Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
[รักคนเสื้อแดง] ขอยอมแพ้สาวเสื้อแดงคนนี้ครับ และหวังว่ากระทู้นี้คงไม่ถูกแจ้งลบอีกนะครับ{แตกประเด็นจาก P9529283}  

ยืนยันอีกครั้งว่า ถ้าลบอีก ก็จะตั้งอีก จนกว่าจะเลิกลบ 

แก้ไขเมื่อ 31 ก.ค. 53 13:17:29

แก้ไขเมื่อ 31 ก.ค. 53 13:14:33

จากคุณ : AnnieHappy
เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 53 13:10:41 A:124.121.171.232 X:



หัวใจเธอแกร่งจริงๆ กระทู้ถูกลบในประเด็นเดิม ถ้าถูกลบก็จะตั้งอีกจนกว่าจะเลิกลบ นี่ล่ะครับคุณสมบัติของ  สาวเสื้อแดง  ก็เธอเล่นเป็นซะอย่างนี้ แล้วจะไม่ให้ผมหลง  รักคนเสื้อแดง  ได้อย่างไร

สำหรับกระทู้ของผมที่ถูกไล่ล่า ไล่ลบ โดยกองกำลังไม่ทราบฝ่าย (อาจจะมีทั้ง 2 ฝ่าย) โดยเฉพาะ 2 กระทู้หลังล่าสุดของผมที่เป็นประเด็นเดิมๆ ผมเลือกที่จะหยุดโพสต์ในประเด็นเดิม แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผมจะรู้สึกท้อแท้ ผิดหวังหรือเจ็บใจอะไรหรอกครับ ผมก็ขอบอกให้กองกำลังไม่ทราบฝ่ายที่แจ้งลบกระทู้ผมได้รับรู้ไว้เพียงเท่านี้

วันนี้ก็จะว่ากันด้วยประเด็นใหม่แต่เป็นเรื่องเก่าแทนก็แล้วกัน ซึ่งประเด็นนี้ได้เป็นข่าวเล็กๆ ในรอบสัปดาห์ ซึ่งหลายท่านอาจจะไม่สนใจ หรือใส่ใจอะไรมากนัก แต่สำหรับผมประเด็นนี้ถือว่ามีความสำคัญมากที่สุดกว่าข่าวอื่นในรอบสัปดาห์ มากกว่าประเด็นข่าวปราสาทพระวิหารที่คนบางกลุ่มสามารถเก็บความรักชาติรักแผ่นดินใส่ลิ้นชักได้  มากกว่าประเด็นข่าวยาหมดอายุที่ยังหวงแหนตำแหน่งไม่ยอมลาจากไปง่ายๆ ฯลฯ

ประเด็นที่ว่าคือ พี่สาวของนักข่าวอิตาลีมาทวงถามความคืบหน้าของคดี (คลิกอ่านรายละเอียดข่าว) และเปิดรายงานคดีนักข่าวรอยเตอร์สดับ10เม.ย.เลือด รัฐบาล-ส.ส.-สื่อมวลชนญี่ปุ่นรุมกดดันไทยไขให้กระจ่าง (คลิกอ่านรายละเอียดข่าว) จาก link ข่าว เราจะเห็นความแตกต่างที่ผมขอสรุปไว้ย่อๆ สั้นๆ 2-3 หัวข้อ ดังนี้

 ต่างประเทศ  ไทย
 รัฐบาลต่างประเทศให้ความสำคัญกับชีวิตที่สูญเสียของพลเรือนตัวเอง
 รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับชีวิตที่สูญเสียเฉพาะทหารและพลเรือนที่สนับ สนุนตนเอง โดยยัดเยียดข้อกล่าวหา "ผู้ก่อการร้าย" ให้แก่ผู้ชุมนุมที่เสียชีวิต
 รัฐบาลตปท.และญาติผู้เสียชีวิตชาวตปท.ต้องการให้รัฐบาลเปิดเผยข้อเท็จจริง  รัฐบาลพยายามปกปิดข้อเท็จจริง และให้ข้อมูลบิดเบือน *ติดตามเนื้อหาข้างล่างว่าบิดเบือนอย่างไร
  องค์กรสื่อต่างประเทศให้ความสำคัญในการสืบหาสาเหตุการตายที่เกิดขึ้นกับชีวิตเพื่อนสื่อที่จากไป  องค์กรสื่อในประเทศเงียบกริบ ไม่คิดที่จะขุดคุ้ยหรือค้นหาความจริงให้กับเพื่อนสื่อร่วมอาชีพ และชีวิตของทุกฝ่ายที่สูญเสียไป
สื่อต่างประเทศทำหน้าที่สื่อสารมวลชน
 สื่อในประเทศทำหน้าที่เป็นปากกระบอกเสียงให้รัฐบาล

