 |
สัมภาษณ์พิเศษ นิธิ เอียวศรีวงศ์ตอน ๒.อภิสิทธิ์ร้อยศพ เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการปรองดอง
|
|
#การต่อรองบนท้องถนน ก็ไม่ประสบความสำเร็จ
(พยักหน้ารับ) ก็ไม่ประสบความสำเร็จเหมือนกัน คือ.. ไม่จำเป็นว่าการต่อรองบนถนนต้องประสบความสำเร็จนะ แต่มันมีการยืดหยุ่นกัน ซึ่งข้อเสนอสุดท้ายของรัฐบาลที่ให้ไปเลือกตั้งกันในเดือนพฤศจิกายน นอกจากจะไม่ประสบความสำเร็จแล้ว ยังลงเอยด้วยการสูญเสียชีวิตเป็นร้อย อันนี้ผมว่ามันกำหนดชะตากรรมของประเทศค่อนข้างมาก
#เหตุที่สังคมแตกเป็นหย่อมๆ เป็นเพราะไม่มีอำนาจนำเด็ดขาดหรือเปล่า
ผมว่าส่วนหนึ่งใช่เลย และมันไม่เคยมีมาก่อน อย่างน้อยที่สุดคุณเคยมีอำนาจนำที่สามารถเข้ามาจัดการความแตกแยกในลักษณะนี้ ได้ แต่บัดนี้ผมคิดว่าไม่มีแล้ว ไม่เหลืออำนาจนำ ไม่เหลืออาญาสิทธิ์อะไรเข้ามาผลักดันและจัดการความแตกแยก นอกจากใช้ความรุนแรง ใช้การปราบปรามอย่างที่ผ่านมา ซึ่งเท่ากับว่าไม่ได้ทำอะไร เพราะมันก็ยังแตกแยกกันอยู่
# ขณะเดียวกันอำนาจนำทางเลือกก็ไม่กล้าโผล่ขึ้นมาด้วย
(พยักหน้า) ฮะ ถึงได้บอกว่าการกระทำของรัฐบาลในการปราบคนเสื้อแดงมันกำหนดชะตากรรมประเทศ เลย ซึ่งน่าเศร้ามาก สังคมเราเดินมาถึงจุดที่ต้องปรับตัวเพื่อรับความเปลี่ยนแปลงตรงนี้ ซึ่งทางเลือกหนึ่งคือการใช้ความรุนแรงเพื่อให้ไม่ต้องปรับตัว นั่นคือทางเลือกที่เลวที่สุด เพราะทำให้เกิดทางตันขึ้น
# คณะกรรมการปฏิรูปจะทลายทางตันอย่างไร
ประเด็นที่กรรมการชุดนี้พูดกันมากคือการจัดการทรัพยากร เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นกับคนจำนวนมากในสังคมไทยเกิดจากการจัดการที่ดินที่ใช้ ไม่ได้ เราต้องแก้ตรงนี้ ส่วนจะแก้อย่างไร เราจะเสนอ แต่ต้องใช้พลังของสังคมเป็นตัวผลัก มันผลักได้ ที่รัฐธรรมนูญปี 2540 ผ่านได้เพราะสังคมผลัก ไม่มีนักการเมืองคนไหนเห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญปี 2540 แม้แต่คุณชวน หลีกภัย ยังขอเวลาอภิปรายเป็นชั่วโมงเพื่อจะด่ารัฐธรรมนูญปี 2540 เสร็จแล้วก็ยกมือ ยกทำไม เพราะไม่ยกไม่ได้ สิ่งที่กรรมการคิดอีกเรื่องคือทำอย่างไรจะลดอำนาจการรวมศูนย์ของนักการเมือง ได้ และเพิ่มอำนาจทั้งในเชิงระบบบริหาร เชิงการเมืองให้ประชาชนสามารถสร้างอำนาจในการต่อรองกับอำนาจที่มาจากการ เลือกตั้งได้ แต่ในการดำเนินการอย่าไปผลักให้รัฐบาล หรือสภาแก้กฎหมาย มันไม่มีทางแก้หรอกไอ้พวกนี้ คุณต้องทำให้สังคมตื่นตัวแล้วให้สังคมผลักเอง ผมคิดว่าวันนี้ประชาชนเริ่มเลือกอะไรในเชิงนโยบายมากขึ้น ไม่ใช่เพราะคุณทักษิณอย่างเดียว แต่สังคมมันเปลี่ยนมาถึงจุดที่ประชาชนต้องมีส่วนร่วมในนโยบายสาธารณะมากขึ้น
#จำเป็นต้องมีใครมีอำนาจนำเด็ดขาดหรือไม่
ไม่ควรมี อำนาจในสังคมประชาธิปไตยคืออำนาจที่มาจากการต่อรองของคนกลุ่มต่างๆ ดังนั้น มันจะได้สูตรที่ไม่มีใครได้ 100 เปอร์เซ็นต์เต็มสักคน ทุกฝ่ายต้องยอมตรงนั้นได้ตรงนี้ ตอนนี้ผมว่ามันเป็นโอกาสนะ แต่ไม่ใช่เป็นโอกาสเพราะเหตุที่มีการฆ่ากัน แต่เป็นโอกาสเพราะสังคมเปลี่ยนไปถึงระดับที่เป็นไปได้
