ผู้ใหญ่ที่เป็นกลางไม่มีความจำเป็น "การเจรจาเป็นทางออกที่ดี" แต่ติดปัญหาที่ตัว "อภิสิทธิ์" เป็นสำคัญ

ถ้าไม่ดัดจริตกันเกินไปเราต้องยอมรับว่าข้อเท็จจริงประการหนึ่งว่า
ผู้ใหญ่ที่เป็นกลางและเป็นที่ยอมรับของทั้งสองฝ่าย "มันไม่มีแล้ว" ในบ้านนี้เมืองนี้

การเจรจาถือว่าเป็นทางออกที่ดี ที่จะปูทางไปสื่อการหาทางออกร่วมกัน
ถ้าทั้ง2ฝ่ายมีความจริงใจยึดเอาประโยชน์ของประชาชนและชาติบ้านเมืองเป็นหลักจริง
วิธีการเจรจานี้จะเป็นจุดเริ่มต้นในการส่งสัญญานที่จะนำความสงบสุขกลับคืนสังคม
ด้วยการนำตัวแทนคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายมานั่งโต๊ะเปิดเงื่อนไขเจรจา

จะเจรจากี่รอบก็ว่ากันไป ไม่จำเป็นต้องไปขีดเส้นใต้กำหนดเป็นเงื่อนไขผูกมัดว่าเจรจาเพียงครั้งเดียวม้วนเดียวจบ
เมื่อเจรจาแล้วยังไม่มีผลสรุปให้เป็นที่ยอมรับ หรือไม่เกิดการประนีประนอมกันบนโต๊ะในครั้งแรก แล้วก็จะไม่มีการเจรจาในครั้งต่อๆ ไป อย่างนี้ไม่เอานะครับ
การเร่งรัดจบแบบนี้ถือว่าไม่ถูกต้อง และจะพิสูจน์ให้เห็นว่าฝ่ายไหนที่ไม่มีอดทน อดกลั้น ไม่มีความจริงใจที่จะเปิดโต๊ะเจรจา

ในการใช้โต๊ะเจรจาช่วยกันหาทางออกให้บ้านให้เมืองด้วยความปรารถนาที่ดีจริง
ครั้งนี้ไม่สำเร็จ ก็ควรมีการหารือกำหนดการในการเปิดโต๊ะเจรจาครั้งหน้าในทันที
แล้วแต่ละฝ่ายก็ให้นำผลสรุปจากการเจรจานั้น ไปใช้ปรึกษาหารือวางแผนเพื่อปรับเปลี่ยนกันให้เหมาะสมกันต่อไป

เงื่อนไขของการเจรจาควรมีความยืดหยุ่น และควรมีการเตรียมพร้อมที่จะหาทางเลือกสำรองเตรียมไว้หลายๆ ทาง
สำหรับเงื่อนไขที่ไม่สามารถนำไปปฏิบัติใช้ได้จริงในทันที หรือต้องใช้เวลา ก็ต้องมีการปรับ
หาความยืดหยุ่นมาใช้ปรับให้เหมาะสม ไม่ใช่สักแต่ดันทุรัง มุ่งหวังผลเอาชนะคะคานทางการเมืองเป็นหลัก

ปัญหาที่สำคัญที่ผมเป็นห่วงจริงๆ ไม่ได้อยู่ที่วิธีการเจรจา แต่อยู่ที่ตัวอภิสิทธิ์เป็นปัจจัยหลักสำคัญ
เพราะอภิสิทธิ์คือประมุขฝ่ายบริหาร ผู้ที่จะทำการตัดสินใจว่าจะนำข้อตกลงในการเจรจานั้นไปปฏิบัติหรือไม่

จากประสบการณ์ที่ผ่านมาในอดีต ระยะทางพิสูจน์มาร์ค สิ่งที่พูดกับสมัครสมชายพิสูจน์อภิสิทธิ์
คิดได้ พูดได้ แต่ทำไม่ได้ เพราะไม่มีความจริงใจ มีแต่เรื่องจิงโจ้ล้วนๆ
ถ้าไม่พูดเพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้ดูดี ก็เป็นการพูดซื้อเวลาเพื่อให้ตัวเองเอาตัวรอดไปวันๆ
ตัวอย่างใกล้ตัวที่เห็นได้ชัดก็คือการตั้งคณะกรรมการปรองดองสมานฉันท์หลังเกิดเหตุเมษาเลือด
มาถึงขณะนี้ บีลผลสรุปที่มีมติให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ พรรคท่านเองกลับมีมติไม่ให้แก้บฝีล
รวมถึงการพูดที่สำคัญ 2 ครั้ง มีกลายเป็นเขวี้ยงงูไม่พ้นคอ กลับมารัดคอท่านอยู่ในขณะนี้

มาร์คเดี่ยวไมโครโฟน
http://www.youtube.com/watch?v=igyUhnIglx4

หรือ เรื่องอภิปรายในสภา เคยเสนอให้อดีตนายกฯสมัครและสมชายยุบสภาหรือลาออก แต่ตนเองก็ไม่ยอมทำ

จำคำพูดของ...ได้มั๊ยอภิสิทธิ์
http://www.youtube.com/watch?v=SunS-wZs-mo

ทางแก้มีทางเดียวที่พอจะรับได้ คือ ต้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศสัตยาบรรณรับรองในทันที
โดยกำหนดกรอบระยะเวลาในการแก้ปัญหาที่ทั้งสองฝ่ายยอมรับ 1-6 เดือนหรือจะ 1 ปีก็ว่ากันไป
ถ้าเลยกรอบระยะเวลานั้น ถ้ายังไม่สามารถทำได้ ก็พร้อมที่จะยุบสภาในทันที
หรือจะทำอะไรก็แล้วแต่ก็ต้องว่ากันไป พอถึงเวลานั้นการลาออกคงไม่จำเป็น
เพราะเมื่อถึงเวลานั้นจริง ระยะเวลาที่จะได้เป็นรัฐบาลคงไม่เพียงพอแล้ว

[แก้ไขเพิ่มเติม]

ทางแกนนำเสื้อแดงเอง ก็ไม่ควรปัดข้อเสนอเปิดโต๊ะเจรจา
ถ้ายังไม่พร้อม หรือยังไม่เห็นด้วยในตอนนี้ก็ควรที่จะพูดว่า
จะรับไว้เพื่อพิจารณรา ขอปรึกษาหารือในกลุ่มแกนนำก่อน

เพราะการปฏิเสธในทันทีจะทำให้มีภาพ ติดลบในสายตาคนนอก
พันธมิตรเคยเป็นต้นแบบที่ไม่ดี ไม่เคยเปิดโต๊ะเจรจากับใคร
ถ้ายังไม่พร้อม ก็ควรพับเก็บไว้ในลิ้นชัก อย่าเพิ่งฉีกทิ้ง
เก็บไว้เหลือเป็นทางออกเมื่อยามสถานการณ์คับขันก็ยังดี

ปล. ทุกฝ่ายถ้าตั้งใจจริงมาช่วยกันเสนอทางออกให้บ้านเมืองและช่วยกันผลักดันทำให้เกิดเป็นผลสำเร็จเป็นรูปธรรม

แก้ไขเมื่อ 18 มี.ค. 53 16:24:18

จากคุณ	: สิงห์สนามหลวง
เขียนเมื่อ	: 18 มี.ค. 53 15:02:23 A:58.8.201.219 X:

bookmark

เก็บเข้าคลังกระทู้

ส่งต่อกระทู้

พิมพ์

หน้าหลัก

กระทู้ก่อนหน้า

กระทู้ถัดไป