การเมืองไทยในหลายยุคหลายสมัยเป็นประวัติศาสตร์และกรณีศึกษาที่น่าจดจำ ทั้งนี้รวมถึงนักการเมืองที่บทบาทของหลาย ๆ คนถูกบันทึกไว้เพื่อเป็นกรณีศึกษาในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย บ้างเป็นสีสัน บ้างเป็นตำนาน บ้างเป็นบทเรียนให้ศึกษา และบ้างเป็นความอัปยศ

ในแต่ละช่วงของรอยต่อและการเปลี่ยนผ่านที่สำคัญทางการเมือง มักจะมีนักการเมืองที่บทบาทโดดเด่นให้เราได้ศึกษาเสมอ

และนักการเมืองที่มีบทบาทและเป็นตัวแปรที่สำคัญทางการเมืองในปัจจุบันคงหนีไม่พ้นชายที่ชื่อ "เนวิน ชิดชอบ"

เนวิน ชิดชอบ ทายาทของนักการเมืองรุ่นเดอะ ชัย ชิดชอบ (ซึ่งเป็นผู้หนึ่งที่ถอนชื่อจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจพลเอกเปรม จนทำให้การยื่นญัตติต้องล่มไปในนาทีสุดท้ายและถูกพรรคต้นสังกัดขับไล่รวมถึงโดนสังคมประณามอย่างกว้างขวางในเวลานั้น) นักการเมืองหนุ่มที่แจ้งเกิดจากลีลาการอภิปรายที่เผ็ดร้อน เน้นเสียดสี เยาะเย้ยเรื่องส่วนตัวควบคู่ไปกับเนื้อหาการอภิปราย (ยก ตย. เสียดสี พันเอกวินัย ว่าเคยเป็นหัวหน้ายาม และอีกมากมาย) และที่สำคัญเป็นหนึ่งในกลุ่มนักการเมืองหนุ่มที่บทบาทโดดเด่นในเวลานั้นที่เรียกกันว่า "กลุ่ม 16"

ถึงแม้ว่า เนวิน จะมีการสไตล์การอภิปรายที่ร้อนแรง แต่ภาพพจน์ของเขาและกลุ่มเพื่อนต่อสังคมก็มัวหมองยิ่ง และเมื่อตอกย้ำด้วยกรณีฉาวโฉ่ อาทิเช่น หนี้เน่าบีบีซี , การจับการซื้อเสียงได้ที่บุรีรัมย์ ทำให้ภาพพจน์ของ เนวิน ถึงขั้น "เน่าสนิท" ดูได้จากเมื่อนักการเมืองฝีปากกล้าอย่างนายปิยะณัฐ วัชราภรณ์ ออกมาด่ากลุ่ม 16 ว่า "พวกขี้เรื้อนหางด้วน" ชาวบ้านชาวช่องต่างโห่ร้องเห็นด้วยกันทั่วหน้า หรือเมื่อสมัยรัฐบาลบรรหาร เพียงแค่เนวินเดินเข้าไปตลาดหุ้นเท่านั้นหุ้นถึงกับตกกราวรูด เน่าขนาดไหนก็คิดดู ทั้งนี้ฉายา "ยี้ห้อยร้อยยี่สิบ" คงจะเป็นการการันตีภาพพจน์ของชายผู้นี้ได้เป็นอย่างดี

ภายหลังเหตุการณ์เหล่านี้ เนวิน ได้เปลี่ยนบทบาทและพยายามสร้างภาพพจน์ใหม่ ด้วยการเก็บตัวและสงวนท่าทีโดยการไม่ออกมาเป็นข่าวและตั้งหน้าตั้งตาทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการได้โอกาสจากทักษิณ ชินวัตร มอบหมายงานสำคัญ ๆ ให้หลายงานด้วยกัน

ณ.เวลานั้นเริ่มมีเสียงกล่าวขานในทางทีดีถึงเนวินเพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ ทั้งจากเพื่อนร่วมงาน ข้าราชการ และประชาชนทั่วไป ถึงความเป็นคนตั้งใจทำงานและทุ่มเท ทั้งนี้เพราะนายกรัฐมนตรีในเวลานั้นเป็นผู้หยิบยื่นโอกาสให้ และเขาก็ใช้เวลาของการหลบเลียแผลกอบกู้ภาพพจน์ของตนเองมาได้ในระดับหนึ่ง

จากนักการเมืองที่มีภาพพจน์ติดลบสุด ๆ เขากำลังจะพัฒนาและก้าวไปสู่การเป็นนักการเมืองที่มีแฟนคลับ (นักการเมืองหรือพรรคการเมืองที่ยิ่งใหญ่และเป็นตำนาน ต้องเป็นนักการเมืองที่แฟนคลับ ยก ต.ย. ทักษิณ ชินวัตร ถึงจะมีคนเกลียดจำนวนไม่น้อยแต่ก็มีแฟนคลับจำนวนมหาศาล หรือ พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งมีคนรังเกียจจำนวนมากมายแต่ก็มีแฟนพันธุ์แท้อยู่เยอะเหมือนกัน)

