 |
สัมภาษณ์พิเศษ...น้องเดียร์ รู้อยู่แล้วว่าใครยิงพ่อ ทีมข่าว NNA NEWS โดย เสถียร วิริยะพรรณพงศา
|
|
สัมภาษณ์พิเศษ...น้องเดียร์ รู้อยู่แล้วว่าใครยิงพ่อ ทีมข่าว NNA NEWS โดย เสถียร วิริยะพรรณพงศา
สัมภาษณ์พิเศษ...น้องเดียร์ รู้อยู่แล้วว่าใครยิงพ่อ ทีมข่าว NNA NEWS โดย เสถียร วิริยะพรรณพงศา
ถามว่ากลัวมั้ย กลัวมาก กลัวตลอดเวลา กลัวว่าชีวิตจะจบเหมือนพ่อ กลัวมากที่สุด
ชีวิตของ เดียร์ ขัตติยา สวัสดิผล ลูกสาวสุดที่รักของ เสธ.แดง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล คงจะก้าวเดินอยู่บนเส้นทางของนักกฎหมาย อย่างมั่นคงเพราะมันเป็นเส้นทางชีวิตที่เธอเลือกมาตั้งแต่ต้น
เธอร่ำเรียนอย่างเอาจริงเอาจัง ตั้งแต่ที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เนติบัณฑิตยสภา แถมยังข้ามน้ำข้ามทะเลไปคว้าปริญญาโทกฎหมายอีก 2 ใบ จาก University of Wisconsin, Madison และ George Washington University ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา
แต่โชคชะตาก็ผลักให้เด็กสาววัย 29 ปี ให้ถลำลึกเข้าสู่วิถีแห่งอำนาจ การเมือง และความขัดแย้งเมื่อพ่อของเธอ ถูกสังหารอย่างไร้ร่องรอย ใจกลางกรุงเทพ จากเธอไปโดยที่ยังไม่ได้กล่าวคำลา สิ่งที่เหลือไว้ไม่ใช่ทรัพย์สินศฤงคาร
ตัดสินใจยากหรือไม่ในการเข้ามาทำพรรคการเมืองเอง ?
ตอน แรกคิดว่าจะอยู่เบื้องหลัง แต่พอดูแล้วไม่มีใครเหมาะสมเท่ากับทายาท ถ้าจะให้ไปเชิญใครที่เป็นผู้ใหญ่ที่สามารถนำพาพรรคขัตติยธรรม สุดท้ายก็จะเป็นพรรคของเขา "เดียร์"อยากให้ความเป็นพรรคของเสธ.แดงยังคงอยู่ตลอดไป
พรรคของเสธ.แดงคืออะไร ?
คือ พรรคที่เสธ.แดงเป็นคนก่อตั้งขึ้นมา เวลาใครพูดถึงเสธ.แดง ก็ต้องนึกว่าเป็นพรรคของเสธ.แดง ไม่ใช่พรรคของคนอื่นที่เดียร์ไปเชิญมาเพื่อให้เป็นหัวหน้าพรรค หน้าที่ของเดียร์คือทำอย่างไรจะไม่ให้พรรคเงียบไปหรือสูญหายไปจากการเสียชีวิตของคุณพ่อ ฉะนั้น"เดียร์"นี่แหล่ะ ที่จะร่วมกับลูกพรรคคนอื่นๆสานต่อเจตนารมณ์ของคุณพ่อ
เจตนารมณ์ของคุณพ่อคืออะไร ?
คุณ พ่อเป็นทหารที่สนใจการเมื่อง พ่อจึงคิดว่าเมื่อเกษียณแล้วจะเล่นการเมือง ส่วนเจตนารมณ์นั้นมาจากที่คุณพ่อเคยผ่านประสบการณ์ที่เลวร้ายมาเยอะ และเห็นความไม่ยุติธรรมมามาก คุณพ่อจะนำประสบการณ์มาปรับเป็นนโยบายของกองทัพ
เช่น กรณีอาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพวันนี้มันล้าหลังเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ แถบเอเชีย คุณพ่อก็เลยอยากจะปรับปรุงกองทัพ โดยการซื้อรถถังรถเกราะใหม่ๆ อีกด้านคือคุณพ่ออยากเปลี่ยนระบบศาล .
