 |
ความคิดเห็นที่ 2 |
|
ไม่เสีย ใช้ช่องว่างกฏหมาย ... ที่แก้มาเองกับมือ ก่อนจะขาย เลย อ้างว่าไม่ต้องเสีย ... ตามนี้ ... จาก Wiki
คดีขายหุ้นกลุ่มบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
ดูบทความหลักที่ กรณีตระกูลชินวัตรและดามาพงศ์ขายหุ้นกลุ่มบริษัทชินคอร์ป
วันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2549 ระหว่างการดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี สมัยที่สอง ของ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ตระกูลชินวัตร และ ดามาพงศ์ ได้ขายหุ้นที่ครอบครองอยู่ทั้งหมด ในบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ให้แก่บริษัท เทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ จำกัด (พีทีอี) ซึ่งเป็น กองทุนเพื่อการลงทุน ของ รัฐบาลสิงคโปร์ จำนวน 1,487,740,000 หุ้น (คิดเป็น 49.595% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด) มูลค่าหุ้นละ 49.25 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 73,271,200,910 บาท ซึ่งถือเป็น การขายหุ้นที่มีมูลค่าสูงที่สุดในประเทศไทย ผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยที่ได้มีการแก้ไขกฎหมายเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อการขายหุ้นเพียงไม่กี่วัน ก่อนหน้า และการที่ไม่ต้องเสียภาษีรายได้จากผลกำไรในการขายหุ้น ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากในสังคมไทย แต่ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ยูไนเต็ดคอมมูนิเกชั่น อินดัสตรี ได้ขายหุ้นบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค ให้แก่กลุ่มเทเลนอร์ ของประเทศนอร์เวย์ โดยไม่เสียภาษี ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ยิ่งกว่าการขายหุ้นชินคอร์ป เนื่องจากขณะนั้นยังมิได้ประกาศใช้กฎหมายฉบับดังกล่าว โดย พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชี้แจงว่า เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน เหตุการณ์ครั้งนี้ เป็นจุดที่ทำให้ กระแสการขับไล่ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ออกจาก นายกรัฐมนตรี ขยายตัวออกไปในวงกว้าง Wikisource วิกิซอร์ซ มีข้อมูลต้นฉบับเกี่ยวกับ: คำพิพากษาคดียึดทรัพย์ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 เวลา 13.30 น. องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เริ่มอ่านคำพิพากษาในคดีที่ อัยการสูงสุด ยื่นคำร้องขอให้ทรัพย์สินที่ร่ำรวย ผิดปกติและได้มาเนื่องจากการกระทำที่เป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคล และประโยชน์ส่วนรวมของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตกเป็นของแผ่นดินโดยศาลมีคำวินิจฉัยว่า พ.ต.ท. ทักษิณ เป็นเจ้าของหุ้นบริษัทชินคอร์ปที่แท้จริง และใช้อำนาจหน้าที่ระหว่างดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเอื้อ ประโยชน์ให้แก่บริษัทชินคอร์ป เอไอเอส และชินแซทฯโดยตรง อันมีผลทำให้มูลค่าหุ้นของบริษัทชินคอร์ปสูงขึ้น รวมทั้งได้เงินปันผลจำนวนดังกล่าว จึงมีคำพิพากษา ให้ยึดเฉพาะเงินค่าขายหุ้นส่วนที่เพิ่มขึ้นหลังจากดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และเงินปันผล จำนวนทั้งสิ้น 46,373,687,454.64 บาทให้ตกเป็นของแผ่นดิน และให้คืนทรัพย์สินที่มีมาก่อนจะเข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จำนวนทั้งสิ้น 30,247,915,606.31 บาท ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่ยอมรับผลการตัดสินดังกล่าว และอาจจะยื่นเรื่องเพื่ออุทธรณ์ต่อศาลโลกต่อไป
จากคุณ |
:
mOOgrOb'pm'
|
เขียนเมื่อ |
:
1 เม.ย. 53 16:52:14
A:113.53.206.212 X:
|
|
|
|
 |