 |
ชโลทร มติชนเชื่อสำนึกดีหยุดยั้งไทย ฆ่า ไทย ขออภิสิทธิ์เลิกดันทุรังในอำนาจ ยุบสภาไม่จบดีกว่าไม่ยุบยิ่งเละ
|
|
คอลัมน์ เรียงคนมาเป็นข่าว
@ เพราะบงการสื่อให้โหมกระแสกระตุ้นไทยเกลียดชังไทย น้ำเสียงที่ท่วมด้วยอารมณ์คลั่ง คนบางจำพวกที่ตะโกนให้ฆ่ากันให้แตกหักกันไปข้าง จึงได้รับการนำเสนออย่างต่อเนื่อง ทำให้น้ำเสียงที่ไม่อยากเห็นคนไทยฆ่ากันเองไม่ดังพอจะเข้าหูคนส่วนใหญ่ของประเทศ ทว่าสำนึกฝ่ายดียังมีอยู่ในหัวใจคนไทย ยิ่งถูกกรอกหูให้รู้สึกฆ่ามัน ฆ่ามันเท่าไร ใจยิ่งโน้มไปหาสันติวิธีมากเท่านั้น
@ หลัง เสียเลือดเสียเนื้อเสียชีวิตอย่างน่าสลด ผู้มีสำนึกดีงามเริ่มแสดงตัวออกมาตะโกนแข่งให้หยุดสำนึกทราม อารมณ์ของผู้คนในสังคมเริ่มตั้งสติ ร่ำร้องให้เปิดการเจรจาระหว่างรัฐบาลกับม๊อบเสื้อแดงมากขึ้นเรื่อยๆ เชื่อว่าด้วยพลังของสำนึกดีจะช่วยขับไล่น้ำเสียแห่งพวกจิตวิปริตให้ค่อยๆจางลง
@ แค่ฝ่ายหนึ่งจะเอาอภิสิทธิ์ อีกฝ่ายจะเอาทักษิณ ปลุกกระแสกันจน ไทยฆ่ากันตายเกลื่อนถนน บ้านนี้เมืองนี้มีประชาชนกว่า60ล้านคน ถูกครอบงำด้วยอาถรรพ์อะไร จึงนึกถึงคนอื่นไม่ได้ เหมือนกับชะตากรรมของประเทศจำเป็นต้องฝากไว้แค่สองคนนี้
@ หากข่าวเปิดการเจรจาครั้งใหม่เป็นจริง และนายกรัฐมนตรีพร้อมจะเสียสละเพื่อสร้างความสงบให้ประเทศ ได้แต่อนุโมทนา สาธุ! ขอขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดก็ตามที่บันดาลให้ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คิดได้ว่า น่าเสียดาย หากจะจบชีวิตทางการเมืองทั้งที่อายุยังน้อย ต่างกับ ชวน หลีกภัย-บัญญัติ บรรทัดฐาน ที่ ตกยุค หมดสมัยที่ควรคิดแค่จะฝากบทบาทสุดท้ายใดให้ประชาชนจดจำในทางดีงาม
@ หากยังงมงายกับโฆษณาชวนเชื่อคิดแต่จะใช้อำนาจปราบปราม เลือกใช้ทหารพร้อมอาวุธมากกว่าใช้ รัฐสภา คนจบเมืองนอกเมืองนาอย่าง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่รู้ได้อย่างไรว่าประชาชนไม่โง่พอจะไม่รู้ว่านิติรัฐที่จะประกาศสร้าง นั่นเป็นแค่ข้ออ้างเพื่อดันทุรังในอำนาจ มืดมัวจนไม่สำนึกว่าชีวิตเลือดเนื้อประชาชนไม่สมควรเอามาเป็นเครื่องสังเวย
@เหลือไม่กี่เดือนจะปลดระวางได้แต่ภาวนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลกช่วยแบ่งเบาแรงกดดันให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ยังมั่นคงในความคิด การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง-ทหารไม่ฆ่าประชาชนได้ตลอดรอดฝั่ง อย่าให้มีสิ่งใดมาทำให้จิตใจของผบ.ทบ.หลุดจากหลักคิดที่ยึดมั่น
@ สำหรับม๊อบเสื้อแดง หากเป้าหมายของการต่อสู้อยู่ที่ ความเป็นธรรมในชนชั้นจริงอย่างที่ประกาศ ชั่วโมงนี้ถือว่าบรรลุเป้ามาไกลแล้ว ไม่เพียงใส่ความคิดให้ประชาชนทั้งประเทศไม่ว่าสีใดมาถกเถียงกันเรื่องนี้แล้ว ในหมู่ นักวิชาการหยิบเรื่องนี้มาเป็นประเด็นเสวนากันคึกคัก กลุ่มนักธุรกิจและอภิสิทธิ์ชนทั้งหลายถูกบังคับให้ต้องทบทวนตัวเองว่า แม้จะร่ำรวยหรือ ล้นด้วยอำนาจวาสนา อย่างไรก็อยู่สบายไม่ได้ หากประชาชนส่วนใหญ่ยังลำบากยากแค้น
@ หากคิดแค่ยุบสภาเพื่อ คืนอำนาจให้ประชาชน ตัดสินใจเลือกใครเป็นรัฐบาลก็ถือว่าไม่ล้มเหลวเพราะที่สุดไม่มีทางเลือกอื่น แม้จะสลายการชุมนุมในวันนี้กระแสสังคมจะกดดันเอง เพราะไม่มีใครอยากให้ความเลวร้ายของประเทศย้อนกลับมาอีก เพราะรัฐบาลผิดคำพูดที่พูดไปยุบช้าไปเดือนสองเดือน หรือมากกว่าไม่ใช่สาระสำคัญของการต่อสู้
@สำหรับความคิดที่ว่ายุบสภาก็ไม่จบต้องคิดด้วยว่าไม่ยุบก็ยิ่งเละ ถ้าต้องละวางการบริหารด้วยกลไกประชาธิปไตย หันไปใช้อำนาจแบบเผด็จการด้วยกฎหมายเฉพาะ-การปิดกั้นความคิดอิสระ-โฆษณาชวนเชื่อ-ใช้กองกำลังถืออาวุธไม่เพียงไม่จบ แต่ต้องคิดต่อว่าที่สุดแล้วจะไปจบที่ตรงไหน
ชโลทร
(ที่มา มติชนรายวัน , 26 เม.ย. 2553)
จากคุณ |
:
จำปีเขียว
|
เขียนเมื่อ |
:
27 เม.ย. 53 21:48:32
A:118.172.41.190 X:
|
|
|
|  |