#วิเคราะห์ว่ามีโอกาสเกิดเหตุรุนแรงขึ้นอีกหรือไม่ เพราะอำนาจเก่าต้องพยายามทำทุกอย่างเพื่อรักษาพลังในการต่อรองของตน
ผมก็เชื่อว่าเขาต้องพยายามรักษาอย่างแน่นอน สมมุติถ้าไม่ใช้การรัฐประหาร อย่างไรเสียคุณก็ต้องเลือกตั้ง อย่างไรเสียคุณก็ต้องเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว คุณไม่เลิกไม่ได้ ถ้าคุณไม่รัฐประหาร ความเคลื่อนไหวของสังคมก็จะค่อยๆ ผลักให้คุณต้องยอมรับต้องเปลี่ยน
#ถ้าเช่นนั้นอำนาจเก่าอาจใช้วิธีที่ซับซ้อนกว่าการขนกำลังทหารออกมายึดอำนาจ ซึ่งมีการพูดกันมากเรื่องการรัฐประหารซ่อนรูป
คือเวลานี้มันก็เป็นรัฐประหารซ่อนรูปอยู่แล้ว แต่ผมเชื่อว่าซ่อนอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว คุณจะซ่อนอย่างไรอีกล่ะ จะใช้ พ.ร.ก.ตลอดไปหรือ เป็นไปไม่ได้หรอก มันมีการเมืองระหว่างประเทศ มีอะไรมากดดันคุณมากมาย
# ถ้าทลายทางตันไม่ได้ ก็หลีกเลี่ยงการเกิดเหตุรุนแรงไม่ได้
อันนี้ผมตอบไม่ได้ ผมได้แต่หวังว่าจะไม่เกิด การมีคณะกรรมการชุดนี้ขึ้นมา ผมหวังว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราไม่ต้องมาฆ่ากันเอง
# ลึกๆ แล้วมีความหวังในการปฏิรูปประเทศครั้งนี้แค่ไหน
มันยาก ยากมากๆ เลย (เน้นเสียง) แค่ความไว้วางใจของคนก็ไม่มีแล้ว สิ่งที่คณะกรรมการหวังว่าจะทำได้ แต่ผมไม่รู้ว่าจะทำได้หรือไม่นะ คือในขณะที่ทำงาน เราต้องขับเคลื่อนสังคมไปสู่การปฏิรูป ไม่ใช่ไปสู่คำตอบของเราเพียงอย่างเดียว คำตอบเราเป็นเพียงข้อเสนอหนึ่ง ถ้าเราขับเคลื่อนสำเร็จ สังคมก็จะเข้ามาปรับปรุงแก้ไขคำตอบไปเรื่อย ไม่ใช่รับไปเฉยๆ
#จะทำอย่างไรให้สังคมเข้ามามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อน เพราะอย่างที่อาจารย์บอกว่าไม่มีความไว้วางใจกัน
ก็อย่าเพิ่ง... แหม! ตอนนี้เราเพิ่งทำงานได้ 3 สัปดาห์เอง สิ่งแรกที่ทำคือการออกมติให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งก็หวังว่าจะทำให้ได้รับความไว้วางใจจากคนบางกลุ่มมากขึ้น แต่แน่นอนได้ทำให้คนอีกกลุ่มไม่ไว้วางใจ ซึ่งคนกลุ่มหลังไม่ใช่เขาไม่สำคัญนะ เขาสำคัญ แต่เนื่องจากเขาเตรียมใจตั้งแต่ที่คุณอานันท์ประกาศชื่อกรรมการ เพราะเห็นอยู่แล้วว่ามันไม่ใช่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแท้ๆ อย่างน้อยเขาก็เตรียมใจแล้วว่าไอ้ชุดนี้มันไว้ใจไม่ได้ แต่พอออกมาอย่างนี้ก็ไม่มีอะไรเสียหายกว่าเดิม ในขณะที่อีกกลุ่มก็คิดว่าไม่แน่เหมือนกัน ต้องฟังมันบ้างอะไรอย่างนี้
# เป็นกรรมการที่มีส่วนผสมหลายเฉดสี
(พยักหน้า) ผมว่าแฟร์นะ ต้องยอมรับว่าเป็นความสามารถของคุณอานันท์ที่สามารถตะล่อมให้คนที่มีความเห็นแตกต่างสามารถอยู่ร่วมกันได้
#ขณะนี้ดูเหมือนรัฐบาลพูดการปฏิรูปเพียงฝ่ายเดียว กระแสสังคมไม่ค่อยตอบรับเท่าไร
ก็คุณอยู่ท่ามกลางการตายของคนเป็นร้อย แล้วรัฐบาลยังนั่งอมยิ้มเฉย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันเกินไป เอาอย่างนี้ดีกว่า ภาพที่รัฐบาลทำจนกระทั่งนาทีนี้คือไม่ทำอะไรเลย ดังนั้น ผมคิดว่าก็ชอบธรรมที่เขาจะระแวงสงสัย คุณจะไว้ใจรัฐบาลนี้ได้อย่างไร ไม่ว่าคุณจะปฏิรูป จะทำบ้าบออะไร ไม่มีใครไว้ใจทั้งสิ้น