. .
ย้อนไปเรื่องการเข้าชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯตอนนั้นคิดอย่างไร ?
เดียร์เชื่อว่าคนที่ร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯทุกคนไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับ พันธมิตรฯในทุกเรื่อง ตอนนั้นพรรคไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชน เป็นฝ่ายรัฐบาล การเสนอข่าวถูกควบคุมอยู่กับฝ่ายรัฐบาล
ฉะนั้นการที่จะได้รับข้อมูลอีกด้านหนึ่ง ต้องไปฟังพันธมิตรฯ จากนั้นเป็นหน้าที่ของเราจะมาชั่งน้ำหนักว่าเรื่องไหนจริงหรือไม่ แต่พอแกนนำทราบว่าเราไปฟัง ก็เอาเรื่องนี้มาเป็นข่าวว่าเดียร์ขัดแย้งกันในบ้าน ทะเลาะกับคุณพ่อ เขาไม่เคยรู้ว่าความสัมพันธ์เป็นอย่างไร
ทุกครั้งที่ "เดียร์"ไปฟังก็บอกคุณพ่อ ท่านก็ไม่เคยว่าอะไร แค่บอกให้ดูแลตัวเอง มันอันตรายนะ จะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้ แต่ไม่ได้เตือนว่าน้องเดียร์ต้องกลับมันมีระเบิดเวลานั้นเวลานี้ แค่ระวังตัวนะลูก ซึ่งถ้าเดียร์เป็นอะไรไปมันคือความผิดของเดียร์เองเพราะว่ารู้ว่าอันตรายแต่ ก็ยังไป
"เดียร์"เป็นพันธมิตรฯหรือไม่ ?
"เดียร์"ไม่ใช่พันธมิตรฯ แต่ยอมรับว่าไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯแต่ก็ไปฟัง ตอนนั้นเดียร์ไม่มีสี ถ้าข่าวลงไปแล้วชาวเสื้อเหลือง ชาวพันธมิตรฯหรือแกนนำมาว่าเดียร์ก็ต้องยอมรับ แต่ดีกว่าเดียร์ไม่ได้พูดความจริงว่าเดียร์ไม่ใช่พันธมิตรฯ
ตอนที่มีข่าวใหม่ๆว่าเดียร์เป็นพันธมิตรฯ เดียร์ก็คุยกับคุณพ่อว่าจะแก้ข่าวหรือไม่ คุณพ่อบอกไม่ต้องหรอก ถ้าไปบอกว่าเราไม่ใช่ เดี๋ยวพันธมิตรฯเค้าจะเสีย แต่เราไม่ได้มองถึงวันข้างหน้า
ถ้าวันที่คุณพ่อเสียชีวิตไปแล้วอะไรจะเกิดขึ้นกับเดียร์บ้าง เพราะเราคนคือคนที่ต้องรับสภาพ วันนี้เดียร์ก็ต้องยอมให้ทางพันธมิตรฯเขาต่อว่า
มีอะไรจะฝากบอกชาวพันธมิตรฯบ้าง ?
