ขออนุญาตแสดงความเห็นต่อ "คำแถลงของทีมงานราชดำเนิน" ตามประกาศด้านบน
|
|
" ความตั้งใจของเราคือ เมื่อเป็นพื้นที่นี้ตั้งใจเพื่อการเขียนอภิปรายหรือเป็นพื้นที่ในการเขียนบทความเชิงการเมืองนั้น ผมคิดว่าน่าจะต้องใช้ความคิด การวิเคราะห์ ต่อข้อมูลข่าวสารที่ได้รับมาค่อนข้างมากก่อนที่จะเขียนอะไรออกมา หรือพูดง่ายๆก็คือ น่าจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ที่ให้ท่านมีโอกาสได้ตกผลึกทางความคิดพอที่จะสะท้อนออกมาให้สาธารณะชนได้รับทราบทรรศนะของท่าน "
- ก่อนอื่นขอนำเสนอความหมายของคำว่า "อภิปราย" และ "กระทู้" จากพจนานุกรมไทย ฉบับราชบัณทิตยสถาน พ.ศ.2542
...อภิปราย [อะพิปฺราย] ก. พูดชี้แจงแสดงความคิดเห็น. (ส. อภิปฺราย)...
...กระทู้ ๒ น. หัวข้อหรือข้อความที่ตั้งให้อธิบาย เช่น กระทู้ธรรม กระทู้ถาม. กระทู้ถาม (กฎ) น. คําถามในข้อเท็จจริงหรือนโยบายที่สมาชิก สภานิติบัญญัติหรือสมาชิกสภาขององค์การบริหารส่วนท้องถิ่น ตั้งถามฝ่ายบริหารให้ตอบในที่ประชุมแห่งสภานั้น ๆ หรือตอบ เป็นหนังสือ. (อ. question)...
ในขณะที่ Pantip.com ตั้งขึ้นมาด้วยเหตุผลหลักเพื่อให้เกิดการถกเถียง แสดงความคิดเห็น ไขข้อข้องใจต่อเรื่องต่างๆ ในสังคม เพื่อให้เกิดเข้าใจตรงกันและหาข้อสรุปหรือให้เกิดข้อมูลที่หลากหลายด้านแก่ผู้อ่าน โดยตั้งขึ้นมาในรูปแบบของ "กระทู้"
เมื่อเป็น "กระทู้" จึงจำเป็นต้องมีการแสดงความคิดเห็นอย่างรอบด้าน โดยมีผู้ตั้งและผู้ตอบคำถามในหัวข้อกระทู้นั้นๆ โดยให้ผู้เข้าร่วมกระทู้ได้นำเสนอข้อมูลได้อย่างเต็มที่
และแม้จะปรับเปลี่ยนมาใช้คำว่า "อภิปราย" แทนคำว่า "กระทู้" (ตามอย่างผู้มีอำนาจเรียกการสลายม็อบว่า "ขอคืนพื้นที่" ขณะที่เรียกการทำร้ายคนว่า "กระชับพื้นที่") แล้วก็ตาม ก็ควรจะต้องมีการถกเถียงในประเด็นหัวข้อการภิปรายนั้นๆ ด้วย เพราะไม่เช่นนั้นแล้วก็จะเป็นเพียงการให้ข้อมูลด้านเดียว หรือที่เรียกว่าโฆษณาชวนเชื่อ (propaganda) มากกว่าที่จะเป็นการอภิปราย
ดังเช่นการสัมมนาหรือเสวนาของกลุ่มต่างๆ ในสังคม หลังการอภิปรายของผู้พูดบนเวที ยังต้องเปิดโอกาสให้ผู้เข้าฟังร่วมสอบถามและแสดงความคิดเห็นต่อเนื้อหาที่ผู้อภิปรายได้นำเสนอไปก่อนหน้านั้น เพื่อให้เกิดความเข้าใจหรือหาข้อสรุปที่จะได้จากการสัมมนาหรือเสวนาไม่มากก็น้อย
