Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ขออนุญาตคุยเรื่องเขาพระวิหารในมุมมองของผมบ้างนะครับ  

ผมต้องรอจนกว่าเหตุการณ์ต่างๆเริ่มเป็นปกติ จึงอยากคุยเรื่องเขาพระวิหารบ้าง เพราะช่วงนั้นมีความเห็นว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ถ้าออกมาวิพากษ์วิจารณ์ในช่วงนั้น อาจจะไม่เหมาะ เพราะความคิดเห็นของตัวเองอาจจะไม่ถูก แล้วทำให้คนที่อ่านได้รับข้อมูลที่ผิดๆไป เป็นผลร้ายกับประเทศมากกว่าเป็นผลดี ผมจึงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลจัดการกันไป แต่ถึงวันนี้ผมก็อยากพูดในมุมมองของผมบ้าง

ก่อนอื่นผมอยากแยกกรณี เขาพระวิหารที่กัมพูชาขอเป็นมรดกโลก ออกมาเป็น 2 ประเด็นครับ

ประเด็นแรก คือ เรื่องของเขาพระวิหาร เราควรยอมรับกันเสียทีว่าเป็นของกัมพูชาจริงๆ เรายอมรับตั้งแต่เรายอมรับการตัดสินของศาลโลก เรายอมรับตั้งแต่เราแบกเสาธงชาติไทยลงมาจากเขา แล้วปล่อยให้กัมพูชาขึ้นไปปักธงแทน และเรายอมรับตั้งแต่ยอมให้ทหารกัมพูชาขึ้นไปรักษาการณ์แล้วครับ ดังนั้นเถียงให้ตาย เขาพระวิหารก็ยังคงเป็นคงกัมพูชาอยู่วันยังค่ำ

และอย่าหลงเชื่อผู้นำบางคนที่บอกว่า ศาลโลกตัดสินแต่ตัวปราสาท แต่พื้นใต้ปราสาทยังเป็นของไทยเป็นอันขาดนะครับ เพราะถ้าจริงอย่างที่ผู้นำพูดล่ะก็ ทำไมป่านนี้ยังไม่ไปคิดค่าเช่าหรือทำกันเซ้งให้กัมพูชาล่ะครับ

ประเด็นที่สอง คือ พื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตรที่เป็นพื้นที่ทับซ้อน ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า เป็นพื้นที่ซับซ้อน ดังนั้นใครจะไปอ้างเป็นกรรมสิทธิ์ย่อมไม่ได้

ในความเห็นส่วนตัวจึงคิดว่า การคัดค้านการลงทะเบียนมรดกโลกหรือต้องการลงทะเบียนร่วมจึงไม่ค่อยจะถูกต้องนัก เว้นแต่จะทำให้เราเสียพื้นที่ซับซ้อนดังที่ใครๆพยายามโยงว่าจะเป็นการเสียเอกราช ผมเห็นด้วยกับการลงนามของคุณ นภดลครับ เพราะเป็นการแยกอย่างชัดเจนว่า  เป็นการลงทะเบียนแค่ตัวปราสาท ส่วนพื้นที่ซับซ้อนไม่ใช่ของกัมพูชา แต่เป็นพื้นที่ซับซ้อนที่ยังรอการเจรจากันอยู่

แต่เพราะหวังผลทางการเมือง ไม่ว่า รมต.ต่างประเทศไปว่าผู้นำเขาเป็นพวกกุ๊ยข้างถนน หรือ อดีตผู้นำฝ่ายค้านพูดในสภาว่า พื้นที่ใต้ปราสาทยังเป็นของไทยอยู่ หรือ ปลุกกระแสรักชาติด้วยการจะทวงคืนปราสาทเขาพระวิหาร จึงเป็นการสร้างความหวาดระแวงให้กับมิตรประเทศ เป็นการทำให้สัมพันธไมตรีระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชาเลวร้ายลง จนยากจะดำเนินการได้ทางการทูต และกลับเป็นการขว้างงูไม่พ้นคอ เมื่อตัวเองได้เป็นนายกฯ

ผลก็คือ การค้าขายกับกัมพูชา ซึ่งเราได้เปรียบดุลการค้ามากมาย เพราะเราส่งออกปีหนึ่งร่วม 70000 ล้าน แต่นำเข้าแค่ 4000 ล้าน ได้ลดหายไปเป็นอันมาก และยังเป็นการผลักไสลูกค้าอย่างกัมพูชาให้หันไปพึ่งบริการจากเวียดนามและจีน นี่คือผลงานชิ้นโบว์ดำที่รัฐบาลได้กระทำลงไป

