ธรรมชาติออกแบบให้มนุษย์ต้องรวมกลุ่มกันเป็นสัตว์สังคม วิวัฒนาการของสังคมย่อมมีความแตกต่างกันไปตามสิ่งแวดล้อมตามความอุดมสมบูรณ์ที่ธรรมชาติมอบให้ สังคมมนุษย์ก็คงเหมือนสังคมสัตว์ทั่วๆไปที่ต้องการปัจจัยต่อการดำรงชีวิตให้ถึงพร้อมถึงความต้องการ ในเบื้องต้นคือหิวก็ต้องทำให้อิ่ม ไม่ปลอดภัยก็ต้องมีสิ่งยึดเหนี่ยวให้ตนเองเกิดความรู้สึกปลอดภัย และจะทำให้สมบูรณ์ในเรื่องดังกล่าวได้ก็ต้องมีการจัดตั้งหน่วยหรือองค์กรของสังคมนั้นให้มีความแข็งแกร่ง ฉลาดหลักแหลมที่จะเอาชนะสิ่งต่างๆเพื่อให้ได้รับสิ่งสนองตอบตามที่กลุ่มตนต้องการ
ปรัชญาของการปกครองก็เริ่มขึ้นจาก ณ จุดนี้ ทุกสังคมก็ต้องการร่มเงาแห่งระบอบที่จะทำให้พวกเขากินอิ่ม นอนอุ่น มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ร่มเงาใดที่สะท้อนถึงสิ่งสนองตอบดังกล่าวได้ ร่มเงานั้นก็คือระบอบการปกครองที่สมบูรณ์ถูกต้องถูกทาง เป็นภาคผลผลิตที่สังคมจับต้องได้สามารถสนองตอบความต้องการของคนในชาติได้อย่างแท้จริง
ทำไมเราไม่เอาภาคผลผลิตมาเป็นเป้าหมายในการดำเนินการ ทุกวันนี้กลับไปแบกหามกระบวนการว่าเป็นเป้าหมายอันศักดิ์สิทธิ กล่าวคือแค่ขอให้มีแค่การเลือกตั้ง ผิดจากนั้นแล้วคือระบอบการเมืองที่ล้มละลาย โดยไม่สนใจว่ารูปลักษณ์ของการเลือกตั้งมันจะเน่าเหม็นเป็นเช่นใด มีทั้งการใช้เงินเข้าทุ่มหว่านเพื่อคะแนนเสียง การใช้อิทธิพลในท้องถิ่น การใช้ยุทธวิธีการเข้าถึงกิเลสคน เพื่อลากจูงให้เกิดภาพลักษณ์ที่ผิดๆว่าถ้าผ่านการเลือกตั้งแล้วพวกตนคือคนดีศรีสังคม เป็นตัวแทนของประชาชนแล้วจะเข้าไปทำอะไรก็ได้ กลายเป็นว่าประชาชนเป็นใหญ่ ไม่ใช่ ผลประโยชน์ของประชาชนเป็นใหญ่.....สุดท้ายก็รวยเอาๆ ทั้งเครือญาติและเครือบริวาร สร้างวาระขี้ฉ้อจอมบิดเบือน ให้ผู้คนในสังคมที่รู้ทันและไม่เห็นด้วยออกมาขับไล่กันไม่รู้จบ รุ่นแล้วรุ่นเล่า บ้านเมืองก็ลุกเป็นไฟกันอย่างที่เห็น
ระบอบประชาธิปไตย...ควรนำเอาภาคผลผลิตมาเป็นตัวชี้วัดไม่ใช่ตัวกระบวนการ....ประชาธิปไตยที่แท้จริงร่มเงาของระบอบจะต้องสะท้อนถึงก้อนอำนาจที่บริหารโดยผ่านความเห็นชอบจากประชาชน และนำความสุขสงบร่มเย็นมาสู่ประชาสังคม ภาคผลผลิตที่ควรได้เห็นคือได้อยู่ในสังคมที่กินอิ่ม นอนอุ่น ผู้คนมีเสรีภาพ เสมอภาค ภารดรภาพ ภายใต้กรอบแห่งกฎหมายที่ต้องเคารพร่วมกันอย่างเคร่งครัด.
การพิจารณาถึงคำว่าประชาธิปไตยจึงมิใช่เพียงแค่การเลือกตั้ง ควรจะดูให้ครบทั้งองค์โดยเฉพาะบทบาทที่สะท้อนถึงภาคผลผลิตของความมีเสรีภาพ เสมอภาค และกระบวนการตรวจสอบการใช้อำนาจ กระบวนการภาคประชาชนที่อยู่ภายใต้กรอบแห่งกฎหมายต่างหากที่เป็นหน่วยส่งเสริมระบอบประชาธิปไตยในภาคผลผลิตที่สำคัญ วงจรอุบาศก์ที่ผ่านเข้ามาในระบอบการเมืองไทยหลายต่อหลายครั้งมันเกิดมาได้ก็เพราะมันมีเงื่อนไขที่ทำให้มันเกิด หากนักการเมืองไม่ชั่ว ประชาชนรู้จักแยกแยะถูกผิดชั่วเลว และไม่ออกมาสนับสนุนการใช้อำนาจในทางมิชอบเหล่านั้น คงยากที่จะมีคนคิดไม่ดีชี้นำด้วยการเอาอำนาจนอกระบบมาจัดระเบียบการเมืองไทย
ใช่ว่าจะเห็นด้วยกับการใช้อำนาจนอกระบบเหล่านั้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าทั้งกลุ่มอำนาจนอกระบบ ทั้งนักการเมืองและเครือบริวารทางการเมือง รวมไปถึงประชาชนที่เห็นแก่อามิสสินจ้างเพียงเล็กน้อยแลกกับคะแนนเสียง ต่างก็คือชนวนเหตุของไฟสงครามที่กำลังก่อตัวทะมึนดำอยู่ในสังคมไทยในขณะนี้