ฉะนั้น การที่ราชดำเนินโฉมใหม่เปิดให้สมาชิกได้ post เพียงฝ่ายเดียว ไม่สามารถนำเสนอข้อมูลและข้อเท็จจริงเพิ่มเติมในลักษณะรูปภาพใดๆ ได้เลย(แม้ทีมงานกำลังพิจารณาอีกครั้งกรณีนี้) และไม่เปิดให้คนเห็นต่างเข้ามาโต้แย้งเนื้อหาของกระทู้ ก็ไม่ต่างอะไรกับการให้คนพูดไปเรื่อยเปื่อยตามความรู้สึกนึกคิดโดยปราศจากข้อเท็จจริง ซ้ำร้ายยังไม่มีใครสามารถโต้แย้งเนื้อหกระทู้ได้
แบบนี้ต่างหากเล่าที่จะยิ่งทำให้เกิดความแตกแยกในสังคม เพราะนั่นจะกลายเป็นการเปิดพื้นที่ให้กับคนที่ไม่มีข้อมูล ข้อเท็จจริง มาสร้างเรื่องราวอันเป็นเท็จอันจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดต่อสังคมได้อย่างง่ายดาย
ตรงกันข้าม หากมีการโต้แย้งจากฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับเนื้อหากระทู้ ก็ยังทำให้มีการไปค้นหาข้อเท็จจริงมานำเสนอ ต่อสู้กันด้วยข้อมูลและเหตุผล ซึ่งทำให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง "จริงๆ" ได้มากกว่าการปล่อยให้พูดข้างเดียว
ยกตัวอย่าง การนำเสนอข้อมูลเพียงด้านเดียวของผู้มีอำนาจทุกวันนี้ กลับทำให้คนในสังคมจำนวนหนึ่ง "เชื่อแบบผิดๆ" และทำให้เกิดการสนับสนุนให้มีการใช้ความรุนแรงในการสลายม็อบจนนำไปสู่การสูญเสียนับร้อยชีวิตและบาดเจ็บเกือบ 2 พัน ทั้งที่ไม่ควรเกิดความรู้สึกแบบนี้ในสังคมไทยที่เป็นเมืองพุทธแม้แต่น้อย
นี่แสดงให้เห็นถึง "ผลเสีย" ของการปล่อยให้มีข้อมูลเพียงด้านเดียวถูกนำเสนออกมา โดยปราศจากการโต้แย้งใดๆ
ส่วนที่ทีมงานอ้างว่าเพื่อให้สมาชิกได้ "ใช้ความคิด การวิเคราะห์ ต่อข้อมูลข่าวสารที่ได้รับมาค่อนข้างมากก่อนที่จะเขียนอะไรออกมา" เอาเข้าจริง ทีมงานก็ไม่สามารถไปกำหนดช่วงเวลาให้สมาชิก post ได้ หากเขารู้สึกอยากจะ post หรือระบายอะไรออกมาทันทีทันใดที่ได้รับข้อมูลข่าวสาร
แม้แต่การกำหนดให้ post ได้แค่วันละกระทู้ ก็ไม่ได้สามารถควบคุมอะไรได้มากนัก เพราะหลายคนมีมากกว่า 1 login ซ้ำยังเป็นการส่งเสริมให้มีการฉ้อฉลด้วยการสมัคร login ไว้หลายๆ อันสำหรับปั่นกระทู้ในแต่ละวัน เพราะอย่าลืมว่าในภาวะปกติก็มีคนสมัครสมาชิก pantip มากมายต่อวันอยู่แล้ว ทีมงานจะตรวจสอบได้อย่างไรว่าไม่ใช่คนจากกลุ่มก้อนหรือบุคคลเดียวกัน นอกเสียจาก login นั้นจะไป post ผิดกฎกติการมารยาทของทาง web ทีมงานถึงจะลงมาตรวจสอบสักที
....................................................
" ปัญหาคือถ้าเราปล่อยให้โพสต์ได้ไม่จำกัดจำนวน ข้ออภิปรายของสมาชิกบางท่านที่ผ่านการรวบรวมข้อมูลเนื้อหาและตกผลึกมาอย่างดี จะถูกข้อความโพสต์สั้นๆ คั่นอยู่เยอะมากจน ไม่สามารถแสดงความโดดเด่นออกมาได้ "
- ที่ทำอยู่ไม่ใช่การแก้ปัญหากรณีนี้ใดๆ เลย "ข้อความสั้นๆ" ที่ทีมงานอ้างถึงนั้น แม้แต่ขณะนี้ก็ยังมีการใช้ "ข้อความสั้นๆ" ตั้งกระทู้เหมือนกัน แล้วมันจะเกิดประโยชน์อะไร เพราะ "ข้อความสั้นๆ" ถูกนำไปตั้งกระทู้ทำให้ไม่มีเพื่อนสมาชิกเข้าไปตักเตือนผู้ตั้งกระทู้ ก็ยิ่งทำให้ผู้ตั้งกระทู้เกิดความได้ใจตั้งกระทู้ไร้สาระขึ้นมา แล้วในที่สุดก็จะไปดันกระทู้ดีๆ ตกขอบออกไปอยู่ดี
กรณีการใช้ "ข้อความสั้นๆ" post กระทู้ วิธีแก้ไขก็คือวิธีตามกฎกติการมารยาทที่ใช้กับทุกห้องของ pantip นั่นเอง พวก "ข้อความสั้นๆ" ที่ดูไร้ประโยชน์ ก็มีเป็นเรื่องปกติในกระทู้ของห้องอื่นๆ เช่นกัน ไม่ใช่มีแต่ในห้องราชดำเนิน ถ้า "ข้อความสั้นๆ" มีผลเสียต่อการตั้งกระทู้ ก็ควรที่จะนำวิธีเดียวนี้ไปปรับใช้กับห้องอื่นๆ เสียด้วยเลย
ตราบใดที่ "ข้อความสั้นๆ" ไม่ได้แสดงถึงความหยาบโล้นหรือด่าทอแบบไร้เหตุผลจนผิดกฎกติกาของ web ก็ถือว่าสมาชิกคนนั้นแค่แสดงความรู้สึกส่วนตัว และถ้าหาก "ข้อความสั้นๆ" หรือแม้แต่ "ข้อความยาวๆ" ผิดกฎกติตา ก็จะต้องถูกลบออกจากกระทู้ไปอยู่แล้วมิใช่หรือ ดังนั้น จึงไม่น่าจะใช่ปัญหาหรือสาเหตุหลักที่นำไปสู่การเปลี่ยนรูปแบบของราชดำเนินแม้แต่น้อย
ส่วนที่ทีมงานห่วงว่าจะทำให้กระทู้ที่มีเนื้อหาดีๆ "ไม่สามารถแสดงความโดดเด่นออกมาได้" ทำไมถึงไม่แก้ไขด้วยการให้มีกระทู้โหวตเหมือนห้องอื่นๆ แทน เพราะหากมีกระทู้โหวตกระทู้ดีๆ (ในมุมมองของสมาชิกส่วนใหญ่) ก็จะถูกแขวนไว้ตราบนานเท่านานจนกว่าจะมีคนเลิกสนใจไปเองได้อยู่แล้ว
จริงอยู่ "ข้อความสั้นๆ" อาจทำให้กระทู้นั้นหมดความโดดเด่น แต่หากเนื้อหากระทู้นั้นไม่น่าสนใจ ต่อให้ไม่มี "ข้อความสั้นๆ" แม้แต่ความเห็นเดียวในกระทู้นั้น ไม่มีคนสนใจร่วมตอบกระทู้นั้นเลย ก็จะทำให้กระทู้นั้นขาดความโดดเด่นอยู่ดี
....................................................
