่การกำหนดความผิดขึ้นใหม่ ---------------------------------------------------------------------------------- กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยที่ไม่ได้กระทำความผิดเหตุใดถึงถูกตัดสิทธิไปด้วย 1.มีหลักฐานใดมาพิสูตรให้ทราบว่ามีส่วนรู้เห็นเป็นใจในการกระทำนั้นๆ และมีเหตุผลใดในการนำกฎหมายที่ออกภายหลังมาบังคับลงโทษเมื่อ อ.บอกว่า กฎหมายต้องประกาศให้ทราบก่อนว่าการกระทำใดเป็นความผิด จะได้ไม่ทำผิดนั้น 2.การทำความผิดน่าจะเป็นเรื่องเฉพาะตัวบุคคลใครทำผิดก็ลงโทษคนนั้น  เหตุใดจึงลงโทษทั้งพรรค หากไม่ใช้เพื่อทำลายคูแข่งทางการเมือง จากคุณ : pon41me เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 53 15:33:42 A:111.84.110.191 X: