 |
ความคิดเห็นที่ 4 |
|
19.พันธมิตรชุมนุมปิดล้อมรัฐสภา เมื่อ 7 ตุลาคม 2551 ไม่ยอมให้มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ตำรวจได้รับคำสั่งให้สลายการชุมนุม เพื่อให้รัฐบาลสมชายเข้าแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตำรวจใช้แก๊สน้ำตา สลายสำเร็จ สารวัตรจ๊าบทำอีท่าไหนไม่รู้ เกิดระเบิดตายในรถจิ๊บ พันธมิตรรวบรวมกำลังไปบุก บชน. ตอนเย็น ถูกตำรวจยิงแก๊สน้ำตาสลายอีกที น้องโบว์เสียชีวิต โดยยังเป็นปริศนาว่าเสียชีวิตเพราะสาเหตุอะไรกันแน่ ทั้งสองคนได้รับการจัดงานศพอย่างเร่งรีบ โดยไม่มีใครสนใจจะหาคำตอบทางวิทยาศาสตร์ ว่าโดนแรงระเบิดจากแก๊สน้ำตา หรือระเบิดที่หอบหิ้วกันไปเอง ผลต่อมา น้องโบว์และสารวัตรจ๊าบ ได้เป็นวีรสตรีและวีรบุรุษ พันธมิตรที่บาดเจ็บทุกคนได้รับเงินชดเชย นายกสมชายและนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่โดน ปปช.เล่นงาน ตำรวจชั้นผู้น้อยที่ปฏิบัติหน้าที่ และได้รับบาดเจ็บเช่นกัน ไม่มีใครมาเหลียวแล
20. นปช. ชุมนุมไล่รัฐบาลอภิสิทธิ์ชนเมื่อสงกรานต์ 52 ทหารออกมาเต็มพิกัด พร้อมอาวุธสงครามครบมือ การชุมนุมเกิดเหตุรุนแรง ทหารใช้อาวุธเข้าปราบปราม อ้างว่าใช้กระสุนจริงยิงขึ้นฟ้า กระสุนแบ้งค์ยิงใส่คน แต่ผู้เข้าชุมนุมได้รับบาดเจ็บจากกระสุนปืนหลายคน ผลต่อมา ทหารได้รับคำแซ่ซ้องสรรเสริญ อนาคตคงได้ป็นนายพลหลายคน หนึ่งในนั้นต้องได้เป็น ผบ.ทบ.แน่นอน ส่วนผู้เข้าร่วมชุมนุมที่ได้รับบาดเจ็บ โรงพยาบาลของรัฐหลายแห่งไม่ยินดีที่จะทำการรักษา ต้องรักษาตัวตามมีตามเกิด เงินชดเชยก็คงไม่มีใครเหลียวแล หรือหากพอมีบ้างก็น้อยนิด ทั้งที่ใช้สิทธิ์ชุมนุมตามรัฐธรรมนูญเหมือนกัน
21. คดี ปรส. ที่ DSI เสรุปสำนวนส่งให้ ปปช.ดำเนินการมาหลายปีแล้ว แต่ไม่มีความคืบหน้าใดๆ ไม่แน่ใจว่าจะรอให้หมดอายุความหรือไม่ ถ้าคดีนี้ดำเนินการต่อ ตามมาตรฐานที่คุณทักษิณถูกกระทำอยู่นี่ เราอาจจะได้มีโอกาสเห็น นายชวน,นายธารินทร์,นายอมเรศ,นายอานันท์ เหล่าคนดี ทั้งหลายแห่งประเทศสารขัณฑ์แลนด์ติดคุกก็เป็นได้
22. คดีกล้ายางที่รอดได้หวุดหวิด การที่เนวิน ชิดชอบ เปลี่ยนข้าง และความเกี่ยวพันกับการเข้าไปคุยกับระดับบิ๊กในค่ายทหารก่อนหน้านั้น เบื้องหน้าเบื้องหลัง แกนนำรู้ดีอยู่แล้ว
23.คดีสนามกอล์ฟสอยดาวไฮแลนด์ ที่ จ.จันทบุรี ของธนาคารกรุงเทพ ที่มีประธานที่ปรึกษา ชื่อพลเอกเปรม คนเสื้อแดงไปเปิดโปงว่าบุกรุกป่าสงวน กรมป่าไม้ดำเนินการฟ้องร้องไปหลายปีแล้ว แต่พอไปเจอตอเลยถอยตั้งหลัก หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งสะสาง
24.คดีประวัติศาสตร์ สปก.4-01
สมัยนายสุเทพ เทือกสุบรรณเป็น รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ แจกที่ สปก.4-01 ให้กับทศพร เทพบุตร สามีของ อัญชลี เทพบุตร ขณะเป็นเลขานุการของตนเอง ไม่เพียงแต่ ทศพร เทพบุตร คนเดียวที่ได้รับที่ดินผืนงามของเกาะภูเก็ต ไปกว่า 90 ไร่ ยังมี “นายหัว” อีกหลายคนของเกาะภูเก็ต ที่เป็นนายทุนของพรรคประชาธิปัตย์ และสนิทสนมชิดเชื้อกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และ พรรคประชาธิปัตย์ ได้รับเอกสารสิทธิสปก.4-01 เหมือนกับทศพรเทพบุตร ไปด้วย ทั้งนายทศพร เทพบุตร และคนเหล่านี้ ไม่มีสิทธิที่จะได้รับเอกสารสิทธิที่ดินสปก.4-01 ซึ่งเป็นที่ดินของหลวง ซึ่งมีวัตถุประสงค์ที่จะยกให้แก่เกษตรกรคนยากจนที่ไม่มีที่ดินทำกิน ต่อมาศาลฎีกาพิพากษาแล้วว่าทำผิด และสั่งให้ ทศพร เทพบุตร ออกจากที่ดินหลวงที่ยึดครองเป็นสมบัติส่วนตัวนานถึง 12 ปี ในกรณีหนึ่ง ศาลฎีกาพิพากษาว่า ทศพร เทพบุตร ไม่ใช่ผู้มีสิทธิได้รับสปก.4-01 และต้องคืนที่ดินให้หลวง แต่พรรคประชาธิปัตย์ กลับบอกว่าทศพร ไม่ผิด สุเทพ ไม่ผิด ที่ผิดคือ กฎหมายที่เขียนไว้ไม่รองรับถึงนายทศพร ผลที่ตามมาหลังคดีนี้คือ พรรคประชาธิปัตย์ไม่ต้องรับผิดชอบต่อความผิดพลาดที่เกิดขึ้น
25.เรื่องที่มีคนไปร้องเรียนที่ ปปช.กรณีของ บิ๊กชื่อดัง ใน สตง. ดังนี้
1.การบริหารงานบุคคลที่ไร้คุณธรรม จริยธรรม และเล่นพรรคเล่นพวก ปรากฏว่า มีเจ้าหน้าที่ สตง. ฟ้องผู้บริหารระดับสูงของ สตง.ต่อศาลปกครองในการโยกย้ายแต่งตั้งถึง 4 คดี ในจำนวนนี้มีหนึ่งคดีที่ศาลปกครองกลางพิพากษาว่า คำสั่งแต่งตั้งไม่ชอบด้วยกฎหมาย คดีที่เหลืออยู่ระหว่างการพิจารณา นอกจากนั้นมีการกล่าวว่า แต่งตั้งพรรคพวกของตัวเอง 13 คน ข้ามหัวคนอื่นให้เป็นเจ้าหน้าที่ระดับ 9
2.ใช้อำนาจหน้าที่และตำแหน่งข่มขู่เรียกเงินจากหน่วยรับตรวจโดยอ้างว่า ตรวจพบความผิด โดยมีการปล่อยข่าวทางสื่อ จากนั้นจะส่งมือไม้ของตนเองไปรีดเงินแลกกับการไม่รายงานผลการตรวจสอบ ถ้าใครยอมเรื่องก็จะเงียบหายไป
