จำได้ว่าสมัยก่อนการเมืองไทยก็น้ำเน่าแบบนี้แหละ นับตั้งแต่การจัดตั้งรัฐบาลมีลักษณะผสมกันหลายพรรคการเมือง ทำให้แต่ละพรรคที่ร่วมรัฐบาลมีกำลังต่อรองมาก แกนนำรัฐบาลมักจะโดนบีบโดนเค้นตลอดเวลา กระทั่งถึงจุดแตกหัก นายกฯก็จะยุบสภา ยุติปัญหาเฉพาะหน้าลงชั่วคราว จากนั้นก็ไปเลือกตั้งคั่นเวลาก่อนจะฟอร์มรัฐบาลกลับมากัดกันอีก
ส่วน สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะการจัดตั้งรัฐบาลมาจากหลายพรรคการเมือง แต่ละพรรคที่ร่วมรัฐบาล แม้แต่แกนนำพรรครัฐบาลต่างก็มีเป้าหมายเดียวกัน นั่นก็คือการเติบโตจนกลายเป็นพรรคอันดับหนึ่ง สามารถเป็นรัฐบาลพรรคเดียวได้
ด้วย เหตุนี้ทุกพรรคก็เลยต้องเร่งแสวงหาปัจจัยที่จะทำให้ชนะเลือกตั้งอย่างเบ็ด เสร็จเด็ดขาด นั่นก็คือเงิน ซึ่งจะได้จากการทุจริตคอรัปชัน งาบเงินงบประมาณให้มากที่สุด เพื่อนำไปกว้านซื้อ ส.ส.มาเข้าพรรค และเตรียมเงินไว้ใช้สำหรับการฟาดหัวชาวบ้านให้เลือกผู้สมัครของพรรค
การเมืองแบบนี้เรียกว่า การเมืองเฮงซวย
สำหรับ วิธีแก้ปัญหา ก็อย่างที่รู้กันอยู่ต้องสร้างพรรคการเมืองให้แข็งแกร่งสามารถเป็นรัฐบาล พรรคเดียวได้ ที่ผ่านมาเมืองไทยเคยทำได้แล้ว แต่เพราะความอิจฉาริษยาของฝ่ายตรงข้าม พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อล้มล้างรัฐบาลพรรคเดียว อ้างว่าเป็นเผด็จการเสียงข้างมากบ้าง อ้างว่าโกงบ้าง อ้างว่าใช้อำนาจล้นฟ้าบ้าง
กระทั่งมีการปฏิวัติรัฐประหาร ล้มรัฐบาลประชาชนเสียงข้างมากไปเรียบร้อยด้วยข้อหาที่กล่าวมาข้างต้น ปัจจุบันปัญหาที่อ้างว่าเกิดขึ้นจากรัฐบาลพรรคเดียวก็ยังอยู่ครบ มิหนำซ้ำยังหนักหนาสาหัสกว่าเดิมด้วยซ้ำไป
ยกตัวอย่างเรื่องโคตรโกง แม้จะเห็นว่าโกง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะแกนนำรัฐบาลต้องอาศัยเสียงจากพรรคร่วมรัฐบาลที่กำลังโกงอยู่ตรงหน้า ยังไงก็ต้องหลับตาสองข้างปล่อยให้โกงต่อไป เพราะหากไปขัดขวางหรือขัดคอ อาจต้องเจอกับแรงตอบโต้ที่รุนแรง เช่น ทำให้องค์ประชุมสภาฯล่มเป็นการเตือนล่วงหน้า หรือทำให้กฎหมายที่เสนอโดยรัฐบาลมีปัญหา
โดยเฉพาะการแก้เผ็ดที่แสบ สันพอกันก็คือ ส่งซิกให้รัฐมนตรีของพรรคร่วมรัฐบาลคัดค้านโครงการหรือเรื่องที่เสนอโดยแกน นำรัฐบาล บางทีอาจถึงขั้นออกมาแฉกันต่อหน้าสื่อว่า โกงเหมือนกัน ปล่อยให้ผ่านไปไม่ได้ ไม่งั้นประเทศชาติเสียประโยชน์
แกนนำรัฐบาลไม่ ว่าพรรคไหน หากต้องยืมจมูกคนอื่นหายใจ ยังไงก็ต้องยอมสยบให้พรรคร่วมรัฐบาลวันยังค่ำ แม้จะทำเป็นเก่งขัดขวางได้วันสองวัน แต่สุดท้ายก็ต้องหมอบอยู่ดี ไม่เช่นนั้นรัฐบาลก็จบเห่ไปไม่รอดเนื่องจากจะโดนเล่นงานจากพรรคร่วมรัฐบาล ไม่หยุด
นี่คือสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ตอนนี้ การแก้ไขก็มีวิธีเดียว คือ ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ให้เร็วที่สุด เพราะจะได้ให้ประชาชนช่วยแก้ปัญหา โดยเลือกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งมาเป็นเสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาล พรรคเดียวได้
และหากรัฐบาลเสียงข้างมากพรรคเดียวในอนาคตยังประสบชะตา กรรมเดียวกับรัฐบาลเสียงข้างมากพรรคเดียวในอดีต ก็ต้องตั้งคำถามกันแล้วล่ะว่า เกิดอะไรขึ้นกับเมืองไทย ประชาธิปไตยที่ทั่วโลกยึดถือใช้เสียงข้างมากปกครองประเทศ ทำไมถึงใช้กับประเทศนี้ไม่ได้
แต่ทั้งหลายทั้งปวง ผมยังไม่อยากตีตนไปก่อนไข้ เพราะต้องรอให้เมืองไทยมีรัฐบาลเสียงข้างมากพรรคเดียวขึ้นมาเสียก่อน แล้วค่อยไปติดตามกันว่าชะตากรรมจะเป็นอย่างไร
เปล่า ผมไม่ได้หมายถึงชะตากรรมของพรรคการเมืองเสียงข้างมากจะเป็นอย่างไร แต่หมายถึงชะตากรรมของประเทศไทยต่างหาก ถ้ายังปกครองด้วยเสียงข้างมากจากการเลือกตั้งไม่ได้สักที.
"เห่าดง"