Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ใครต้องการอาศัยอยู่ในรัฐล้มเหลว…ยกมือขึ้น  

คือรัฐที่หัวหน้ารัฐบาลและคณะไม่สามารถแก้วิกฤตชาติได้ ไม่ว่าวิกฤตนั้นจะเกิดจากเศรษฐกิจ การเมือง การปกครองเช่นไม่สามารถสั่งราชการเพราะข้าราชการปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามคำสั่งหรือไม่ยอมสั่งราชการเมื่อเกิดวิกฤตชาติจากการจลาจลหรือการชุมนุมประท้วงที่ละเมิดสิทธิ์ประชาชนทั่วไปอย่างยืดเยื้อ จนลุกลามก่อความหายนะต่อประเทศชาติและประชาชนโดยรวมอย่างร้ายแรง เป็นต้น

ผลคือระบบนิติรัฐถูกทำลาย การบริหารหยุดชะงัก รัฐบาลใดถ้าต้องอยู่ในสภาวะเช่นที่ว่านี้ จะมีประชาชนคนใดอยากให้ดำรงในตำแหน่งมั้ยคะ?

ลองหวนกลับไปวิเคราะห์สถานะของรัฐบาลนายกอภิสิทธิ์เมื่อเดือนเมษายน – พฤษภาคม

การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงได้บุกยึดสี่แยกราชประสงค์ซึ่งนอกจากเป็นศูนย์กลางธุรกิจการค้าการท่องเที่ยวแล้วรอบบริเวณยังมีสถานพยาบาลใหญ่ของรัฐถึงสองแห่งซึ่งให้บริการด้านการแพทย์แก่ผู้ป่วยทั่วไปจำนวนมาก

ดังนั้นการชุมนุมยืดเยื้อยาวนานในบริเวณนี้จึงก่อความเสียหายร้ายแรงกับเศรษฐกิจชาติและธุรกิจเอกชนตั้งแต่ระดับใหญ่จนถึงรากหญ้าไม่เพียงแต่ในกรุงเทพฯเท่านั้น แต่รวมถึงธุรกิจท่องเที่ยวทั่วประเทศอีกด้วย

แถมยังซ้ำเติมด้วยความเดือดร้อนของผู้ป่วยที่จำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาจากแพทย์ในสองโรงพยาบาลที่กล่าวถึงอีกต่างหาก

รัฐบาลต้องเป็นรัฐบาลของประชาชนทั้งประเทศ นโยบายและการบริหารการปกครองจะต้องเป็นไปในแนวทางบำบัดทุกข์บำรุงสุขของประชาชนโดยรวม ไม่ใช่ตอบสนองแต่เฉพาะกลุ่มผู้เรียกร้องที่มีศักยภาพในการระดมประชาชนฝ่ายตนมาแสดงพลังเท่านั้น

เมื่อเป็นที่ชัดเจนว่ากลุ่มคนเสื้อแดงไม่ใช่ตัวแทนของประชาชนทั้งประเทศ การชุมนุมยืดเยื้อที่นอกจากจะละเมิดสิทธิ์และก่อความหายนะด้านเศรษฐกิจครัวเรือนของกลุ่มประชาชนราชประสงค์และข้างเคียงแล้ว ถ้ายังปล่อยให้ยืดเยื้อต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด ผลร้ายจะตกอยู่กับประชาชนทั้งประเทศ ซึ่งก็แน่นอนว่ากลุ่มคนเสื้อแดงเอง น่าจะได้รับผลร้ายมากกว่าใคร

กลุ่มคนเสื้อแดงมักตั้งคำถามอยู่ซ้ำๆว่า ก็แค่ขอให้นายกฯยุบสภาคืนอำนาจให้กับประชาชนเพื่อเลือกตั้งใหม่ ทำไมถึงไม่ยินยอม

คำตอบอยู่ที่ข้อความในย่อหน้าข้างต้นค่ะ เพราะความต้องการของกลุ่มคนเสื้อแดงไม่ใช่เจตจำนงของประชาชนทั้งประเทศ รัฐบาลต้องบริหารภายใต้ความขัดแย้งนี้ เพราะการสนองความต้องการของกลุ่มคนเสื้อแดงกลับไปขัดความต้องการของกลุ่มอื่นๆ ผู้บริหารที่มีความสามารถคงไม่ใช้วิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการสร้างปัญหาใหม่ขึ้นมาแทนใช่มั้ยคะ

