 |
กินเนสต์บุคควรบันทึกเรื่องแปลกในโลก"คดีพันธมิตรฯก่อการร้ายสากลยึดสุวรรณภูมิ หลักฐานเพียบแต่สืบสวนยากมากที่สุดในโลก !
|
|
น่าสนใจอย่างยิ่งกับเอกสารของสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิตอันเกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์พันธมิตรฯ ที่บุกปิดสนามบินสุวรรณภูมิ
เอกสารเล่มนี้เผยแพร่ในแวดวงการศึกษาและการทำโพลมาตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา
ความสนใจประการหนึ่งเกี่ยวเนื่องกับการดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรฯ ในคดีก่อการร้ายยึดสนามบินนั้นเนิ่นช้าอย่างผิดปกติ
เพราะตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2551 ซึ่งเป็นห้วงเวลาที่กลุ่มพันธมิตรฯเข้ายึดสนามบินสุวรรณภูมิ และดอนเมือง หลังจากเข้าครอบครองทำเนียบรัฐบาลมานานหลายเดือน
หากแต่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ต่อเนื่องถึง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งกองทัพในยุคนั้นมิได้ใส่ใจหรือพยายาม "ขอพื้นที่คืน"
ทำให้แกนนำตัดสินใจเคลื่อนไหวใหญ่อีกครั้ง ด้วยการยึดสนามบินพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศ
ก่อนที่จะเลิกการชุมนุมเมื่อศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคพลังประชาชน และเกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองให้พรรคประชาธิปัตย์ขึ้นมาเป็นรัฐบาล
และยิ่งทำให้สังคมอึดอัดหาวเรอมากขึ้นเมื่อรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้นายกษิต ภิรมย์ หนึ่งในแกนนำที่มีส่วนร่วมเกี่ยวกับคดียึดสนามบินเข้ามาเป็นรมว.ต่างประเทศ
ทุกอย่างจึงเป็นไปตามที่คาดคดีพันธมิตรฯยึดสนามบินอันเข้าข่ายก่อการร้าย จนทุกวันนี้สำนวนยังอยู่ในมือของตำรวจ
อาจจะใช้คำว่าตำรวจหรือพนักงานสอบสวนได้ไม่เต็มปากเต็มคำนัก เพราะจริงๆ แล้วทีมสอบสวนคดีนี้นำโดยพล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้ช่วยผบ.ตร. สรุปสำนวนมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหารวมทั้งหมด 112 คน และนำเอกสารจำนวนมากเดินทางไปยังศาลอาญาเพื่อขอหมายจับตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม ที่ผ่านมา
แต่ในวันเดียวกันต้องหอบสำนวนกลับเมื่อมีคำสั่งให้ ยกเลิกการขอหมายจับ!?? โดยอ้างว่าต้องการให้สอบสวนเพิ่มเติม
พล.ต.ท.สมยศ ก็ดำเนินการสอบเพิ่มตามสั่ง ก่อนนำเอกสารทั้งหมดส่งให้พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการผบ.ตร.อีกครั้งในวันที่ 7 พฤษภาคม พร้อมแนบความเห็นสั่งฟ้องเช่นเดิม
ผ่านไปอีกพักใหญ่ พล.ต.อ.ปทีป แทงหนังสือตอบกลับมาว่าให้ส่งสำนวนคดีนี้ให้พล.ต.ท.เจตน์ มงคลหัตถี ผบช.สำนักงานกฎหมายและคดีพิจารณาอีกครั้ง!??
โดยระบุว่าต้องการให้ดูสำนวนของผู้ต้องหาแต่ละคนอย่างละเอียด
และจนทุกวันนี้ คดียังอยู่ที่สำนักงานกองคดี ซึ่งมีแนวโน้มอย่างสูงว่าจะใช้เวลาอีกนานและน่าจะไม่เสร็จก่อนวันที่พล.ต.อ.ปทีป เกษียณอายุราชการในเดือนกันยายนนี้
และอาจจะลากยาวไปอีกพักใหญ่ ซึ่งหากนับเวลาไปแล้วคดีก่อการร้ายของกลุ่มพันธมิตรฯ น่าจะใช้เวลาในส่วนของตำรวจไม่ต่ำกว่า 2 ปี
ซึ่งกลายเป็นประเด็นที่พรรคเพื่อไทย และกลุ่มนปช.ออกมาตอกย้ำให้เห็นถึง "2 มาตรฐาน"
เพราะขณะที่แกนนำนปช.ซึ่งถูกคดีก่อการร้ายเช่นกัน ตำรวจใช้เวลาไม่กี่วันก็สรุปสำนวนขอหมายจับและส่งแกนนำเข้าไปอยู่ในเรือนจำจนทุกวันนี้
ขณะที่พันธมิตรฯ ผ่านมาเกือบ 2 ปีแล้ว แต่คดียังไม่ไปถึงไหน
แม้ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงจากเหตุชุมนุมของนปช.หรือเสื้อแดงตั้งแต่กลางเดือนมีนาคม จนถึงวันที่ 19 พฤษภาคม ที่มีการสลายการชุมนุมจนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
ในการนี้จะเกิดเหตุเผาอาคารสถานที่ทั้งรัฐและเอกชน สร้างภาพลักษณ์ด้านลบให้เมืองไทยอย่างมาก
อาจจะเป็นหนึ่งในข้ออ้างที่ใช้ดำเนินคดีกับนปช.อย่างรวดเร็ว
แต่ถ้ามองอีกมุมพฤติกรรมของพันธมิตรฯ ก็ใช่ว่าจะน้อยกว่า ทั้งความรุนแรง ความสูญเสียทางด้านเศรษฐกิจและชื่อเสียงของเมืองไทย
จะต่างกันก็เพียงพันธมิตรฯมิได้ถูกทหารแบกปืนออกมาสลายการชุมนุม ความสูญเสียชีวิตจึงน้อยกว่า
ความชัดเจนหนึ่งในแง่การเปรียบเทียบความสูญเสียของเมืองไทยต่อกรณีชุมนุมของพันธมิตรฯ โดยเฉพาะการยึดสนามบิน นอกจากที่เห็นและเป็นอยู่ในช่วงเกิดเหตุ
ซึ่งมีการคำนวณความเสียหายในเบื้องต้นระดับหลายหมื่นล้านบาท และส่งผลต่อเนื่องถึงความมั่นใจของนักท่องเที่ยวและนักลงทุนอีกชนิดประเมินค่าไม่ได้
การยึดสนามบินของกลุ่มพันธมิตรฯนั้น แม้แต่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ก็ทราบดีว่าสร้างความเสียหายให้ประเทศชาติขนาดไหน เห็นได้จากสนามบินเป็นจุดแรกๆ ที่รัฐบาลสั่งให้ทหารเสริมกำลังป้องกันในช่วงนปช.ชุมนุมกันใหม่ๆ
พร้อมคำสั่งเด็ดขาดว่าต้องป้องกันมิให้เกิดการยึดสนามบินขึ้นอีก
จึงเหมือนการยอมรับอยู่ในทีว่า หากมีม็อบมายึดสนามบินความเสียหายย่อมรุนแรงอย่างมาก
ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้สวนดุสิตโพล มีโครงการทำวิจัยในหัวข้อ"กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ชุมนุมและบุกรุกบริเวณท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ"
ใช้เวลาการวิจัยระหว่างวันที่ 3-12 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา กลุ่มตัวอย่างจำนวน 3,052 คน กระจายไปตามภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ และสุ่มตามลักษณะประชากร จำแนกตามเพศ อายุ ระดับการศึกษาและอาชีพ
ไม่ได้สำรวจเฉพาะในกทม.ที่มีการปิดสนามบิน หากแต่เน้นไปยังหัวเมืองใหญ่ๆ แหล่งท่องเที่ยวด้วย
จำแนกเป็นประชาชนทั่วไป 2,359 คน ผู้ประกอบการ/ร้านค้า 550 คน และผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมิ 143 คน
