Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
(ต่อ)อภิปรายคุณหมูกระแทกประเด็นผลงานของ รัฐบาลอภิสิทธิ์ แทนคุณไป่ฉีและผองเพื่อน  

ต่อจากกระทู้นี้นะคะ http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P9614657/P9614657.html


ตัวอย่างที่ 1 เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ด้วยคนไทยสายเลือดนักคิด (Creative DNA)


คุณทองดี ศรีกุลศศิธร วิศวกชาวไทย ผู้ผลิตหมึกพิมพ์จากน้ำมันถั่วเหลือง เจ้าของสิทธิบัตรรายที่ 2 ของโลก (รายแรกคือสหรัฐ)

ยุคหนึ่งในสหรัฐฯ ถือว่า เป็นผู้นำในการริเริ่มเปลี่ยนจากการใช้ปิโตรเลียมเป็นส่วนผสมของหมึกพิมพ์ เพราะเชื่อว่าเป็นที่มาของสาร ก่อมะเร็งให้กับมนุษย์  การตัดสินใจ เปลี่ยนจากการผสมปิโตรเลียมมาเป็นน้ำมันถั่วเหลืองและบวกกับผงหินสีธรรมชาติ นั้น เปลี่ยนโฉมหน้าอุตสาหกรรมการพิมพ์ได้มากเลยทีเดียว อย่างน้อยก็การที่ผู้อ่านอ่านแล้วไม่ได้กลิ่นสีหมึกและไม่มีหมึกติดมือมาด้วยทุกครั้งเมื่อหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่าน

ในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจของประเทศไทยเป็นช่วงที่ โฉมหน้าหมึกพิมพ์ในไทยก็เปลี่ยนแปลงไปด้วยเพียงแต่ไม่เป็นข่าว และไม่เคยมีใครรู้ หรือสนใจ ทองดี ศรีกุลศศิธรลูกเขยของตระกูล เครือเจริญ อักษร ที่รู้จักกันดีว่าเป็นผู้กว้างขวางในวงการสิ่งพิมพ์ในฐานะของผู้จำหน่ายกระดาษ เครื่องจักร หมึกพิมพ์ รายใหญ่รายหนึ่งของไทยเป็นบุคคลสำคัญของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ทั้งๆ ที่เล่าเรียนจนจบการศึกษาในระดับปริญญาโท สาขาวิศวกรรมโยธาจากประเทศเยอรมนีด้วยทุนการศึกษา ของมหาวิทยาลัย แต่ด้วยความที่มีแนวความคิดไม่เหมือนใคร
(ที่มา: http://www.planprinting.co.th/Home_5.html )


ความสำเร็จ: เมื่อราวปี 2009 คุณ ทองดีได้นำหมึกนี้มา Submit เข้าสู่ฐานข้อมูลวัสดุเพื่อการออกแบบ จากการ Submit วัสดุในครั้งนั้น ทำให้คุณทองดีได้รับออเดอร์จากเยอรมนี เป็นจำนวนกว่า 28 ตัน โดยที่คุณทองดีไม่ได้เดินทางไปเสนอขายที่ไหนเลย เพราะทางเยอรมนีค้นพบน้ำหมึกของเขาจากฐานข้อมูลตัวนั้น


อ่านเพิ่มเกี่ยวกับหมึกจากน้ำมันถั่วเหลืองที่เว็บนี้ http://www.soyink.co.th/
และฟังบทสัมภาษณ์ของคุณทองดีที่นี่ http://www.youtube.com/watch?v=uZwuCQaHYbg&NR=1
หรือจะฟังเสียงสัมภาษณ์ของคนนี้ก็ได้ค่ะ http://www.youtube.com/watch?v=9QsC2pMShU0&NR=1
มีหลายตอนค่อยๆ ดูไป หุ่นยนต์ก็มีนะ http://www.youtube.com/watch?v=hL6gy3JXNrc&NR=1


อภิปรายคุณคุณมัสแตง: โรงงานผลิตรถยนต์ เงินกำไรทั้งหมด เจ้าของบริษัทเอากลับไปประเทศ และคนไทยได้เพียงค่าแรงและโบนัส แต่ในกรณีคุณทองดีและคุณหาญ...ทั้งสองคนเป็นคนไทยค่ะ ดังนั้นเงินไม่ไปไหน อยู่ในไทยทั้งหมด
จากตัวอย่างที่ 1 พอจะมองเห็นความแตกต่างของรายได้ที่เกิดขึ้นไหมคะ? อะ ถ้ายังมองไม่เห็น มีตัวอย่างที่ 2


ตัวอย่างที่ 2 เบิกทางวัสดุไทยสู่ตลาดโลก Success Story จากหน่วยงานหนึ่ง...

