 |
พิมพ์เขียวปฏิรูปประเทศไทย
|
|
ก่อนจะโยงไปคุยกันถึงเรื่อง “พิมพ์เขียวประเทศไทย” ผมขอพาท่านแวะไปชื่นชมกับผลงานอ๋อง ๆ ของรัฐบาลกันซักนิด เดี๋ยวจะหาว่าผมเอาแต่นินทาค่อนขอดไม่เว้นแต่ละวัน
สิ่งนึงที่ผมขอชมเชยรัฐบาลนี้ก็คือการคิดประดิษฐ์คำแปลก ๆ เอามานำเสนอให้ชาวบ้านไม่เว้นแต่ละวัน ทำให้ผมคิดไปถึง พวกครีเอทีฟที่ประดอยคำโฆษณาให้กับพวกคอนโดหรือบ้านจัดสรร ประมาณว่า”อัครสถานบนสุนทรีย์แห่งขุนเขาแมกไม้และสายน้ำ” เป็นต้น จนบางทีก็อดสงสัยไม่ได้ว่ามันโฆษณาขายอะไร .. บ้านหรือฮวงซุ้ย!!
ไอ้เรื่องการประดอยคำเนี่ย ผมทึ่งมาตั้งแต่คราวชุมนุมเสื้อแดงแล้ว อย่างเช่น “ขอคืนพื้นที่” ซึ่งฟังดูแล้วเหมือนจะอ่อนน้อมถ่อมตนดี แต่พอพี่แกเข้ามาขอกันจริง ๆ แกดันนั่งรถฮัมวี่เข้ามาขอ พร้อมกับ แบกเอาปืนไร้แรงสะท้อนประจำกายกันมาเพียบเลยฟร่ะ ก็มีเจ็บกันไป พอสมควรจากการ “ขอ” ของรัฐบาล
คำถัดมา .. “กระชับพื้นที่” อันนี้สิครับเด็ด ผมนะอยากจะกราบเรียน ”จารย์แม่” ซะจริง ๆว่า โปรดกรุณาหารางวัลประเภทประดอยคำไทยดีเด่นหรืออะไรประเภทนั้น เอามามอบให้เจ้าของคำ ๆ นี้เสียจริง ๆ เหตุเพราะฟังแล้วมันเหมือน จะอบอุ่น กระชับรัดรึงแน่นแฟ้นดีเหลือเกิน ฟังแล้วก็ให้เพลิดเพลิน จนโดนไปซะกว่า 90 ศพ เจ็บอีกเกือบ 2,000
จนฝุ่นควันเริ่มจางหาย คำใหม่ที่ผมได้ยินมาก็คือ “พิมพ์เขียวประเทศไทย” โอยยย .. คุณพระช่วย ใจคอเนาะ เล่นคำซะหรูเลย ผมก็ไม่รู้จริง ๆ นะว่าใครคนไหนที่คิดประดิษฐ์นวตกรรมทางภาษาได้ขนาดนี้ ฟังดูมันก็เท่ห์ดีแปลกหูดี แต่ไม่รู้ว่าคนที่คิดเนี่ย เขาแปลคำของเขาเองออกหรือเปล่า
ไอ้คำว่า “พิมพ์เขียว”เนี่ย ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน ท่านให้ความหมายว่า การพิมพ์สําเนาโดยการฉายแสงผ่านต้นฉบับที่เป็นกระดาษบางๆ ลงบนกระดาษที่เคลือบ สารเคมีไวต่อแสง ปรากฏเป็นลวดลายสีขาวบนพื้นสีนํ้าเงิน หรือลวดลายสีนํ้าเงินบนพื้นขาว
รัฐบาลกำลังพยายามจะสร้างต้นฉบับขึ้นมาเพื่อจัดทำสิ่งที่เขาสมมติว่า เป็นพิมพ์เขียวของประเทศ โดยใช้วิธีฟอกขาวผ่านคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมา ไม่รู้ต่อกี่คณะ บางคณะก็ไปใช้ยาหมดอายุอย่างนายอานันท์หรือหมอประเวศ เอามาเป็นการันตีสร้างราคาให้รัฐบาลดูดีมีเจตนาใสซื่อ ปรนเปรอให้งบฯไป 3 ปี 600 ล้าน มีทั้งกรรมการปฏิรูป ฯ มีทั้งสมัชชา บ้าบออะไรกันก็ไม่ทราบ
