ถ้าจะไม่พูดถึงเรื่องของดาราบ้าง เดี๋ยวจะหาว่าผมตกข่าว

ความจริงผมก็ไม่ค่อยจะสนใจข่าวพวกนี้เลย แต่ช่วยไม่ได้ เพราะรู้สึกว่าดังเหลือเกิน ทั้งๆที่ความจริงเป็นเรื่องของคนแค่สองคน เพียงแต่มีบุคคลที่สาม,สี่,ห้าฯลฯ เข้ามาเกี่ยวข้อง เลยทำให้เรื่องบานปลายจนเป็นที่สนใจของประชาชน ทั้งๆที่มีเรื่องที่หนักหนาสาหัสกว่านี้พึ่งเกิดขึ้นมาไม่กี่เดือน มีผลกระทบกับคนหมู่มาก กลับไม่มีใครใส่ใจ หรือว่าสังคมไทยจะกลับกลายเป็นเช่นนี้แล้วหรือครับ แล้วผมมาเขียนทำไมในห้องการเมือง มีหลายคนคงสงสัย ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมแค่คิดของผมไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้นเองครับ มูลเหตุของเรื่องนี่มีตัวละครจริงๆก็แค่ 4 คนเท่านั้นเอง

เจ้าของบริษัท หรือผู้บริหารบริษัท ก็แค่ต้องการรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง ก็เลยออกมาแถลงข่าว จะบิดเบือนหรือไม่ ผมก็ไม่ทราบได้ แต่ว่าการกระทำดังกล่าวก็เป็นการทำลายอนาคตของชีวิตผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งก็เป็นเรื่องสมควรอยู่ ที่ทุกฝ่ายออกมารุมประณาม และยังมีหน่วยงานหลายหน่วยที่ต้องการฟ้องร้องฐานหมิ่นประมาท ใช่ต้องการเกาะกระแสกับความลำบากของคนอื่น เพื่อให้ตัวเองดังหรือไม่ ผมก็ไม่รู้อีก
ในขณะเดียวกัน เมื่อหลายเดือนก่อนจนกระทั่งปัจจุบันนี้ มีคนกลุ่มใหญ่ถูกผู้มีอำนาจออกข่าวแทบจะทุกสื่อฯว่าเป็นผู้ก่อการร้าย ซึ่งเป็นข้อหาที่ร้ายแรงกว่าหลายเท่านัก ทั้งๆที่ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัด อีกทั้งปิดปากไม่ให้ผู้ถูกกล่าวหาได้มีโอกาสชี้แจง สังคมกลับเงียบกริบ ถูกละเมิดสิทธิมากมาย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ไม่เคยสนใจ มันเป็นอะไรไปแล้วครับกับประเทศนี้

ดาราชายคนหนึ่งไปยุ่งเกี่ยวกับดาราหญิงคนหนึ่ง จนตั้งท้อง ก็ออกมาพูดผ่านสื่อฯว่า ให้ญาติพี่น้องส่งเสียดูแลมาตลอด ส่วนลูกในท้องต้องพิสูจน์ดีเอ็นเอเสียก่อน จึงจะยอมรับ นั่นคงคิดว่าเป็นการแสดงความรับผิดชอบอย่างเต็มที่แล้วสินะ และเพราะดาราหญิงคนนั้นอาจจะยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายคนอื่นๆ ทำให้ดาราคนนี้ยังได้รับการอภัยจากต้นสังกัด ให้ทำงานต่อไปได้
ในขณะเดียวกัน คนเสื้อแดงที่ต้องสูญเสียชีวิตและบาดเจ็บมากมาย แต่เป็นเพราะมีรูปถ่ายคนใส่เสื้อดำ 4-5 คน ดังนั้นคนสั่งการจึงไม่ต้องรับผิดชอบกับการสูญเสียในครั้งนั้น และก็ยังมีความชอบธรรมในการบริหารประเทศ โดยที่ประชาชนไม่มีใครออกมาคัดค้าน สังคมไม่เคยต้องการข้อเท็จจริงในเรื่องที่เกิดขึ้น เพียงแค่ได้รับการบอกเล่าจากเจ้าหน้าที่ของรัฐเพียงฝ่ายเดียวก็พอใจแล้วอย่างนั้นหรือครับ

ดาราหญิงคนหนึ่งเป็นเพราะเชื่อใจในผู้ชายคนหนึ่ง จนต้องตั้งท้องและคลอดลูกแต่เพียงลำพัง ชีวิตต้องทนทุกข์ลำบาก ทำงานก็ไม่ได้ พบปะผู้คนก็ไม่ได้ และเมื่อต้องออกมาชี้แจง เพื่อปกป้องชื่อเสียงของตนและลูก กลับถูกผู้มีบารมีออกสื่อฯประจาน ชีวิตกลับต้องลำบากเพิ่มมากขึ้น และอนาคตของลูกเธอ ต้องพบกับอะไรอีกบ้าง ถ้าความจริงในเรื่องนี้ไม่กระจ่าง นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหยื่อที่ต้องตกอยู่ภายใต้ความลำเค็ญ เพื่อสนองกับธุรกิจไม่ว่าจากต้นสังกัดของดาราชายหรือจากสื่อฯต่างๆ
ในขณะเดียวกัน คนรากหญ้าที่มีกำลังจะมีอนาคตที่สดใสขึ้น กลับมาถูกคนกลุ่มหนึ่งที่อยากได้อำนาจร่วมกับสื่อสารมวลชนไร้จรรยาบรรณ ทำการบิดเบือนใส่ร้าย และครอบงำทางความคิดกับสังคม ที่มั่นใจว่าตัวเองฉลาดกว่า แล้วเยื้อแย่งอนาคตที่กำลังสดใสไป และเมื่อออกมาเรียกร้อง เพื่อปกป้องสิทธิของตัวเองที่ถูกแย่งชิงไป กลับได้รับการตอบแทนด้วยกำลัง จนเป็นเหตุให้เกิดความสูญเสียดังกล่าว สังคมกลับไม่ได้ให้ความสำคัญ สื่อฯกลับไม่ยอมนำเสนอข่าวสาร เพียงแค่บอกให้ปรองดองกันเถิด รักกันเถิด เพื่อให้ประเทศได้เดินหน้าต่อไป นี่คือความเป็นจริงที่สังคมไม่เคยคิดแม้แต่นิดเดียวว่า มีความเป็นธรรมให้กับคนกลุ่มนั้นแล้วหรือไม่?

แล้วสุดท้ายก็มาถึงเด็กตาดำๆที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเกมส์ชิงอำนาจเกมส์นี้ แต่ต้องได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง จะเป็นปมเขื่องที่คาใจต่อไปอีกนานแสนนาน เพียงเพราะผู้ชายคนหนึ่งที่กลัวว่าตัวเองจะสูญเสียผลประโยชน์ ประชาชนจะไม่รักหรือรักน้อยลง จนทำให้เหตุการณ์บานปลายขนาดนี้ นี่เป็นกรรมของเด็กคนนี้ควรได้รับจากคนที่อาจจะเป็นพ่ออย่างนั้นหรือครับ

จากคุณ	: ทวดเอง
เขียนเมื่อ	: 1 ต.ค. 53 13:44:27 A:183.89.93.119 X: