Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
[รักคนเสื้อแดง] ตุลย์หลากสีถาม-หมอชนบทดีเด่นตอบ มัสแตง+arpond2518+Midoh Ban ถามศิริพล+อ.ชาญวิทย์ตอบ  

บังเอิญเมื่อวันที่ 25 กันยายนที่ผ่านมา ผมได้ติดตามชมการถ่ายทอดสดงานเสวนา ‘เราไม่ทอดทิ้งกัน’ : กระบวนการรับผิด กรณีสลายการชุมนุม เม.ย.-พ.ย. ที่จัดขึ้นที่หอประชุมศรีบูรพา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ โดยศูนย์ข้อมูลประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุมกรณีเดือน เม.ย.-พ.ค. 53 (ศปช.) ไฮไลท์ของงานเสวนาที่ผมสนใจและขอนำมาเล่าต่อแบบย่อๆ มีอยู่ 3 ประเด็น

ประเด็นที่ 1 จุดมุ่งหมายของผู้จัดงานไปคนละทางกับจุดมุ่งหวังของคนเสื้อแดง

เมื่อฟังจากช่วงที่เปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานได้มีการซักถามข้อสงสัย แต่ส่วนใหญ่ผู้ร่วมงานจะบรรยายถ่ายทอดความรู้สึกของตนเองออกมา กึ่งๆ เปิดเผยนัยยะแอบแฝงของตนเองนิดๆ และส่วนใหญ่ได้หมดหวังไปกับกระบวนการยุติธรรมที่คิดว่าเป็นที่พึ่งพิงไม่ได้ จนไปถึงเล็กเจด็ด(ไม่แน่ใจว่าใช่หรือเปล่า)ที่ออกแนวไฮปาร์กให้องค์ปาฐกฟังแทน จนสุดท้ายพิธีกรหลักและองค์ปาฐกเองได้ต้องสรุปให้ฟังถึงวัตถุประสงค์ให้ผู้มาร่วมงานฟังว่า งานนี้จัดขึ้นเพื่ออะไร ซึ่งผมขอสรุปให้ฟังดังนี้

  • การต่อสู้ทางวิชาการ หรือทางด้านกฎหมายซึ่งเป็นแนวทางสันติอหิงสาปราศจากอาวุธไร้ความรุนแรงก็เป็นทางเลือกหนึ่งจากหลายๆ ทางเลือกในการต่อสู้ ที่คนเสื้อแดงไม่ควรจะปฏิเสธ
  • ใครที่อยากสู้บนท้องถนนชอบการชุมนุมแบบตั้งเวทีก็ทำไป (อาทิ เล็กเจด็ด) ใครที่อยากรอแกนนำสามเกลอออกมานำการชุมนุมก็ว่ากันตามสบาย (กลายเป็นกิจกรรมต่างๆ ที่มีผู้จัดขึ้น คนเสื้อแดงเองไปร่วมงานโดยมีนัยยะแอบแฝง
  • การต่อสู้ตามแนวทางของผู้จัดงานนี้คือการต่อสู้กับภาครัฐที่มีการบิดเบือนข้อเท็จจริง ด้วยการยืนยันชุดข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงและทำให้เกิดการยอมรับทางสังคม คนเสื้อแดงจะต้องอธิบายได้ว่าในช่วงเหตุการณ์เมษาพฤษภา ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ สิ่งไหนเกิดขึ้นก่อน สิ่งไหนเกิดขึ้นหลัง (อย่างที่เพื่อนสมาชิกในราชดำเนินกำลังทำ)
ประเด็นที่ 2 เขาถาม-คนอื่นตอบ ผมมีหน้าที่จับคู่และอธิบายความเพิ่มเติมเล็กน้อย