" ในความตั้งใจเดิมของเรา แน่นอนว่าท่านจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับข้ออภิปรายที่เขียนไว้ก่อนหน้า เราก็คิดว่าการอภิปรายตอบโต้ก็น่าจะเป็นประโยคที่คล้ายๆที่ใช้กันในสภา เช่น "ตามที่ท่านสมาชิก .... ได้อภิปรายไว้ใน P...... นั้น แต่ตามข้อมูลที่ผมได้รับมาผมคิดว่า ........ " ซึ่งก็จะเป็นการตอบโต้ทางความคิดเหมือนกัน ต่างจากเดิมเพียงแต่ถูกรวบรวมไว้ในคิวอภิปรายที่ท่านได้รับสิทธิมาเท่านั้นเอง และจะมีข้อดีตรงที่สามารถตอบโต้ได้หลายๆความคิดเห็นรวมรวมไว้ในบทความอภิปรายของท่านที่เดียว ซึ่งจะทำให้ผู้อ่านเข้าใจทรรศนะของท่านได้ชัดเจนขึ้น หรือจะลิ้งค์ไปอ้างอิงก็ทำได้ "
- การโต้แย้งหรือแสดงทรรศนะต่อเรื่องหรือกระทู้ใดนั้น "จำเป็นอย่างยิ่ง" ที่จะต้องอยู่ในกระทู้เดียวกัน เพราะไม่เช่นนั้นสมาชิกที่ไม่ได้ตามตลอดหรือไม่ได้เข้ามาในห้องทุกวันก็จะงงว่าเขาคุยเรื่องอะไรกัน อยู่ๆ ก็พูดถึงเรื่องนั้นเรื่องนี้ไม่มีปี่มีขลุ่ย
เมื่อคนไม่เข้าใจต้นตอของเรื่อง แต่กลับได้รับข้อมูลเพียงด้านเดียวของฝ่ายโต้แย้ง แล้วแบบนี้จะเกิดความเข้าใจที่ "ถูกต้อง" ต่อเรื่องนั้นๆ ได้อย่างไร ตรงกันข้ามจะยิ่งสร้างความเข้าใจผิดได้อีก ยิ่งเรื่องไหนเป็นข้อมูลทางเทคนิค หากได้รับข้อมูลไม่ต่อเนื่องก็ยากที่จะเข้าใจที่มาที่ไปได้เช่นกัน
เรื่อง "ความไม่สะดวก" ก็ไม่ใช่เหตุผลหลัก เพราะปกติก็มีการตั้งประเด็นต่อเนื่องหรือ "แตกกระทู้" จากกระทู้เดิมอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่กระทู้เสียหรือตกหน้าแรกไปแล้ว เป็นต้น
แต่เหตุผลที่ต้องการให้เป็นรูปแบบเดิมที่มีการถกเถียงกันในกระทู้นั้นๆ ก็คือ การแสดงความคิดเห็นในลักษณะที่เห็นด้วยหรือคัดค้านและนำข้อมูลข้อเท็จจริงมาถกกันให้จบในประเด็น เพื่อความถูกต้องของเรื่องนั้นๆ ต่างหากเป็นสิ่งสำคัญ
.....................................................