ผมถามจริง ๆ เถอะ จะให้คณะกรรมการพวกนี้มาทำอะไรมิทราบ และทั้งพวกสมัชชาก็ดีหรือคนในคณะกรรมการแต่ละชุดเองก็ดี คนพวกนี้ไม่ใช่ผู้แทนของประชาชนชาวไทยเราเลยแม้แต่คนเดียว พวกเขาไม่เคยได้รับมอบอำนาจหรือฉันทานุมัติจากประชาชนเลยแม้แต่ครั้งเดียว เพื่อให้มาทำหน้าที่กำหนดกฏเกณฑ์อนาคตและรูปแบบทางการเมืองการปกครอง รวมทั้งอีกหลายเรื่อง ๆ ที่มีผลโดยตรงต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศนี้ คณะกรรมการแต่ละชุดก็อ้างว่าตนไม่ได้ขึ้นตรงต่อรัฐบาล ทุกคณะทำงานเป็นอิสระ โดยเฉพาะในคณะของนายอานันท์ ได้ประกาศชัดเจนว่าไม่ได้ทำงานให้รัฐบาล แต่ตนและคณะจะทำงานเพื่อประชาชน
แต่ก็แปลกดีที่ดันมีมติ ครม. เมื่อ 29 มิ.ย.ที่ผ่านมาได้ผ่านหลักการร่างระเบียบสำนักนายก ฯ ว่าด้วยการปฏิรูป ฯ ซึ่งตลกหมูกระทะยังฮาไม่เท่า เพราะระเบียบ ฯ ที่ว่านี้มันดันเสนอโดย สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ที่ให้ตั้งสำนักงานปฏิรูป มีคณะกรรมการ 2 คณะ ประกอบด้วยคณะกรรมการปฏิรูป มีนายอานันท์ เป็นประธาน และคณะกรรมการสมัชชา มีหมอประเวศ เป็นประธาน ให้เวลาในการทำงานต่อเนื่อง 3 ปี ใช้งบประมาณ 600 ล้าน!!
นี่แหละครับที่มาของต้นฉบับพิมพ์เขียวประเทศไทย ที่ร่างกันขึ้นมาโดยกลุ่มคนซึ่งแต่งตั้งขึ้นมาโดยรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เป็นการสืบทอดมรดกการสร้างกรอบของประเทศนี้ขึ้นมาโดยไม่คิดแม้แต่จะถาม ความเห็นจากรัฐสภาหรือจากประชาชน รัฐบาลเคยคิดที่จะถามเจ้าของประเทศนี้ บ้างหรือไม่ว่าพวกเขาไว้วางใจนายอานันท์หรือหมอประเวศมากน้อยเพียงใด และพวกท่านทั้งหลายพอใจจะข่มขืนประชาชนซ้ำ ๆ ซาก ๆ อยู่อย่างนี้เรื่อยไป อีกนานเท่าไร
และที่เราต้องหมายเหตุไว้กันลืมอีกข้อนึงก็คือ เมื่อวานนี้ (6ก.ค.53) เพียง 7 วันหลังจากที่ ครม.เห็นชอบกับร่าง ฯสำนักงานปฏิรูป รัฐบาลประกาศต่ออายุ พรก.ฯฉุกเฉินต่อไปอีก 90 วัน ใน19 จังหวัดของประเทศนี้ ซึ่งก็หมายความว่า ประชาชนใน 19 จังหวัดนั้นยังคงต้องถูกดูแลในเรื่อง สิทธิพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญต่อไป
อืมมม.. พิมพ์เขียวปฏิรูปประเทศไทย!!
ท้ายสุดนี้ ผมขอแสดงความเสียใจและขอไว้อาลัยต่อการจากไปของ อาจารย์สมเกียรติ ตั้งนโม อดีตอธิการบดีและผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ขอให้อาจารย์ได้พักผ่อนอย่างสงบและสุขในสุคติภพครับ ..และขอบคุณสำหรับ ทุกสิ่งที่อาจารย์ได้มอบไว้ให้กับประเทศนี้
มหาชำร่วย
แก้ไขเมื่อ 07 ก.ค. 53 16:02:07
จากคุณ |
:
ยุคที่2..มหาReload
|
เขียนเมื่อ |
:
7 ก.ค. 53 15:57:28
A:124.122.74.183 X:
|
|
|
|  |