หมอตุลย์ถาม หมอชนบทดีเด่นปี 2552 ตอบ

ช่วงท้ายของ เวทีไต่สวนสาธารณะ ที่ได้มีการเปิดคลิปที่ศอฉ.ทำขึ้นเพื่อชี้แจงเหตุการณ์เมษาพฤษภา และพิธีกรอ.กฤตยา อาชวนิจกุลได้นำเอาคำถามของหมอตุลย์ที่มีใจความสอดคล้องกัน โดยหมอตุลย์ได้เขียนคำถามกล่าวหาว่า ศพแรกที่ตายเป็นทหารคือวันที่ 10 เมษายน เขาว่าเสื้อแดงยิงทหารก่อน กรุณาตรวจสอบความจริงให้ด้วย จากคลิปของหมอชนบทดีเด่นใน blog ของผม (จิ้ม) ได้พูดประเด็นข้อเท็จจริงที่กลับตาลปัตร ความรับรู้ของคนเปลี่ยนไปเพราะถูกบิดเบือน ข้อเท็จจริงที่ถูกต้องคือ มีการปะทะกันตั้งแต่ช่วงเช้า เสื้อแดงเกิดความสูญเสียก่อนที่จะมีชายชุดดำปรากฎ แล้วระเบิดจึงลงจนเป็นเหตุให้ทหารตาย

สองหมอ สองมุม หมอการเมืองกับหมอชนบท คนหนึ่งเป็นแกนนำกลุ่มคนเสื้อหลากสีเคลื่อนไหวในเมืองหลวงเพื่อรัฐบาลแต่อยู่ห่างไกลความจริง อีกคนเป็นผู้นำรพ.ในชนบทเล็กๆ ที่อยู่ห่างไกลความเจริญแต่กับอยู่ใกล้ความจริงออกมาพูดในฐานะประชาชน เป็นภาพเปรียบเทียบความต่างในความเหมือนของบุคคลที่อยู่ในแวดวงการแพทย์เหมือนกัน และข้อเท็จจริงอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญคือ คนเสื้อแดงถูกยิงตายจำนวนมากก่อนที่จะมีการประกาศยุติการชุมนุม คนเสื้อแดงถูกยิงตายจำนวนมากก่อนที่จะมีเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมือง แต่สิ่งที่ฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลมักพูดโจมตีคือเป็นเพราะมีการเผาบ้านเผาเมืองทหารจึงทำการปราบหรือทำการยิง

คุณมัสแตง+คุณarpond2518 ถาม พ.ต.ท.ดร.ศิริพล กุศลศิลป์วุฒิ ตอบ

ผมขอเกริ่นนำสักเล็กน้อย ผู้ที่สนับสนุนรัฐบาลนาย(ก)มีความเชื่อตามที่รัฐบาลนาย(ก)หรือศอฉ.โฆษณาชวนเชื่อที่ว่า คนเสื้อแดงที่ถูกทหารยิงตายเพราะเป็นผู้ก่อการร้ายมีอาวุธสงครามอยู่ในมือ แต่เมื่อมีการพิสูจน์แล้วพบว่าในมือของคนเสื้อแดงไม่มีอาวุธปืนสงครามอยู่ในมือ ผู้ที่สนับสนุนรัฐบาลก็จะพูดตะแบงไปตามคำพูดของนายสุเทพที่ว่า เมื่อผู้ก่อการร้ายถูกทหารยิงเสียชีวิตกองกำลังที่ถูกฝึกมาดีหยิบอาวุธไป (จริงๆ มันก็เป็นเหมือนคำสารภาพของนายสุเทพที่ว่าทหารเป็นคนยิงนั่นเอง) แต่เมื่อมีการพิสูจน์ว่าคนที่ถูกยิงตายในมือก่อนหน้าที่จะเสียชีวิตมีแต่มือเปล่าที่ช่วยแบกร่างผู้บาดเจ็บ หรือไม่ก็มีอาวุธหนังสติ๊กเท่านั้น ผู้ที่สนับสนุนรัฐบาลก็จะตะแบงต่อไปว่า คนเสื้อแดงยิงกันเอง