อยาก จะบอกว่าถ้าใครไม่มาเป็นครอบครัวสวัสดิผล จะไม่ทราบเลยว่าตั้งแต่มีม็อบพันธมิตรฯและนปช.มันเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัว เราบ้าง พันธมิตรฯโทรมาด่าคุณพ่อที่บ้านเป็นร้อยๆพันๆสายเพราะเขาแจกเบอร์บ้านและ เบอร์มือถือคุณพ่อเราบนเวที มันสร้างความเดือดร้อนให้เรามากขนาดไหน
ทั้งที่"เดียร์"ก็อยู่ที่พันธมิตรฯ ครอบครัวเรามันเดือดร้อนถ้าไม่เป็นเราจะไม่รู้ การที่เราสูญเสียบุคคลที่เรารัก แต่คนที่ชื่นชมฝ่ายพันธมิตรฯสมน้ำหน้าเดียร์ สมน้ำหน้าครอบครัวของเราว่าดีแล้วที่พ่อตาย เราเจ็บกับสิ่งที่เขาทำ
แต่พอคุณพ่อเสียชีวิต เสื้อแดงบางส่วนก็ยังติดภาพว่าเดียร์เป็นพันธมิตรฯเขาเลือกที่จะไม่คุยกับเรา บางคนก็ชวนให้เราไปอยู่สีนี้เถอะ เดียร์ก็จะบอกว่าเดียร์ยืนอยู่ข้างพ่อค่ะ
ยืนข้างพ่อคือข้างสีแดง ?
จะ ว่าอย่างนั้นก็ได้ เพราะคุณพ่อรักมวลชนเสื้อแดงมาก เท่าที่เดียร์สัมผัสพวกเขาก็ดี พอเขาได้ทราบว่าเดียร์มาเป็นเสื้อแดงเขาดีใจมาก จากที่บอกว่าเกลียดมากเขารักเดียร์มาก เดียร์ก็บอกเขาไปว่าไม่ได้เสแสร้ง
จากที่คุณพ่อถูกยิงจนมาถึงวันนี้ทำให้ซึ้งในน้ำใจของพวกเค้า กำลังใจที่เขามีให้พวกเรามันมีค่ามาก ขณะที่อีกสีหนึ่งคือประณามสมน้ำหน้า พอเดียร์ย้ายไปอยู่อีกสีหนึ่งก็โจมตีด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย
"เดียร์"ไม่ได้พูดถึงตัวแกนนำนะ แต่หมายถึงที่คนที่ชื่นชม ตอนแรกยังไม่ชินกับการที่มาคนมาวิจารณ์ แต่ตอนนี้ก็คิดได้ว่าต้องไม่สนใจ ฟังแต่เสียงที่เขาให้กำลังใจเราเพียงพอแล้ว
จุดสำคัญที่ชี้ขาดว่าเราจะยืนอยู่ข้างเสื้อแดง ?
เรื่อง แรก คือ น้ำใจที่มีให้กันจากนั้นก็มองที่ปัญหาว่าคืออะไร พอเห็นปัญหาของรากหญ้าที่ไม่ได้ความยุติธรรม ได้รับผลกระทบจากความเหลื่อมล้ำต่ำสูง
แต่อีกกลุ่มหนึ่งเป็นชนชั้นกลาง เดียร์ควรจะสงสารใคร แน่นอนว่าต้องสงสารรากหญ้าอยู่แล้ว พอยิ่งเรามาฟังมาสัมผัสกับเขา ก็ยิ่งรู้ว่าทำไมเขาถึงแบ่งสี เพราะเขารู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ไม่ใช่แค่คุณทักษิณ ชินวัตรแล้ว
แต่เพราะเขาคิดว่าไม่ได้รับความยุติธรรมในสังคมประชาธิปไตยในประเทศไทย คุณพ่อพูดเสมอว่าเขาเลยจากทักษิณ ที่สำคัญเขาแสดงให้เดียร์เห็นว่ามันมีความเหลื่อมล้ำเกิดขึ้น และเขาไม่ได้รับความยุติธรรมจริงๆ ความลำบาก ความยากจนของเขารัฐบาลแก้ได้ถูกต้องหรือไม่ รัฐบาลแก้ได้หรือไม่
แต่คุณพ่อเดียร์ก็สนิทกับคุณทักษิณ ?
ถาม ว่าสนิทมั้ย คงจะรู้จักกัน แต่จะรู้จักกันขั้นไหนเดียร์ไม่เคยไปยุ่ง แต่การที่เดียร์มาเห็นใจคนเสื้อแดง หรือมาเข้าข้างกับคนเสื้อแดง ไม่เกี่ยวกับทักษิณ ชินวัตร แต่มาจากการตัดสินใจของเดียร์เอง
ถ้าย้อนเวลาได้จะกลับไปนั่งในที่ชุมนุมพันธมิตรฯหรือไม่ ?