ยังมีการค้าระหว่างชายแดน ชาวบ้านเคยค้าขายอย่างปกติสุข ต้องคอยหวาดระแวงตลอดเวลา ว่าจะเกิดพิพาทถึงขั้นทำสงครามหรือไม่ เคยอยู่อย่างสงบสุข ต้องคอยวิตกห่วงใยถึงความปลอดภัย แต่มีบางท่านเคยบอกว่า แค่ความลำบากเล็กๆน้อยๆ ทำไมยังไม่ยอมเสียสละเพื่อเอกราชของประเทศ ผมจึงอยากถามว่า มันจะเป็นการเสียเอกราชจริงหรือกับการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก? ข้อสำคัญคนพูดไม่ได้อาศัยอยู่ในพื้นที่ก็พูดได้สิ จริงมั๊ย
และยังมีอีกอย่างที่คนมองข้าม คือ พวกสินค้าเทคโนโลยี่ตกยุค เรามีการส่งออกไปยังกัมพูชาปีหนึ่งๆไม่ใช่น้อย แต่ถ้าเราส่งออกพวกนี้ไม่ได้ บางทีเราอาจต้องเสียเงินในการกำจัดมันอีกด้วย คุ้มไม่คุ้มก็คิดกันเองนะครับ

ในขณะที่คนส่วนหนึ่งปลาบปลื้มใจกับการเลื่อนการลงทะเบียนปราสาทเขาพระวิหาร แต่ก็มีคนไทยอีกส่วนหนึ่งได้รับความทุกข์อย่างแสนสาหัส และคนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ก็เป็นคนยากไร้ที่ต้องอาศัยการทำมาหากินด้านชายแดนซะด้วยสิ

ดังนั้นการเลื่อนลงทะเบียนมรดกโลกจึงไม่ใช่การได้รับชัยชนะแต่อย่างไร เพราะยังไงก็ต้องได้ขึ้นทะเบียนแน่ๆเพราะตัวปราสาทเป็นของกัมพูชาอยู่แล้ว สิ่งที่ควรรีบจัดการจึงควรเป็นการจัดการกับพื้นที่ซับซ้อนต่างหากครับ รีบปักหลักเขตให้เรียบร้อย ซึ่งก็คงต้องจบด้วยการเจรจาครับ

เพราะการได้ขึ้นทะเบียนมรดกโลกได้เร็วเท่าไร คนที่ได้ผลประโยชน์จากการท่องเที่ยว ย่อมตกอยู่ทั้งไทยและกัมพูชา และผมยังคงคิดว่า ไทยได้ประโยชน์มากกว่าด้วยซ้ำไป ซึ่งมองยังไงก็ดีกว่าการได้เพียงชื่อได้ ลงทะเบียนมรดกโลกร่วมกัน ซึ่งนั่นเป็นเพียงนามธรรมนะครับ

แต่การเจรจาเรื่องพื้นที่ซับซ้อนมีการเจรจามาเป็นเวลากว่าห้าสิบปียังไม่สำเร็จ แล้วเวลาเพียงปีเดียว ผมจึงไม่เชื่อหรอกครับว่า  รัฐบาลหาเช้ากินค่ำชุดนี้ จะทำสำเร็จ นอกจากการรีบเปลี่ยนรัฐบาล หรืออย่างน้อยก็ควร เปลี่ยน รมต.ต่างประเทศ  จึงอาจพอจะทำได้

พอบทความนี้ได้ลงเมื่อไหร่ ต้องมีหลายคนมองว่า ทวดเอง เป็นพวกคนไทยหัวใจเขมรอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่อยากบอกว่า ทวดเอง ก็เป็นคนไทยคนหนึ่งที่รักชาติไม่น้อยกว่าทุกท่าน ไม่ยอมเสียดินแดนแม้แต่ตารางนิ้วเดียวเฉกเช่นกับคนไทยทุกคน แต่ความรักชาติก็ต้องอยู่บนเงื่อนไขของความถูกต้องด้วยครับ และความรักชาติของ ทวดเอง ก็คำนึงถึงผลได้ผลเสียของประโยชน์ของชาติพึงได้รับ ไม่ใช่ออกมาเย้วๆว่า รักชาติ รักชาติ อีกทั้งการบิดเบือน เพื่อให้เกิดกรณีพิพาทจนประเทศต้องสูญเสียประโยชน์มหาศาลอย่างนี้ ทวดเอง ไม่ทำครับ

นี่เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัว อาจถูกหรือผิดก็ได้ แล้วแต่วิจารณญาณของท่านผู้อ่านเองนะครับ

จากคุณ : ทวดเอง
เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 09:37:33 A:183.89.94.62 X:



ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com