ที่ผมให้ประเด็นนี้สำคัญกว่าประเด็นอื่นก็เพราะว่า ชีวิตคนจะหนึ่งคนหรือแสนคน รัฐบาลก็ไม่มีสิทธิสั่งการให้ทหารทำการใช้กระสุนจริงยิงจากปืนอาวุธสงครามเข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุม ไม่ว่าจะอ้างเหตุผลอันใดก็ตาม ก็ในเมื่อตามหลักสากล ไม่มีประเทศไหนประเทศใดในโลกยกเว้นประเทศไทย ที่ใช้ทหารติดอาวุธสงคราม พ่วงด้วยรถหุ้มเกราะเข้าสลายการชุมนุมภายใต้วาทะกรรมสวยหรู "ขอคืนพื้นที่" หรือ "กระชับวงล้อม" จนเป็นเหตุให้มีคนตายเฉียดร้อย บาดเจ็บนับพัน

ถ้าจะอ้างว่ายิงใส่เพื่อป้องกันตัว หรือยิงเฉพาะผู้ก่อการร้ายที่มีอาวุธสงครามยิ่งฟังไม่ขึ้น เพราะ

1. ผู้ที่ถูกยิงเสียชีวิตส่วนใหญ่ไม่มีอาวุธ และถ้าจะมีอาวุธตามหลักฐานจากภาพถ่าย จากภาพวิดีโอก็จะเห็นว่าผู้เสียชีวิตไม่มีอาวุธร้ายแรงหรืออาวุธสงคราม อาวุธที่อยู่ในมือส่วนใหญ่คือ หนังสติ๊ก
2. หลักฐานจากภาพถ่าย จากภาพวิดีโอก็จะเห็นว่า ผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บหลายราย (ย้ำหลายราย) ถูกยิงในขณะที่ทำการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกทหารยิง
3. ในแนวปะทะของเหตุการณ์ในวันที่ 13-19 พฤษภาคม ระยะห่างระหว่างกองกำลังทหารกับผู้ประท้วงที่ไม่มีอาวุธสงครามหรือร้าย แรงอยู่ห่างกันหลายร้อยเมตร การยิงป้องกันตัวด้วยอาวุธสงครามของทหารถือเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ มีความความประสงค์มุ่งเอาชีวิตมากกว่าป้องกันตัว

ถ้าเราสังเกตเราจะเห็นว่าทหารแต่ละนายจะมีอาวุธปืน 2-3 ชนิด ประจำกายเกือบทุกนายคือ
1. อาวุธปืนพกสั้น 2. อาวุธปืนลูกซองยาว 3. อาวุธปืนสงคราม M16, Tavor Tar21, HK33ฯลฯ (ยังไม่นับรวมปืนซุ่มยิงชนิดต่างๆ)

การป้องกันตัวไม่จำเป็นต้องทำการยิงเพื่อประสงค์เอาชีวิตเพียงอย่างเดียว ยังมีทางเลือกอื่นอาทิเช่น
1. ยิงขึ้นฟ้าเพื่อข่มขวัญผู้ชุมนุม 2. ยิงแก๊สน้ำตา 3. ยิงกระสุนยาง

และจากเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบที่ปะปนแฝงอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุมน่าจะทำการ รายงานส่งข่าวให้ทหารหรือรัฐบาลทราบว่าในพื้นที่ที่มีการปะทะกันในขณะนั้น กลุ่มผู้ชุมนุมตั้งสิ่งกีดขวาง เผายางเพื่อป้องกันไม่ให้ทหารทำการยิงปืนเข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุม การยิงพลุ จุดปะทะ เป็นเพียงการกระทำเพื่อข่มขวัญทหารไม่ให้เคลื่อนไหวเข้ามา (จากหลักฐานที่รัฐบาลนำมาอภิปรายในสภา และศอฉ.นำมาชี้แจงจะมีข้อบกพร่องผิดพลาดมากมายที่ไม่สามารถยืนยันได้ว่า อาวุธที่ผู้ชุมนุมใช้ในขณะนั้นเป็นอาวุธสงครามจริง)



ผมขอกลับเข้าประเด็นกรณีนักข่าวเสียชีวิต ตามหมายเหตุที่ให้ไว้ในตารางข้างบน รัฐบาลพยายามปกปิดข้อเท็จจริง และให้ข้อมูลบิดเบือนอย่างไร ผมขอนำรายงานข่าวรายวันมาชี้แจงให้เห็นถึงความบิดเบือนดังนี้

1. ข่าวที่ 1

สถานทูตอิตาลีรับศพช่างภาพ ไม่ติดใจการเสียชีวิต!