# ถ้าเช่นนั้นโจทย์แรกของคณะกรรมการปฏิรูปน่าจะอยู่ที่การสร้างความปรองดอง แต่นายอานันท์กลับย้ำตลอดว่านั่นไม่ใช่หน้าที่
เราไม่สามารถปรองดองได้ ความแตกร้าวมันอยู่ลึกเกินกว่าที่ใครคนใดคนหนึ่งจะมาปรองดองได้ ไม่มีหรอก คุณฆ่าคนไป 100 คนแล้วคุณไม่ขยับทำอะไรสักอย่าง ใครจะไปปรองดองกับคุณ
# การสร้างความปรองดองไม่ใช่โจทย์ที่รัฐบาลมอบให้คณะกรรมการปฏิรูปตั้งแต่ต้น
เขาพยายามพูดให้คลุมเครือเข้าไว้จากที่ประกาศโรดแมป แต่ประธานพยายามแยกบทบาทตั้งแต่ต้นว่าเฮ้ย! เราไม่เกี่ยว
# คณะกรรมการปฏิรูปจะหาแนวร่วมได้อย่างไร เพราะคนในสังคมแบ่งฝ่ายกันชัดเจน และผลักให้ความคิดต่างเป็นศัตรู
ผมว่ามันเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่งนะ การเปลี่ยนแปลงในสังคมที่เกิดขึ้นทำให้คนทุกกลุ่มวุ่นวายใจไปหมด เพราะมองไม่เห็นทางออก ไม่เห็นรากฐานของปัญหา แต่ผมคิดว่านี่น่าจะเป็นภาวะชั่วคราวของมนุษย์ ไม่ใช่ภาวะถาวร ถ้าเราทำให้เห็นว่าสังคมมีทางออก ทำให้เห็นว่ารากฐานปัญหาอยู่ตรงไหน เช่น กรณีนักการเมืองที่พูดกันมาก วันนี้ไม่ใช่ว่านักการเมืองเป็นเทวดา มันก็สัตว์นรกอย่างที่คุณว่าเนี่ยแหละ แต่ที่มันให้ผลร้ายกับคุณไม่ใช่เพราะมันเป็นสัตว์นรก แต่เป็นเพราะเราเป็นใจให้สัตว์นรกมีอำนาจทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ แต่ถ้าเราปรับ สัตว์นรกก็จะเริ่มทำตัวดีขึ้น ไม่ไปลิดรอนสิทธิทางการเมืองของคนอื่น
# โดยส่วนตัวรู้สึกอึดอัดหรือไม่ เพราะปฏิเสธนายกฯ แต่กลับต้องทำหน้าที่เสมือนเป็นแขนขาให้รัฐบาล ไม่ใช่น่ะ ผมไม่เคยคิดเลยว่ากรรมการชุดนี้เป็นแขนขารัฐบาล
แต่การเกิดขึ้นของคณะกรรมการชุดต่างๆ ทำให้รัฐบาลมีความชอบธรรมในการอยู่ต่อ
ผมว่าไม่มีนะ ผมไม่เห็นว่ามีความชอบธรรมตรงไหน คุณฆ่าคนตาย (เอามือตบโต๊ะถี่ๆ) โดยไม่จำเป็น (เอามือเคาะโต๊ะต่อ) แล้วคุณไม่ทำอะไรเลย
# ห่วงว่าจะนำต้นทุนส่วนตัวที่สั่งสมมาทั้งชีวิตมาทิ้งหรือไม่
มันไม่มีความหมายหรอก ผมเข้ามาในโลกนี้แบบไม่มีใครสังเกตเห็น และผมก็จะแอบไปตอนไม่มีใครเห็นเช่นกัน (ยิ้มมุมปาก)
# ถ้าจะมีเหตุให้อาจารย์ถอนตัวจากการเป็นกรรมการปฏิรูปจะมาจากปัจจัยอะไร
ไม่ได้คิดขนาดนั้น สิ่งที่คิดมีอยู่อย่างเดียวคือการปฏิรูปทำได้ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย และทำไม่ได้ภายใต้การรัฐประหาร ดังนั้น ถ้ามีการรัฐประหารเกิดขึ้น ผมจะออก
(ที่มา มติชนรายวัน , 2 สิงหาคม 2553) http://www.matichon.co.th/news_detail.ph...3&grpid=01
สัมภาษณ์พิเศษ นิธิ เอียวศรีวงศ์: เปิดโจทย์ปฏิรูป รับห่วง"ชนชั้นนำเห็นชะตากรรมประเทศสำคัญน้อยกว่าอภิสิทธิ์ร้อยศพ
http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P9549351/P9549351.html
จากคุณ |
:
อายุธ
|
เขียนเมื่อ |
:
9 ส.ค. 53 21:11:55
A:125.25.20.206 X:
|
|
|
|  |