เพื่อดูผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และจิตใจ โดยสำรวจทรรศนะของคนไทยและชาวต่างประเทศ เพื่อสะท้อนความคิดเห็นและนำข้อมูลที่รวบรวมได้ ไปใช้ในการพิจารณาให้เกิดความเป็นธรรมบนพื้นฐานของสภาพความจริง
จากรายงานสรุปของสวนดุสิตโพลเรียงลำดับจากร้อยละมากที่สุด 3 อันดับแรก พบว่า การปิดล้อมสนามบินของกลุ่มพันธมิตรฯ เข้าข่ายการก่อให้เกิดผลกระทบเสียหายทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม การเมืองมากที่สุด 80.68 เปอร์เซ็นต์
อันดับสองคือก่อให้เกิดความเสียหายแก่ระบบขนส่งสาธารณะ ระบบโทรคมนาคม 79.16 เปอร์เซ็นต์ อันดับสามคือ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินของราชการ สิ่งแวดล้อม 77.85 เปอร์เซ็นต์
ส่วนสิ่งที่เกิดขึ้นจากการปิดสนามบินของ กลุ่มพันธมิตรฯ ที่ส่งผลกระทบต่อการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และสภาวะจิตใจของประชาชนคนไทยและชาวต่างชาติ
พบว่าด้านเศรษฐกิจได้รับผลกระทบมากที่สุด
อันดับสองคือ การเมือง อันดับสามคือ สังคม อันดับสี่คือ สภาวะจิตใจของประชาชนคนไทย อันดับห้าคือ สภาวะจิตใจของชาวต่างชาติที่มาเมืองไทย และอันดับสุดท้ายคือ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ผลกระทบที่เป็นรูปธรรมจากการปิดล้อมสนาม บินของกลุ่มพันธมิตรฯ ต่อการเมือง 5 อันดับแรก คือ
1.ก่อให้เกิดความแตกแยก แตกความสามัคคี มีการโจมตีกันระหว่าง 2 ขั้วที่รุนแรงยิ่งขึ้น
2.ทำให้ภาพลักษณ์ทางการเมืองไทยแย่ลง ขาดความมั่นคงทางการเมือง ประชาชนเชื่อมั่นรัฐบาลลดลง
3.สามารถกดดันนักการเมือง/ผู้บริหารบ้าน เมืองให้ออกไปได้
4.การบริหารงานของรัฐบาลเป็นไปอย่างยากลำบาก รัฐบาลไม่มีเสถียรภาพในการบริหารประเทศ และ
5.ทำให้ประชาชนสนใจและตื่นตัวทางการเมือง รู้ข้อมูลมากขึ้น นักการเมืองต้องฟังเสียงประชาชน
ผลกระทบที่เป็นรูปธรรมด้านเศรษฐกิจ 5 อันดับแรกคือ
1.เศรษฐกิจในประเทศหยุดชะงัก หุ้นตก ผู้ประกอบการขาดทุน ต่างชาติถอนหุ้นคืน
2.สูญเสียความน่าเชื่อถือทางการค้าทำให้การค้าระหว่างประเทศมีปัญหาเนื่อง จากต่างชาติขาดความเชื่อมั่น
3.การท่องเที่ยวได้รับผลกระทบ เสียหายมาก
4.การขนส่งทางอากาศต้องหยุดชะงัก เสียหาย การเดินทางเข้า-ออกของผู้โดยสารได้รับผลกระทบ ติดค้างจำนวนมาก และ
5.ทำให้ร้านค้า ร้านอาหารภายในสนามบินต้องปิดกิจการลงชั่วคราว
ผลกระทบที่เป็นรูปธรรมด้านสังคม 5 อันดับแรกคือ
1.ต่างชาติไม่มั่นใจ ขาดความเชื่อมั่นต่อประเทศไทย 2.ส่งผลให้ความเชื่อมั่นด้านการลงทุนลดลง 3.ต่างชาติมองประเทศไทยไม่มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน 4.ภาพลักษณ์ทางการเมืองไทยตกต่ำ ประเทศไทยไม่มีความเป็นประชาธิปไตย รัฐบาลไทยไม่น่าเชื่อถือ และ 5.ระบบขนส่งทางคมนาคมขาดความน่าเชื่อถือ ชาวต่างชาติตกค้างที่สนามบิน