" ณ เวลานี้ เรื่องที่จะรีบทำมาให้บริการกับท่านคือ เมื่อเป็นพื้นที่ในการอภิปรายแล้ว รูปแบบในการเขียน เช่น ตัวหนา ตัวบาง ตัวเอียง ภาพประกอบ หรือที่มีสมาชิกบางท่านเสนอว่า เจ้าของกระทู้น่าจะเขียนต่อข้อความอภิปรายของตัวเองได้ ฯลฯ คิดว่าสิ่งเหล่านี้ เป็นเรื่องที่ต้องรีบทำออกมาให้ท่านได้ใช้โดยเร่งด่วน เพื่อให้การนำเสนอความคิดและทรรศนะของท่านสามารถสื่อถึงผู้อ่านได้อย่างใจที่ท่านต้องการ "
- webboard ของ Pantip.com ไม่ใช่ blog ส่วนตัว หากแต่เป็นพื้นที่สำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าวสาร ทัศนคติ ความคิดเห็น ด้วยข้อเท็จจริงและเหตุผล
ในขณะที่ pantip เองก็มี bloggang ให้สมาชิกได้นำเสนอข้อมูลในลักษณะที่เป็นส่วนตัวอยู่แล้ว จึงอดสงสัยไม่ได้ว่าแล้วจะทำให้ราชดำเนินกลายเป็นพื้นที่ blog ส่วนตัวไปอีกทำไม เพราะ content หลักของ pantip คือ webboard สำหรับการตั้งกระทู้ที่ให้สมาชิกทุกคนได้มีส่วนร่วมในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน
ที่สำคัญ ขนาด bloggang ที่ถือเป็นพื้นที่ส่วนตัว ก็ยังเปิดให้คนอื่นได้เข้าไปร่วมแสดงความเห็นต่อเรื่องราวบน blog ได้อย่างอิสระ แต่น่าแปลกใจที่ราชดำเนินกลับจะปิดกั้นความคิดเห็นต่างต่อกระทู้เสียอย่างนั้น ทั้งที่ "ราชดำเนิน" ต่างหากคือเวทีแสดงความคิดเห็นอันหลากหลาย ไม่ใช่ใน blog อันเป็นพื้นที่ส่วนตัว
แต่ถ้า pantip ต้องการจะเปิดพื้นที่ให้คนพูดฝ่ายเดียวตามรูปแบบใหม่จริงๆ ก็น่าจะแยกไปเปิดเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ไม่เกี่ยวกับ "กระทู้" เลย อาจจะเป็นการเปิดพื้นที่ host ฟรีให้สมาชิกได้เขียนเรื่องราวต่างๆ ที่สมาชิกอยากนำเสนอโดยไม่มีใครโต้แย้งได้ เป็นต้น ซึ่งน่าจะชัดเจนและดีกว่าที่เป็นอยู่นี้
.....................................................
ขอฝากทีมงานราชดำเนินว่า "ราชดำเนิน pantip" ไม่ใช่ตัวการที่ทำให้เกิดความแตกแยกในสังคมใดๆ และ "ราชดำเนิน pantip" เพียง web เดียว...ก็ไม่สามารถสร้างความสมานฉันท์ปรองดองให้กับคนในสังคมไทยได้เช่นเดียวกัน
ตราบใดที่ยังมีสื่ออื่นๆ อยู่อีกมากมายบนโลกนี้ไม่ได้ถูกปิดตายไปด้วย การปิดหรือปรับโฉมของ "ราชดำเนิน pantip" เพียง web เดียว...จึงไม่สามารถทำให้สังคมไทยกลับไปปกติสุขเหมือนเดิมได้
หากแต่ "ราชดำเนิน pantip" สามารถทำให้ "ทุกฝ่าย" ได้หันมาร่วมกันนำเสนอข้อเท็จจริงและระดมความคิด เพื่อนำไปสู่การแก้ไข เปลี่ยนแปลงในบางเรื่อง ดังเช่นที่เกิดขึ้นในห้องหว้ากอและห้องอื่นๆ มาแล้วได้
เพราะ "ราชดำเนิน pantip" คือแหล่งข้อมูล ข้อเท็จจริง รวบรวมความคิดเห็นต่อเรื่องและสถานการณ์ทางการเมือง อันจะนำไปสู่ความเข้าใจที่ถูกต้องและมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางใดทางหนึ่งของเรื่องและสถานการณ์ทางการเมืองนั้นๆ ไม่มากก็น้อย
"ถ.ราชดำเนิน" เป็นสัญลักษณ์แห่งประชาธิปไตยที่ทุกคนมีสิทธิและเสรีภาพทางความคิดเห็นทางการเมืองในสังคมจริงฉันท์ใด "ราชดำเนิน pantip" จึงควรเป็นสัญลักษณ์แห่งประชาธิปไตยที่ทุกคนมีสิทธิและเสรีภาพทางความคิดเห็นทางการเมืองในสังคมออนไลน์เฉกเช่นสังคมจริงฉันท์นั้น
จากคุณ |
:
TSC
|
เขียนเมื่อ |
:
17 มิ.ย. 53 00:35:03
A:115.87.36.61 X:
|
|
|
|