“วัสดุคุณภาพระดับสากล” ไม่ได้หมายถึงวัสดุจากต่างประเทศเพียงอย่างเดียว ด้วยศักยภาพของประเทศไทยที่มีความโดดเด่นในเรื่องของวัสดุธรรมชาติ ฝีมืออันปราณีตในการสร้างสรรค์งาน รวมถึงภูมิปัญญาไทย เป็นจุดแข็งสำคัญที่ทำให้หลายประเทศหันมาเลือกใช้วัสดุไทยกันมากขึ้น


บริษัท รีเฟล็กซ์ชัน จำกัด นำงานออกแบบภายใต้แบรนด์ Global Trash Chic บุกตลาดโลก โดยการแปลงเศษถุงสินค้าเกษตรหลากสีสันที่เป็นของเสียจากโรงงานมาตัดเย็บเป็น ตุ๊กตา เฟอร์นิเจอร์ กระเป๋าขนาดต่างๆ หรือประยุกต์ใช้ในงานแฟชั่น ซึ่งนอกจากสีสันฉูดฉาดบาดตาแล้ว เศษถุงเหล่านี้ยังมีความเหนียว น้ำหนักเบา และทนน้ำ สามารถแปลงเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้อย่างไร้ข้อจำกัด มีรูปแบบการใช้งานที่หลากหลาย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลูกค้ากว่า 90% เป็นชาวต่างชาติผู้ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและนิยมสไตล์การออกแบบที่แปลกแหวกแนว ปัจจุบัน Global Trash Chic ส่งออกและมีตัวแทนจำหน่ายทั่วโลก เช่น Urban Outfitters ในอเมริกา, Habitat ในสหราชอาณาจักร และตัวแทนในญี่ปุ่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และหลายประเทศในยุโรป คลิกที่นี่เพื่อดูผลงานของ Global Trash Chic http://www.global-trashchic.com/


บริษัท จีราด้าเลเธอร์ โปรดักส์ จำกัด สร้างมูลค่าเพิ่มให้หนังปลานิลสายพันธุ์จิตรลดาที่เหลือจากการแล่เนื้อแช่ แข็ง หนังปลานิลนี้หากขายต่อให้ชาวบ้านจะมีมูลค่าเพียงกิโลกรัมละ 2.50 บาท จึงทดลองแปรรูปโดยการฟอกย้อม จนได้เป็นหนังปลาที่มีลวดลายตามธรรมชาติ พื้นผิวสวยงาม ย้อมสีได้ทุกสี ตกแต่งผิวได้ทั้งแบบด้านและแบบมัน ทั้งยังเหนียวและทนทานกว่าหนังชนิดอื่นที่มีความหนาเท่ากัน สามารถนำไปใช้ทำผลิตภัณฑ์เครื่องหนังและเฟอร์นิเจอร์ที่สวยงามแปลกตา จำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 500-625 บาท ปัจจุบันมียอดสั่งซื้อจากหลายประเทศ เช่น เยอรมัน โปรตุเกส สิงคโปร์ คลิกที่นี่เพื่อดูผลงานของ http://www.jeradaleather.net/
อีกอันที่น่าสนใจและคล้ายๆ กัน และ http://www.thaismefranchise.com/?p=9653


อภิปรายคุณมัสแตง: จากตัวอย่างที่ 2 ทั้งหมดเป็นคนไทยเช่นกันค่ะ นอกจากจะเพิ่มมูลค่าให้กับเศษถุงปุ๋ยและหนังปลาด้วยการนำมาแปรรูปแล้วยังต้องทำให้มูลค่าเพิ่มขึ้นด้วยการออกแบบด้วย ทีนี้ล่ะบอกได้คำเดียวว่า...รวย อย่าดูถูกไปนะคะ กระเป๋าจากเศษถุงปุ๋ยอ่ะ ขายเมืองนอกทั้งนั้น เพราะราคาสูงมาก....อิฉันอยากได้ยังมะมีปัญญาเลย...


SMEs ทั้งหมดที่ยกมาถ้ากิจการดีก็จะเกิดการขยายโรงงานเพื่อเพิ่มการผลิต วงจรการทำธุรกิจก็จะอยู่ในเมืองไทย ถั่วเหลือง พืชสุมนไพร หนังปลา เศษถุงปุ๋ย คุณมัสแตงเริ่มมองเห็นความแตกต่างจากการรับจ้างผลิตน๊อตให้โรงงานรถยนต์ไหมคะ?