ผู้สนับสนุนบางรายยังคงยืนกราน(ดื้อรั้น) ไม่ยอมรับว่าทั้งภาพและคลิปที่มีทหารยิงเป็นการยิงใส่คนเสื้อแดง (ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสิ่งที่เขาคิดว่าทหารเล็งและยิงไปนั้น เป้าหมายข้างหน้าคือสิ่งใดในความคิดของเขา) ท้าให้เอาภาพทหารยิงใส่เหมือนในหนังมาแสดงให้ดูเขาถึงจะเชื่อ (ต่อไปถ้ามีการชุมนุมและมีการขอคืนพื้นที่หรือกระชับวงล้อมอีกงานนี้สงสัยต้องเรียกฉีเคอะมาตั้งกองถ่ายและใช้บริการเฉินหลงแสดงเป็นนักข่าวคอยวิ่งหลบกระสุนในขณะถ่ายทำข่าว)

จริงๆ ก็มีคลิปของ TPBS เอง ที่ถ่ายไว้อย่างเห็นได้ชัดเจนในวันที่ 19 พฤษภาคม ทหารยิงใส่กลุ่มผู้ชุมนุมที่กำลังวิ่งหนีอย่างเมามันส์จนสื่อสำนักต่างๆ เอาไปใช้เผยแพร่กันทั่วโลก และก็มีคลิปที่ราชปรารถที่ทหารเปิดฉากยิงใส่กลุ่มผู้ชุมนุมจนกลุ่มผู้ชุมนุมวิ่งหนีไปตั้งหลัก โดยกล้องสามารถ่ายได้ทั้งทหารผู้ยิงและแพนกล้องไปยังกลุ่มผู้ชุมนุมที่วิ่งหนีได้ด้วย ช่วงท้ายๆ คลิปเดียวกันนี้เองที่มีเหตุการณ์ทำร้ายทหารที่ขับรถเข้ามาเสริมกำลัง เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมกำลังอยู่ในอารมณ์โกรธแค้นที่ถูกทหารใช้อาวุธปืนสงครามยิงใส่กลุ่มผู้ชุมนุม แต่ถูกสื่อกระแสหลักตัดตอน นำภาพเฉพาะตอนที่กำลังทำร้ายทหารออกเผยแพร่ โดยไม่อธิบายความว่าก่อนหน้านั้นเกิดเหตุอะไรเกิดขึ้น (search ดูได้จากยูทูป keyword ทหารยิง)

ขอเสริมประเด็นคุณ arpond2518 ที่บอกว่า ทหารและนักข่าวอิตาลีถูกระเบิด M79 นั่นเป็นข้อมูลที่ถูกครึ่งเพียงเดียว อีกครึ่งนั้นเป็นข้อมูลที่ผิดนะครับ นั่นเป็นชุดข้อมูลที่นายสุเทพแถลงและบอกต่อฑูตต่างๆ ในวันที่นำอาวุธมาแสดงให้ฑูตประเทศต่างๆ ดู นักข่าวที่ถูกระบิด M79 พร้อมทหารไม่ได้เสียชีวิตและเป็นนักข่าวชาวแคนาดาชื่อ Chandler Vandergrift (ลอง search ชื่อ แล้วดูรูปภาพได้ที่ google นะครับ) ส่วนนักข่าวอิตาลีถูกกระสุนปืนที่ยิงมาจากด้านรพ.จุฬาที่ทหารบุกเข้ามาน่ะครับ (ดูได้จากคลิปข่าว TPBS ซึ่งมีรายงานวิถีกระสุนเบื้องต้น)

กรณีภาพทหารยิงใส่ประชาชน แต่ฝ่ายผู้สนับสนุนรัฐบาลจะอ้างว่าเสื้อแดงยิงกันเอง นั่นเป็นเรื่องที่ทางรัฐบาลรวมถึงผู้สนับสนุนต้องนำหลักฐานมาแสดงให้ได้ว่ามีกลุ่มคนเสื้อแดงถืออาวุธปืนสงครามและกำลังเล็งยิงไปในทิศทางทีมีกลุ่มผู้ชุมนุมอยู่ ซึ่งผมก็ถามหาภาพหลักฐานนี้มาโดยตลอดแต่ไม่เคยมีใครนำมาแสดง มีแต่พูดกล่าวหาลอยๆ แต่ภาพทหารที่ยิง แม้กองทัพโดยพล.อ.อนุพงษ์ หรือรัฐบาลนำโดยนาย(ก)จะปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นคนสั่ง

แต่จากคำพูดของพ.ต.ท.ดร.ศิริพลในงานเสวนากล่าวไว้คำหนึ่งว่าในภาษากฎหมายมีอยู่คำหนึ่งคือ The thing speaks for itself กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา คุณจะปฏิเสธไม่ได้ว่า แม้คุณจะอ้างว่าให้ทหารยิงเพื่อป้องกันตัว แต่เมื่อทหารไปยิงคนเสื้อแดงตายโดยพลการคุณจะปฏิเสธความรับผิดชอบนั้นไม่ได้ โดยเฉพาะภาพที่นาย(ก)นั่งติดตามข่าวสารในห้องบัญชาการที่ราบ 11 ในวันที่ 14 พฤษภาคม อย่างใกล้ชิด* (จิ้ม) ตามที่พ.ต.ท.ดร.ศิริพล บอกครับว่าเมื่อดูข่าวติดตามข่าวอย่างใกล้ชิด เห็นการปฏิบัติการทางทหารที่ทำให้เกิดการสูญเสียในชีวิตเกิดขึ้นอย่างมากมาย แต่ไม่มีการสั่งให้หยุด หรือเปลี่ยนแปลงคำสั่ง นาย(ก)ย่อมปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้เลย เพราะถือว่ารับทราบมาโดยตลอดว่ามีอะไรเกิดขึ้น

เพื่อหลีกเลี่ยงการลบกระทู้อัตโนมัติ ผมขอไม่นำ link คลิปงานเสวนาในวันที่ 25 กันยายน มาโพสต์แต่ขอแนะนำให้ท่านที่สนใจไปติดตามหาโหลดได้ที่เว็บของคนเสื้อแดงครับ มีเนื้อหาทางกฎหมายปลีกย่อยที่น่าสนใจเยอะมาก รวมถึงเรื่องเล่าจากปากของนักข่าวเนชั่นที่ถูกยิงและเพื่อนนักข่าวเนชั่นคนที่ถูกยิงเป็นนักข่าวที่ขึ้นไปถ่ายห้องกำปั้นบาซู และเล่าเรื่องที่ทหารตามล่าคนเสื้อแดงที่ถูกยิงและหลบหนี รวมไปถึง รถทหารที่ติดตรากาชาด กลับมีโรงศพอยู่ในรถด้วย 2 โลง (มีทำไม?)

ประเด็นที่ 3 คุณ Midoh Ban ถาม อ.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ ตอบ

ครับจากคำถามในกระทู้ P9732450 ของคุณ Midoh Ban ที่ถามว่า "...อำมาตย์ในความหมายของคน เสื้อแดงคือบุคคลที่มีอำนาจเหนือรัฐบาล  สั่งการทหารตำรวจได้  ชี้นำศาลได้  ทำอะไรทุกอย่างที่ไม่ดีหรือผิดกฏหมาย ผิดศีลธรรมโดยไม่มีใครเอาผิดได้"

ผมไม่ขอตอบคำถามข้างบนนะครับ เบื้องต้นผมแนะนำให้คุณ Midoh Ban เข้าไปอ่านข้อมูลการดินเนอร์+เทปลับ ที่กระทู้นี้ก่อน (จิ้ม) [บาง link อาจถูกลบไปแล้ว ผมแนะนำให้ copy หัวข้อกระทู้ใน link นั้นแล้วนำไป search หาข้อมูลจาก google] และเมื่ออ่านเสร็จแล้วผมขอนำข้อความบางส่วนในบทความโลกวันนี้สัมภาษณ์พิเศษ “ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ” (4 รัฐประหาร 19 กันยา 2549) มาให้อ่านเพิ่มเติม (กรอบสี่เหลี่ยม)

