คุณโพ้นฟ้าโปรยหัวกระทู้ว่า"มาตรวจสุขภาพประเทศไทยดีกว่า" แต่พอเริ่มต้นก็ตำหนิ ดร.โกร่ง เสียแล้วว่ามาตวาดธปท.ซึ่งเป็นระดับลูกศิษย์ลูกหาที่เคยสั่งสอนกันมา ถ้าคุณโพ้นฟ้าจะเปรียบเทียบประเทศไทยเป็นคนไข้ เพราะฉะนั้นบุคคลที่กล่าวถึงก็น่าจะเปรียบเป็นหมอรักษาไข้ และโรคที่กล่าวถึงคือ"โรคเงินบาทแข็งค่า" พร้อมทั้งยกตัวเลขต่างๆมาสาธยาย ทั้ง GDP ,ผลประกอบการเอกชน ,การจัดเก็บรายได้ พร้อมทั้งดัชนีความเชื่อมั่นในด้านต่าง ๆ มาอ้างอิงเสียยืดยาว เพียงแต่เริ่มต้น คุณก็เข้าข้างคนไข้เสียแล้ว ถ้ายังขืนดันทุรังต่อไปผมว่าคนไข้คงตายคาเขียงเสียมากกว่า
ถ้าจะเปรียบคุณในขณะนี้ก็ไม่ผิดอะไรกับคุณเป็นเพียง"ญาติของคนไข้" ซึ่งกำลังชื่นชมกับตัวเลขที่สวยหรูของรายการตรวจ ความดันโลหิต การเต้นของหัวใจ ระดับน้ำตาลในเลือด ระดับไขมันในเลือด ที่หมอ"อินเทร์น"เจ้าของไข้เอามาให้คุณดู แล้วคุณก็เอามาแย้งกับหมอใหญ่ ซึ่งเป็น"หมอเฉพาะทาง"ซึ่งเป็นกูรูของโรคเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยเฉพาะ เขาย่อมวิเคราะห์โรคได้ลึกซึ้งกว่าหมออินเทอร์นที่เพิ่งจบมาใหม่ ๆอย่างแน่นอน อย่างน้อยก็ต้องฉุกคิด หยุดฟังไว้บ้าง เพื่อความไม่ประมาท เพราะโรคนี้คนไข้เคยช็อคเลือดไหลไม่หยุดมาแล้ว (19 ธันวาคา 2549 หุ้นตก วันเดียว 100 กว่าจุด) เพราะหมอ ธาริษาให้ยาผิด เพียงวันเดียวเลือดไหลเกือบหมดตัว แล้วจำกันได้ไหม ว่าใครที่ยังชมว่า คุณธาริษาทำถูกต้องแล้ว
แต่คุณกลับตำหนิหมอเฉพาะทางเสียออกจากห้องแทบไม่ทัน เพราะเชื่อตัวเลขสวยหรูเหล่านั้น
วันนี้คุณโทษว่าเพราะเศรษฐกิจโลก ปัญหาของค่าเงินเกิดขึ้นทั่วโลกเหมือนกันหมด แล้วก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามกลไกของตลาดโลกเช่นเดียวกับที่นาย ก มาร์คคิด โดยไม่ยอมแก้ไขและฟังคำทัดทานใด ๆ จากใคร ถ้าปัญหาค่าเงินมันกลับมาอ่อนตัวลง ก็ขอให้ยอมรับว่ามันไม่ใช่ฝีมือของใครก็แล้วกัน อย่าให้เหมือนกับสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำเมื่อปีกลายนี้ เวลาเศรษฐกิจตกต่ำก็อ้างว่าเป็นเพราะเศรษฐกิจทั่วโลกตกต่ำ แต่พอเศรษฐกิจฟื้น กลับขโมยซีนว่าเป็นฝีมือมาร์ค เสียนี่ แต่แท้จริงแล้วมาร์คไม่ได้ทำอะไรเลย นอกจากพูด ๆ ๆ แล้วก็พูดอย่างเดียว