ถ้ายังนึกภาพไม่ออก มองไม่เห็นดิฉันมีอีก 1 ตัวอย่าง แต่ว๊า อันนี้มันเป็นเรื่อง OTOP อ่ะ ทำไงดี เพราะ OTOP มันนโยบายของทักษิณนี่...จะเอามาแย้งยังไงดีล่ะ...แต่ไม่เป็นไรน่า ชั่วโมงนี้เราไม่ว่ากัน ของใครก็ช่าง ขอแค่รู้ว่าคุณยังสนับสนุนให้ทำต่อเราก็ดีใจแล้ว ลองไปอ่านที่ลิงค์นี้แล้วกันนะคะ  
http://www.wiseknow.com/blog/2009/08/25/3241/  



เนี่ยละค่ะ คุณมัสแตง ตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า ภูมิปัญญาชาวบ้านและธุรกิจ SMEs จะเป็นอีกตัวหนึ่งที่รัฐสามารถใช้เป็นตัวขับเคลื่อน GDP ได้ แต่ก็ไม่ใช่จะละทิ้งทุกอย่าง ธุรกิจใหญ่ๆ ของโรงงานต่างชาติก็ต้องให้ความสำคัญด้วยเช่นกัน หากเราสนับสนุนให้เกิดการลงทุนภายในประเทศและกระตุ้นให้เกิดการบริโภค การกระจายรายได้สู่ชนบทนั้นจะเข้มแข็งและเกิดประโยชน์กับประเทศมากกว่าการนั่งทำน๊อตในโรงงานรถยนต์ญี่ปุ่น...



หากผู้นำประเทศและ รมต. คลัง ยอมลดอีโก้ลงมาหน่อย ดิฉันเชื่อว่าไม่มีใครคัดค้านหรอกค่ะถ้ารัฐบาลจะหยิบยก OTOP และ SMEs มาปัดฝุ่นและสนับสนุนอย่างจริงจัง ขอเพียงนโยบายในการบริหารจัดการที่เจ๋งๆ เท่านั้น อัดงบ R&D ให้เยอะๆ แต่ต้องเป็น R&D ที่นำมาใช้ในเชิง commercial ได้ด้วยนะ ไม่ใช่ R&D เพื่อขอตำแหน่งทางวิชาการอย่างเดียว


และตอนที่คุณไป่ฉี บอกว่า OTOP ทำให้ GDP โตแค่ 0.5 เปอร์เซนต์ ทำให้ดิฉันนึกถึงคำพูดใครบางคนตอนที่ถามว่า OTOP ดียังไง


“คนกรุงเทพฯ เขาไม่รู้หรอกว่า OTOP ทำขึ้นมาก็เพื่อช่วยคนกรุงเทพฯ ทั้งนั้น อยู่บ้านนอก (ต่างจังหวัด) จะทำขนม กล้วยทอด มันทอด น้ำพริก เป็น OTOP พวกบรรจุภัณฑ์ต่างๆ ก็ต้องสั่งจากโรงงานในกรุงเทพฯทั้งนั้น ยางรัดของก็ต้องซื้อเพิ่ม กระดาษ ถุงพลาสติก ขนส่ง คิดดู เมืองไทยมีกี่ตำบล? ทำขนาดนี้ยังบอกว่าไม่ทำอะไรให้คนกรุงเทพฯ อีก”


ก็บอกแล้วว่า ไม่ใช่จะบอกว่าใครเก่งกว่าใคร ใครคนดี ใครคนเลว ใครขี้โกง ใครซื่อสัตย์ แต่ถามว่า "ผลงาน" น่ะมีไหม อะไรใหม่ๆ" นะมีหรือเปล่า ถ้าเป็นแฟนพันธุ์แท้ของรัฐบาลดิฉันว่า มันก็ไม่เหลือบ่ากว่าแรงที่จะค้นคว้าและศึกษา วิเคราะห์แล้วนำมาถกกัน มากไปกว่าการวิ่งตามตัวเลข ที่....


นะ ช่างเหอะ พูดไปก็กลายเป็นอิฉันกระโดกลับลงไปในอ่างอีกเหมือนเดิม...


ไปล่ะ สวัสดี


ปล. ดิฉันยังเขียนไม่ชัดเจนเท่าไหร่ เลยค่อยข้างมั่นใจว่าคุณมัสแตง ไป่ฉี และผองเพื่อนยังไม่เห็นภาพอยู่ดี ฮ่าฮ่าฮ่า

จากคุณ : SassyKate
เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 53 00:08:41 A:124.121.105.76 X:



ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com