 

...สิ่งที่ตามมาในปี 2550 ก็คือ มีรัฐธรรมนูญขึ้นมาเป็นฉบับที่ 18 แล้วก็เป็นรัฐธรรมนูญซึ่งผมมองว่า เอื้ออำนวยต่อการรักษาอำนาจของกลุ่มคนที่เป็น “อนุรักษ์นิยม” กับกลุ่มคนที่เป็น “ชนชั้นสูง” ของบ้านเมือง เพราะฉะนั้น รัฐธรรมนูญฉบับนี้ เป็นฉบับที่เป็นประชาธิปไตยน้อยกว่ารัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 และน้อยกว่าฉบับปี 2517 อาจเรียกว่ามีการ “หมกเม็ด” ก็ว่าได้ คือ แอบๆ ซ่อนๆ อะไรๆไว้เยอะ

และตัวที่ผมคิดว่า น่าเกลียดน่าชังมากๆ คือ ส.ว. สรรหา ผมคิดว่าเป็นสิ่งแปลกปลอมของประชาธิปไตย

ถือเป็นความน่าละอายของคนที่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้แอบใส่เอาไว้

เป็น การ “หมกเม็ด” เพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มตัวเองที่จะได้รับการสรรหา ซึ่งก็แปลว่า “แต่งตั้ง” ไม่ยอมเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้ง เป็นจุดที่เลวร้ายมากๆในแง่ของรัฐธรรมนูญปี 2550

ผมมองว่า ปี 2549 เป็นการถอยหลังเป็นการตกต่ำจมลงดิ่ง ในปี 2550 ทั้งรัฐบาล “ขิงแก่” ก็ดี ทั้งรัฐธรรมนูญก็ดี ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นแล้วเราก็ตามมาด้วยมีการเลือกตั้งและการมีรัฐบาลตาม ลำดับที่นำโดยนายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์

สองรัฐบาลนี้ พูดง่ายๆว่า ถึงแม้จะร่างรัฐธรรมนูญเอาไว้เพื่อกำจัดอำนาจของฝ่ายของพ.ต.ท.ทักษิณ แต่ก็ไม่สำเร็จ

เพราะ ฉะนั้น ก็ใช้ “ม็อบเสื้อเหลือง” ดำเนินการต่อ จุดนี้เป็นจุดที่สร้างสิ่งที่เราเรียกว่า “อนาธิปไตย” ขึ้นมามันไม่ใช่ประชาธิปไตย ถึงแม้ว่าทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็น “คปค.-คมช.” จะอ้างว่า เป็นประชาธิปไตยซึ่งมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อะไรก็ตามหรือทางฝ่าย “ม็อบเสื้อเหลือง” เรียกตัวเองว่าเป็นพันธมิตรประชาธิปไตย อะไรก็ตาม

นี่ ตรงกับสิ่งที่ท่านอาจารย์ปรีดี พนมยงค์ พูดเอาไว้ก็คือ ทำให้เกิดสภาพที่เป็น “อนาธิปไตย” เมื่อเกิดสภาพนี้แล้วก็เกิดการยึดอำนาจ “รัฐประหาร” ที่ทำให้ไม่เป็นประชาธิปไตย โดยทั้งฝ่าย คมช.และม็อบเสื้อเหลือง

เมื่อ เป็นอย่างนี้แล้วมันก็มีผลร้ายนำไปสู่การผลักดันให้ “เกิด” กระบวนต่อเนื่องที่เรียกกันว่า “ตุลาการธิปไตย” ขึ้นมาที่นักวิชาการบางคนพยายามเรียกให้เป็นบวกว่า “ตุลาการภิวัตน์”  คือ เอากระบวนการตุลาการและกฎหมายมาแก้ปัญหาของสังคมและการเมือง