และที่สำคัญ คงยังไม่ลืมกันว่า สังคมเริ่มเบื่อหน่ายหมดความอดทนกับความเครียดจากการถูกละเมิดสิทธิ์ หมดความอดทนกับปัญหาเศรษฐกิจที่รุมเร้าจากการขาดรายได้ จึงพากดดันรัฐบาล(แม้กระทั่งสื่อ)ให้รักษาระบบนิติรัฐ เริ่มส่งเสียงดังขึ้นเรื่อยๆว่า ถ้ารัฐบาลไม่สามารถคืนความสงบให้กับบ้านเมืองได้ จงพิจารณาตนเองให้พ้นจากตำแหน่งไป

จึงในที่สุดก็เป็นรัฐบาลเอง ที่ขอเปิดทางเจรจากับแกนนำเสื้อแดงเพื่อหาข้อยุติที่เป็นไปได้สำหรับทุกฝ่าย แต่ก็น่าเสียใจที่แกนนำเสื้อแดงส่วนใหญ่ปฏิเสธ ทำให้แกนนำส่วนน้อยที่เข้าใจถึงสถานการณ์ มองการณ์ไกล ไม่เห็นด้วยกับแกนนำฮาร์ดคอร์ จึงตัดสินใจยุติการมีส่วนร่วมด้วยการแยกตัวออกไป

ท้ายที่สุดเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า การตัดสินใจของแกนนำเสื้อแดงผิดพลาดมหันต์ จากการล้มโต๊ะเจรจาและนำกลุ่มผู้ชุมนุมเผชิญหน้าท้าทายอำนาจรัฐต่อไป

ภายหลังการปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับประชาชนเสื้อแดงที่รุกออกจากพื้นที่ราชประสงค์โดยรอบ 1-2 กิโลเมตร เป็นการเผชิญหน้าที่ทำให้มีผู้บาดเจ็บนับพันและเสียชีวิตเกือบร้อย

ในที่สุดแกนนำได้ประกาศสลายการชุมนุมโดยอ้างเหตุผลเพื่อรักษาชีวิตของผู้ชุมนุม

แต่ก็สายเกินไปเพราะเหตุผู้ชุมนุมกลุ่มฮาร์ดคอร์ซึ่งมุ่งมั่นในการต่อสู้ไม่สามารถปรับใจให้รับการตัดสินใจกะทันหันของแกนนำได้ การสั่งสลายการชุมนุมของแกนนำจึงไม่ราบลื่นเหมือนเหตุการณ์เมษายนปี 2552

เหตุเผาบ้านเผาเมืองลุกลามทั้งกรุงเทพและต่างจังหวัดคือผลที่ตามมา ความเสียหายเป็นที่ทราบกันดี ไม่จำเป็นต้องเอ่ยซ้ำในที่นี้ค่ะ

ดังนั้นพวกเราในฐานะประชาชนคนไทยควรนำเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาเป็นบทเรียนของเราและสำหรับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องหรือไม่

ระบอบประชาธิปไตยขั้นพื้นฐานคือการยอมรับความเห็นต่าง รักษาสิทธิส่วนตน แต่ต้องเคารพสิทธิของผู้อื่นด้วย

แต่เนื่องจากมนุษย์มักจะเห็นแก่ประโยชน์ตนโดยธรรมชาติ การเบียดบังผู้อื่นเพื่อสัมฤทธิ์เป้าประสงค์ส่วนตนจึงเกิดขึ้นเสมอ โดยเฉพาะในสนามการต่อสู้

ระบอบนิติรัฐจึงมีความสำคัญในการรักษาความสงบเรียบร้อยในสังคม เพราะท้ายที่สุดแล้วย่อมไม่มีประชาชนคนใดต้องการอาศัยอยู่ในรัฐล้มเหลวอย่างแน่นอน!

 

 

ขอฝากข้อความค่ะ

สำหรับคุณนพนครพิงค์ และคุณทวดเอง ไม่ได้ตอบโดยตรงคงไม่ว่ากัน เพราะอย่างที่ทราบความคิดเราต่างกัน มุมมองของเราย่อมต่างกันด้วย เราได้แสดงความคิดเห็นของเราแล้ว ก็น่าจะเพียงพอแล้วสำหรับการอภิปรายประเด็นในกระทู้นั้น

สำหรับคุณมูลมัง เสียใจค่ะ ที่ทำให้หงุดหงิด ก็แหม..คุณมูลมังไม่บอกกฎเกณฑ์ไว้ก่อนนี่คะ ถ้ามีเงือนไขแสดงไว้…คงไม่ต้องเสียเวลาโต้ตอบกันหรอกคะ 

จากคุณ : โพ้นฟ้า
เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 53 20:23:53 A:202.176.138.124 X:



ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com