จากกระทู้ประเด็นที่โต้แย้ง เอาแค่ความจริงบางส่วนมาพูด การเลือกตั้งได้เสียงข้างมากจะเรียกเผด็จการหรือ
คงต้องอธิบายยาว แยกที่ละประเด็นและที่มาเพื่อความเข้าใจ
เอา นิยามก่อน ระบอบเผด็จการ หมายถึง รูปแบบการปกครองแบบอัตตาธิปไตย ซึ่งรัฐบาลอยู่ภายใต้การบริหารของบุคคลเพียงคนเดียว หรือ ผู้เผด็จการ โดยไม่มีการสืบทอดตำแหน่งตามสายเลือด
แล้วรัฐธรรมนูญปี 40 สร้างเผด็จการได้อย่างไร
ประการแรก เปิดโอกาสให้พรรคคุมสส. สส.ขัดมติพรรคจะต้องถูกขับออกจากพรรคเมื่อพ้นจากพรรคก็พ้นสภาพการเป็น สส.ด้วย แม้แต่เรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ถือเป็นมติพรรค ทั้งที่ควรเป็นเอกสิทธิสส. ทำให้สส.หมดโอกาสที่จะขัดแย้ง หรือโต้แย้ง หรือคัดค้านเพื่อผลประโยชน์บ้านเมือง สส.จึงเสมือน ทาสที่ต้องคอยยกมือตามคำสั่งพรรคหรือนายทุนพรรค ที่เรียกว่า สภาทาส
ประการที่สอง ที่มาของ สว. มาการกลุ่มการเมืองเดียวกับสส. ทำให้ สส และสว.เป็นกลุ่มอำนาจเดียวกัน ที่เรียกว่า สภาเครือญาติ หรือ สภาผัว สภาเมีย ทำให้กระบวนการตรวจสอบพิการไป
ประการที่สาม ที่มาองค์กรอิสระ การที่รัฐธรรมนูญกำหนดโครงสร้างให้องค์กรอิสระมาจากการสรรหาของคณะกรรมการและให้วุฒิสภาเป็นผู้เลือก จะทำให้การเมืองเข้าไปแทรกแซงได้มาก ซึ่งสิ่งนี้ได้นำไปสู่การตอบแทนและการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ระหว่างกันและกันขึ้น โดยเฉพาะองค์กรอิสระที่มีผลกระทบต่อการเมืองสูง เช่น ศาลรัฐธรรมนูญ ปปช. และ กกต. เป็นต้น
ประการที่สี่ การควบรวมพรรค เพื่อให้ได้เสียงมากกว่า 3 ใน 5 ทำให้ปิดโอกาสการอภิปรายนายกรัฐมนตรี ประเด็นนี้นายก ยิ่งอำนาจมาก ยิ่งไม่สามารถตรวจสอบได้ ตรงข้ามทฤษฎีว่ายิ่งอำนาจมากอาจทำเกิดทุจริตคอรัปชั่นได้ง่าย Power Lead to Corruption
ประการที่ห้า พรรคการเมืองที่ได้คะแนนเสียงในระบบบัญชีรายชื่อ น้อยกว่าร้อยละ 5 ของจำนวนคะแนนเสียงรวมทั้งประเทศ ไม่มีผู้แทนในระบบบัญชีรายชื่อ ทำให้พรรคการเมืองขนาดเล็กเสียเปรียบพรรคการเมืองขนาดใหญ่ ทำให้เกิดการต่อรองจากพรรคที่มีทุนมาก สามารถชักจูงนำไปสู่การควบรวมพรรค