ท่านอธิบดี DSI ท่าน แน่ มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
|
|
อธิบดี DSI แน่ มากกกกกกกกกกกกก
มาตรา 3 พระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. ๒๕๔๗
พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ หมายความว่า อธิบดี รองอธิบดี และผู้ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้มีอำนาจและหน้าที่สืบสวนและสอบสวนคดีพิเศษตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติ กรณีนี้หมายความว่า อธิบดี DSI เป็นพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ
การสืบสวนและสอบสวนคดีพิเศษตาม พรบ.การสอบสวนคดีพิเศษ 2547 มาตรา ๒๒ เพื่อประโยชน์ในการประสานการปฏิบัติงานป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับคดีพิเศษ ให้ กคพ. มีอำนาจออกข้อบังคับการปฏิบัติหน้าที่ในคดีพิเศษระหว่างหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง..... ในระหว่างที่ยังไม่มีข้อบังคับวิธีปฏิบัติระหว่างหน่วยงานเกี่ยวกับการรับคำร้องทุกข์หรือคำกล่าวโทษ การดำเนินการเกี่ยวกับหมายเรียกและหมายอาญา การจับ การควบคุม การขัง การค้น หรือการปล่อยชั่วคราว การสืบสวน การสอบสวน การเปรียบเทียบปรับ การส่งมอบคดีพิเศษ และการดำเนินการอื่นเกี่ยวกับคดีอาญาในระหว่างหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่ป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาญา สำหรับคดีพิเศษในเรื่องใด ให้การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อให้เป็นไปตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
..
กรณีนี้หมายความว่า ถ้าDSI ยังไม่ได้ออกข้อบังคับเกี่ยวกับการสอบสวน ให้ใช้ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ไปก่อน
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 135 ในการถามคำให้การผู้ต้องหา ห้ามมิให้พนักงานสอบสวนทำ หรือจัดให้ทำการใดๆ ซึ่งเป็นการให้คำมั่นสัญญา ขู่เข็ญ หลอกลวง ทรมาน ใช้กำลังบังคับ หรือกระทำโดยมิชอบประการใดๆ เพื่อจูงใจให้เขาให้การอย่างใดๆ ในเรื่องที่ต้องหานั้น กฎหมาย วิ.อาญา ห้ามพนักงานสอบสวน ทำ จัดให้ทำการใดๆ ซึ่งเป็นการให้คำมั่น ขู่เข็ญ หลอกลวง หรือกระทำการโดยมิชอบประการใดๆ เพื่อจูงใจให้เขาให้การอย่างหนึ่งอย่างใด ในเรื่องที่ต้องหานั้น
เช่นกรณี นายหรั่งผู้ต้องหา และมีข่าวว่า พนักงานสอบสวน กระทำการ พูดจูงใจว่า ถ้าสารภาพหรือให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีที่ถูกกล่าวหา จะไม่เอาตัวภรรยา จะไม่มีการออกหมายเรียกและควบคุมตัวภรรยาและครอบครัว เป็นผู้ต้องสงสัยหรือผู้ต้องหา และจะกันตัวภรรยาไว้เป็นพยาน จะดูแลคุ้มครองพยานให้เป็นอย่างดี ตามโครงการคุ้มครองพยาน หากไม่สารภาพ กลับคำให้การ ก็อาจจะต้องไปควบคุมตัวภรรยามาสอบสวนด้วย ซึ่งภรรยาเพิ่มมีบุตรอายุเพียง 1 เดือน ก็จะเกิดความลำบากแก่บุตรที่แม่อาจต้องถูกควบคุมตัว อย่างนี้ น่าจะถือว่า เป็นการกระทำของพนักงานสอบสวนในการให้คำมั่น ให้คำสัญญา ทั้งมีการ ช่มขู่ ขู่เข็ญ ล่อลวงเพื่อให้ผู้ต้องหาให้การใดๆในเรื่องที่ต้องหานั้น ใช่หรือไม่???????
ซึ่งการให้การในเรื่องที่ผู้ต้องหาถูกกกล่าวหา ที่พนักงานสอบสวนต้องการให้ถ้อยคำ เพื่อที่จะชี้ให้เห็นว่า นปช.กระทำผิด อันจะเป็นประโยชน์ในการสร้างความชอบธรรมให้แก่ฝ่ายรัฐบาล ศอฉ. ที่จะชี้ให้เห็นว่า นปช.กระทำผิด ใช่หรือไม่?????????????????
หากเป็นเช่นนั้นจริง อธิบดี DSI จะมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 "ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่นต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสี่หมื่นบาท หรือประหารชีวิต
ใช่หรือไม่???????????????????????????????????????????
ไม่น่าเชื่อว่า ข่าวที่ออกมาแบบนี้ จะเป็นไปได้???? เพราะ ท่านอธิบดี DSI เคยเป็นถึง อัยการ ต้องเป็นบุคคลที่รู้ หลักกฎหมายเกี่ยวกับการสอบสวนเป็นอย่างดี ว่า อะไร ควรทำ อะไรไม่ควรทำ หากเป็นจริงก็ชี้ให้เห็น ว่าระบบยุติธรรม ประเทศเรามันไม่ยุติธรรมจริง เศร้า............................
แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 53 12:44:13
จากคุณ |
:
กอบพงษ์
|
เขียนเมื่อ |
:
23 ก.ค. 53 12:03:05
A:112.143.8.240 X:
|
|
|
|