วันที่ 2010-05-20 18:13:16 โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

วันนี้ (20 พ.ค.) เมื่อเวลา 16.00 น.ที่สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ นายมิเคเล รานีเญลี เจ้าหน้าที่แผนกกงสุล สถานเอกอัคราชทูตอิตาลีประจำประเทศไทย เป็นตัวแทนของสถานทูตมาติดต่อขอรับศพ นาย ฟาบิโอ โปเลงกี (mr.fabio polenghi) อายุ 48 ปี ช่างภาพอิสระชาวอิตาเลียน ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์จลาจลในพื้นที่กรุงเทพมหานคร บริเวณสวนลุมพินี เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยใช้เวลาเพียง 5 นาที โดยแพทย์ได้อธิบายให้นายมิเคเล ทราบถึงขั้นตอนและผลการชันสูตรศพว่า บาดแผลกระสุนปืนทะลุขั้วหัวใจ ทำลายปอด ตับ เสียโลหิตเป็นปริมาณมาก ลักษณะของกระสุนมาจากมุมสูง

2. ข่าวที่ 2

นายสุเทพ ได้ขอบคุณเอกอัครราชทูตอิตาลี ประจำประเทศไทย ที่ให้กำลังใจรัฐบาลไทย และขอแสดงความเสียใจ ที่ผู้สื่อข่าวอิตาลีต้องเสียชีวิตจากการทำหน้าที่ เนื่องจากถูกระเบิด M 79  ขอยืนยันว่า รัฐบาลไทยจะจับกุมผู้ที่ยิงระเบิด M 79 มาดำเนินการตามกฎหมาย เพราะการยิงระเบิดดังกล่าว นอกจากจะทำให้ผู้สื่อข่าวเสียชีวิตแล้ว ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ก็เสียชีวิต 1 นาย

จากข่าวข้างบน ตอนแรกที่ญาติผู้เสียชีวิตมารับศพและนำไปทำพิธีกรรมทางศาสนา ญาติผู้เสียชีวิตอาจจะไม่ติดใจจริง ถือว่าเป็นเคราะห์ร้าย แต่พอญาติผู้เสียชีวิตติดตามอ่านข่าวที่นายสุเพทกล่าวไว้ในวันถัดๆ มา พูดถึงสาเหตุการเสียชีวิตที่ไม่ตรงกับผลชันสูตร ผมจึงคิดว่าญาติผู้เสียชีวิตเริ่มพบสัจธรรมเกี่ยวกับผู้มีอำนาจในรัฐบาลว่า มีพฤติกรรมเช่นไร ผู้มีอำนาจในประเทศไทยอาจจะดูถูกคิดว่า ประชาชนโง่ ชาวต่างประเทศโง่ ดูหมิ่นดูแคลนคนเหล่านั้นคงไม่มีการสืบค้นหาความจริง ถ้ามีก็จะยากที่จะสืบค้นหาข้อเท็จจริง

กับแค่สาเหตุการเสียชีวิต ยังไม่กล้าเปิดเผย ไม่ปกปิด ก็บิดเบือน รัฐบาลและศอฉ. คงจะลืมไปว่าในสากลโลก ไม่ว่าคนๆ นั้นจะผิวขาว ผิวดำ คนไทย คนเทศ ทุกคนต่างมีศักดิ์และศรีของความเป็นมนุษย์ ทุกชีวิตล้วนมีความสำคัญและความหมาย  เป็นที่มาของการสืบหาข้อเท็จจริงในที่สุด

สุดท้าย ยังมีความจริงอีกมากมายที่รอวันพิสูจน์ รอวันเปิดเผย ข้อเสียของการโกหกคือ โกหกจนไม่รู้ว่าก่อนหน้านั้นตนเองพูดอะไรออกไปบ้าง โกหกจนเคยตัว โกหกจนเคยชิน เมื่อถูกจับได้ว่าโกหกก็สร้างเรื่องโกหกขึ้นมากลบเกลื่อน ยิ่งพูดยิ่งมัดตัวเองจนดิ้นไม่หลุด


แก้ไขเมื่อ 01 ส.ค. 53 22:38:17

จากคุณ : สิงห์สนามหลวง
เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 53 14:57:38 A:61.90.21.43 X:



ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com