3.ซื้อที่ดิน 3 แปลงๆละ 1 ไร่ โดยทำสัญญาซื้อขายเพียงไร่ละ 2 ล้านบาท เมื่อเดือนธันวาคม 2549 ในย่านปากเกร็ด จ.นนทบุรี ในชื่อของน้องสาวและลูกชาย (แต่ทำสัญญากันที่สำนักงาน สตง.) ทั้งๆ ที่แค่ราคาประเมินก็ไม่ต่ำกว่าไร่ละ 8 ล้านบาท ในประเด็นนี้ ยังมีการตั้งข้อกล่าวหาว่า น่าจะเป็นการฟอกเงิน โดยนำเงินที่ได้มาโดยมิชอบมาซื้อที่ดินและสร้างบ้านราคาแพง แต่ทำเป็นซื้อที่ดินมาราคาถูกๆ ผู้คนจะได้ไม่สงสัยว่า เอาเงินมากมายมาจากไหน นอกจากนั้นยังมีการหาว่า มีการใช้อำนาจหน้าที่บีบบังคับกรมธนารักษ์ให้ยกที่ดินบริเวณใกล้เคียงเพื่อ สร้างสำนักงานใหญ่ สตง.ใหม่อีกด้วย
4.มีเงินจำนวน 46 ล้านบาท ไหลเข้าบัญชีญาติสนิท 46 ล้านบาท ในเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2549 และมีการถอนออกในเดือนธันวาคม 2549 ถึง 26 ล้านบาท โดยกล่าวหาว่า ส่วนหนึ่งนำไปซื้อที่ดินและสร้างบ้านราคาแพงข้างต้น ทั้งนี้ เงินก้อนนี้น่าจะเป็นเงินที่นักการเมืองใหญ่รายหนึ่งยอมจ่ายให้เพื่อแลกกับ ถอนข้อกล่าวหา โครงการหนึ่งในสนามบินสุวรรณภูมิ
5.การจัดจ้างบริษัทฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ สตง.ในลักษณะผูกขาดและผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะบริษัทดังกล่าวเช่าที่ทำการ ซึ่งเป็นของคู่สมรมของตนเอง
6.บีบบังคับให้บริษัทการบินไทยออกตั๋วและค่าใช้จ่ายให้กับลูกชายเดินทางไป ญี่ปุ่น รัสเซีย และเดนมาร์กโดยอ้างว่าติดตามคณะไปตรวจสอบสำนักงานการบินไทยในต่างประเทศ
7.การนำรถส่วนกลางไปใช้ ทั้งๆ ที่มีรถประจำตำแหน่งอยู่แล้ว เพื่อจะได้ไม่ต้องจ่ายค่าน้ำมันเอง ในกรณีดังกล่าวนี้สตง.เคยทำหนังสือทักท้วงหน่วยงานอื่นมิให้กระทำในลักษณะ ดังกล่าว เพราะถือว่าเป็นการกระทำที่มิชอบ แต่ผู้บริหารระดับสูงรายนี้กลับกระทำเสียเอง (จาก http://www.onopen.com/prasonglert/09-07-18/4909)
26.เรื่อง จีที200 ที่กำลังอื้อฉาวในเวลานี้ซึ่งมีหลักฐานค่อนข้างชัดเจน ว่า
1. เป็นของที่ไม่มีคุณภาพ ตามที่มีผลทดสอบออกมาโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 2. มีการทุจริตชัดแจ้ง เพราะราคาที่จัดซื้อโดยหน่วยงานต่างๆ แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว
แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 53 15:53:38
จากคุณ |
:
ลำหับป่า
|
เขียนเมื่อ |
:
4 เม.ย. 53 15:43:09
A:125.27.45.84 X:
|
|
|
|
 |