แต่ผมคิดว่า ศัพท์ที่ถูกต้องน่าจะเป็น “ตุลาการธิปไตย” เสียมากกว่าศัพท์คำนี้มาจากฝ่ายนักวิชาการทวนกระแสที่ไม่รับใช้อำนาจรัฐ

คือ มีความหมายว่าอำนาจสูงสุดอยู่ที่ฝ่ายตุลาการ หรืออยู่ที่ฝ่ายกฎหมายที่จะใช้ขจัดฝ่ายตรงข้ามหรือรัฐบาลที่ไม่พึงประสงค์ (อย่างนายสมัครและนายสมชาย) ออกไป

เราก็มาถึงจุดนี้ของการที่มีรัฐบาลชุดของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ  ผล ของมันก็คือทำให้ “ม็อบเสื้อแดง” เติบโตอย่างรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ นำมาซึ่งวิกฤตการณ์และความปั่นป่วนของบ้านเมืองต่อเนื่องอย่างที่เราเห็น ทั้งในเหตุการณ์ “สงกรานต์เลือด” ปี 2552 หรือทั้งเหตุการณ์ “เมษา-พฤษภาอำมหิต” ปี 2553

ฉะนั้น แปลว่า ในปี 2549 ทำรัฐประหารยึดอำนาจ ในปี 2550 มีรัฐธรรมนูญฉบับ “หมกเม็ด” ต่อมาในปี 2551 มีการเลือกตั้งตามมาด้วยสภาพ “อนาธิปไตย” ในปี 2552 เกิด “สงกรานต์เลือด” และในปี 2553 เกิด “เมษา-พฤษภาอำมหิต” เป็นกระบวนการยาวเหยียด

เราก็มาถึง ณ ตรงนี้ ซึ่งถ้ามองในแง่ประวัติศาสตร์ในช่วง 4 ปี ก็มีแต่เลวร้ายลงทุกที ไม่ใช่ถอยหลังอย่างเดียว แต่มันดิ่งลงใน “หลุมดำทางการเมือง” ซึ่งหลุมนี้มันจะ “ดูด” ทุกสิ่งทุกอย่างให้จมดิ่งลงไปหมด...


และถ้าคุณ Midoh Ban อยากรู้ความหมายของคำว่าอำมาตย์ ผมขอแนะนำให้คุณ Midoh Ban ไปหาอ่านคำนิยามได้ที่สมุดปกขาวของนายโรเบิร์ต อัมเตอร์ดัมส์ ในมุมมองของนักกฎหมายชาวต่างชาติ ซึ่งที่จริงคุณ Midoh Ban สามารถเปิดพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานคุณ Midoh Ban ก็น่าจะพบความหมายที่ต้องการรู้ครับ ก็ขนาดการตัดสินคดีอดีตนายกฯสมัครยังใช้พจนานุกรมเป็นตัวช่วยเลย ถ้าคุณ Midoh Ban อยากรู้ความหมายอะไรเพิ่มเติม ผมก็แนะนำให้ใช้พจนานุกรมนี่ล่ะหาความหมายดีที่สุด

ปล. กระทู้คุณมัสแตง กับคุณarpond2518 หายบ่อยจัง ผมกลัวคนมาอ่านกระทู้ผมแล้วจะอ่านไม่เข้าใจ ต้นฉบับกระทู้ของคุณมัสแตงกับคุณ arpond2518 ผมก็ไม่ได้เซฟเก็บไว้ เรื่องสาเหตุกระทู้หาย ถ้าให้ผมเดาผมคิดว่ากระทู้ของทั้ง 2 คนน่าจะถูกแจ้งลบด้วยข้อหาบิดเบือน

จากคุณ : สิงห์สนามหลวง
เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 01:43:40 A:58.8.201.148 X:



ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com