ผลกระทบที่เป็นรูปธรรม ที่ส่งผลต่อสภาวะจิตใจของประชาชนคนไทย 5 อันดับแรก คือ 1.รู้สึกวิตกกังวล หวาดกลัวต่อความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน 2.รู้สึกว่าคนไทยไม่มีความรัก ความสามัคคีต่อกัน เอาแต่ทะเลาะ เกลียดชัง แบ่งฝักแบ่งฝ่าย 3.รู้สึกเบื่อหน่ายการเมืองไทยที่มีแต่การทะเลาะเบาะแว้งกัน 4.รู้สึกไม่เห็นด้วยกับการเรียกร้องของกลุ่มพันธมิตรฯ เพราะการเรียกร้องควรอยู่ในขอบเขตของประชาธิปไตย ไม่ใช้กฎหมู่เหนือกฎหมาย 5.รู้สึกไม่มั่นใจต่อการบริหารประเทศในภาวะวิกฤตว่าจะอยู่รอดปลอดภัยหรือไม่
ผลกระทบที่ประชาชนได้รับที่เป็นรูปธรรมคือ 1.ธุรกิจเสียหาย การท่องเที่ยวซบเซา นักท่องเที่ยวลดลง การค้าขายไม่ดี ขาดทุน ต้องปิดกิจการ 2.คนไทยต้องมาทำร้ายกันเองเพราะความเห็นแก่ตัวของคนบางคนจนก่อให้เกิดความ ร้าวฉาน และประชาชนเกิดความตึงเครียดอึดอัดในหลายๆ ด้าน เช่น ไม่สามารถใส่เสื้อสีเหลือง สีแดงได้
ในขณะที่ผู้ประกอบการ/ร้านค้า เห็นว่า 1.ธุรกิจเสียหาย การท่องเที่ยวซบเซา นักท่องเที่ยวลดลง การค้าขายไม่ดี ขาดทุน ต้องปิดกิจการ 2.ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไม่ดี ต่างชาติมองประเทศไทยในแง่ลบมากขึ้น และ 3.คนไทยต้องมาทำร้ายกันเองเพราะความเห็นแก่ตัวของคนบางคนจนก่อให้เกิดความร้าวฉาน
ส่วนผู้โดยสารสนามบิน เห็นว่า 1.ธุรกิจเสียหาย การท่องเที่ยวซบเซา นักท่องเที่ยวลดลง การค้าขายไม่ดี ขาดทุน ต้องปิดกิจการ 2.ระบบขนส่ง คมนาคมต่างๆ ต้องหยุดชะงักลง ประชาชนไม่ได้รับความสะดวกในการเดินทาง และ 3.คนไทยต้องมาทำร้ายกันเองเพราะความเห็นแต่ตัวของคนบางคนจนก่อให้เกิดความร้าวฉาน
ผลจากการปิดสนามบินของกลุ่มพันธมิตรฯ นั้นสร้างแรงสั่นสะเทือน และความเสียหายใหญ่โตขนาดไหน
แม้นาทีนี้ผู้ได้รับผลกระทบจากการปิดสนามบินบางส่วนได้รับการเยียวยา และพลิกฟื้นขึ้นมาได้ในระดับหนึ่ง
ไม่ต่างจากผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมของนปช. ที่ได้รับการเยียวยาอย่างดีจากภาครัฐเช่นกัน
แต่สิ่งที่ยังแตกต่างกันมากก็คือ แกนนำนปช.ส่วนใหญ่ย้ายบ้านเข้าไปนอนในเรือนจำพร้อมข้อหาผู้ก่อการร้าย
แต่แกนนำพันธมิตรฯที่มีข้อหาผู้ก่อการร้ายเหมือนกัน ยังอยู่ปกติสุข กินอาหารดี ฟังดนตรีไพเราะเหมือนเดิม!??
Link บทความเรื่อง "เจาะลึกงานวิจัย คดี"พันธมิตรฯ" ยึด"สุวรรณภูมิ" ผลกระทบทั่วปท." คอลัมน์แฟ้มคดี
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERTJNVEkzTURZMU13PT0=§ionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBeE1DMHdOaTB5Tnc9PQ==
---------------------------------------------------------------------
ขอเสนอให้กินเนสต์บุคบันทึกไว้ว่า คดีพันธมิตรฯ ยึดสนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมืองเป็นคดีก่อการร้ายสากล ก่อความเสียหายต่อเศรษฐกิจ ส่งผลกระทบรุนแรงต่อชาติบ้านเมือง และชื่อเสียงประเทศไทย ที่มีหลักฐานปรากฏชัดเจนมากมายไปทั่วโลก แต่ระบบยุติธรรมในประเทศไทยไม่สามารถกระทำได้ สมควรให้เป็นคดีก่อการร้ายสากลที่ดำเนินคดีได้ยากที่สุดในโลก .
จากคุณ |
:
Jitara
|
เขียนเมื่อ |
:
27 มิ.ย. 53 12:39:19
A:196.210.242.135 X:
|
|
|
|  |