เดียร์ คิดว่าสิ่งที่ทำไปถูกต้อง เพราะเดียร์ต้องฟังข่าวสารจากทั้งสองด้าน ถือเป็นประสบการณ์ จะได้เห็นว่าในนั้นมันเป็นยังไง ไม่ได้บอกว่ามันดีหรือไม่ดีนะ
แต่เดียร์ก็รับฟังในสิ่งที่แกนนำพันธมิตรฯพูดแต่หลังจากนั้นมันเป็นหน้าที่ ของเดียร์เองที่จะต้องชั่งน้ำหนักว่าสิ่งไหนที่พูดคือสิ่งที่ถูกต้อง
อายุ 29 ปี จะต้องเป็นผู้นำพรรคการเมืองซึ่งหมายถึงต้องนำมวลชนจำนวนมาก ?
มัน ยาก แค่คิดก็ลำบากแล้ว ทำยังไงให้ทุกอย่างมันราบรื่นเจอปัญหาน้อยที่สุด แต่ถามว่ากลัวมั้ย กลัวมาก กลัวตลอดเวลา กลัวว่าชีวิตจะจบเหมือนพ่อ กลัวมากที่สุด
จนถึงวันนี้อยากรู้มั้ยว่าใครยิงพ่อ ?
รู้อยู่แล้ว ตอนนี้มองเห็นภาพหมดว่าใครเป็นคนวางแผน ถามว่าโกรธคนยิงมั้ย ก็โกรธนะ แต่คิดว่าเป็นไปตามคำสั่ง
ถามว่าเดียร์แน่ใจได้ยังไงว่าใครทำ ก็จะไม่รู้ได้ยังไงในเมื่อคนของเขามาบอกกับเดียร์เอง ก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลว่าจะเอาตัวคนผิดมาลงโทษได้หรือไม่ ไม่ใช่แค่มือสไนเปอร์นะ เอาคนที่บงการ เอาเขามาลงโทษได้หรือไม่ แล้วค่อยมาพูดถึงแผนปรองดอง
ความรู้สึกของคนที่สูญเสีย และยังรู้ด้วยว่าใครทำเป็นยังไง ?
ยอม รับว่าแค้นมาก ถ้าบอกว่าไม่แค้นนั่นคือเสแสร้งและอกตัญญูมาก ถามว่าเสียใจมั้ยเสียใจมาก อยากฆ่าเขามั้ย อยากมาก แต่ปล่อยให้เวลามันผ่านไป เชื่อว่าเวรกรรมมีจริง เขาอยู่ไม่เป็นสุขแน่นอน คุณพ่อหลุดพ้นแล้ว ไปสบายแล้วเหลือคนที่อยู่ที่ต้องชดใช้กรรมในสิ่งที่ตัวเองทำ
มั่นใจว่ารัฐบาลนี้จะสร้างความปรองดองได้หรือไม่ ?
รัฐบาล ต้องทำด้วยความตั้งใจจริงและจริงใจ ไม่ใช่ทำเพื่อผลประโยชน์ของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งต้องให้ประชาชนที่เรียกร้อง ประชาธิปไตยยอมรับในแผนปรองดอง ไม่ใช่ว่าเขายอมรับหรือไม่ยอมรับไม่รู้
แต่คุณไปบังคับเขาโดยบอกว่าคนที่เป็นแกนนำยอมรับแล้ว ฉะนั้นทุกคนต้องยอมรับ เดียร์ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น
http://www.oknation.net/blog/darknews/2010/08/17/entry-1
http://www.internetfreedom.us/showthread.php?tid=4098
****************
   
จากคุณ |
:
Tan_my
|
เขียนเมื่อ |
:
18 ส.ค. 53 14:17:27
A:110.49.193.140 X:
|
|
|
|  |