แต่ทุกสิ่งกลับผลิกผันอย่างสิ้นเชิงเมื่อเนวินตัดสินใจเปลี่ยนขั้วแบบฟ้าผ่า

การเปลี่ยนขั้วของเนวินและพวก นอกจากจะเป็นการเปลี่ยนโฉมหน้าทางเมืองแล้ว ยังเป็นการเปลี่ยนแปลงอนาคตทางการเมืองของตัวเขาเองอีกด้วย

ถ้าเนวินตัดสินใจแยกตัวอย่างองอาจแบบพรรคเพื่อแผ่นดิน หรือกลุ่มทางการเมืองหลายกลุ่มที่แยกตัวก่อนหน้านั้นก็คงไม่กระไรนัก เพราะเป็นการเปิดเผยตรงไปตรงมาเล่นกันซึ่งหน้า แต่นี่เขาใช้วิธีที่เรียกได้ว่า "หักหลัง" หรือ "งูเห่า" ซึ่งทำให้อนาคตทางการเมืองของเขามาถึงทางแพร่งที่น่าจับตามอง

เราไม่อาจทราบแรงจูงใจที่แท้จริงที่ทำให้เขาตัดสินใจเช่นนี้ อาจจะเป็นเพราะโควต้ากระทรวงใหญ่ ๆ , การผลักดันนโยบายหรือทำอะไรได้ถนัดมือโดยไม่ต้องติดขัดกับกลุ่มก๊วนบิ๊ก ๆ ในพรรคที่มีบุคลากรคับคั่งอย่างพลังประชาชน , หรือการเป็นอิสระโดยไม่ต้องรอการตัดสินใจหรือมีนายคอยจับตามอง ฯลฯ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามได้ส่งผลให้บทบาททางการเมืองของ เนวิน ชิดชอบ จากนี้และอนาคตต้องเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง

ซึ่งนั้นเป็นสิ่งที่น่าจับตามองเพื่อนำมาเป็นกรณีศึกษาอย่างยิ่ง

ภายหลังการเปลี่ยนขั้ว

---  ภูมิใจไทยได้โควต้ากระทรวงใหญ่ ๆ เกินกว่าพรรคที่มีจำนวน ส.ส.เพียง 30 กว่าคนพึงจะได้มากมายนัก

--- ภูมิใจไทยมีนโยบายและพฤติกรรมการบริหารงานเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในสังคม

--- เนวิน ชิดชอบ ได้แสดงความทุ่มเทและกระตือรือล้นในการตอบโต้ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์อย่างถึงลูกถึงคน อาทิเช่น การแถลงการณ์ตอบโต้พรรคเพื่อไทยหลายกรรมหลายวาระ , การมีส่วนร่วมในเหตุการณ์การประท้วงของคนเสื้อแดงและเสื้อน้ำเงินที่พัทยา , การร่วมเป็นวอร์รูมของรัฐบาล

สิ่งที่น่าจับตามองต่อไป

--- การเลือกตั้งในพื้นที่อีสานซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของภูมิใจไทย ซึ่งน่าจับตาเป็นอย่างยิ่งว่า พรรคการเมืองที่ร่วมกับรัฐบาลที่สั่งสลายการชุมชนจนส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก (จะขอยกไว้ยังไม่กล่าวในที่นี้ว่าใครถูกใครผิด) ซึ่งส่วนใหญ่น่าจะเป็นพี่น้องชาวอีสาน ยังจะได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องในภาคอีสานอยู่หรือไม่  ... ผลจะออกมาเช่นไรต้องติดตามกันต่อไป

--- พรรคภูมิใจไทยจะต้องอยู่ในสภาพนั่งร้านที่ถูกรื้อทิ้งหรือไม่ เพราะจากท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งดูจะหมดความอดทนและไม่อินังขังขอบกับภูมิใจไทยมากขึ้นทุกที

ไม่ว่าจะเป็นข่าวการติดต่อพรรคเพื่อแผ่นดินเข้าร่วมรัฐบาล , หรือคำสัมภาษณ์ของนายกฯที่ไม่ไว้หน้าพรรคภูมิใจไทยแม้แต้น้อย

“ ทีนี้ตนก็ไม่ทราบว่าชอบมีแหล่งข่าวให้สัมภาษณ์จริงเท็จไม่ทราบว่าเป็นพรรคร่วมและอึดอัดอย่างนั้นอย่างนี้ ตนก็ฝากบอกว่าถ้าอึดอัดก็ขอให้บอกมาอย่างเป็นทางการ จะปรับออกให้ ถ้าอึดอัดก็ไม่ต้องอยู่ด้วยกัน ถ้าจะอยู่ด้วยกันต้องทำกติการ่วมกันของรัฐบาล ” นายกรัฐมนตรี กล่าว

หัวหน้ารัฐบาลพูดถึงขนาดนี้ แม้แต่นักการเมืองเขี้ยวลากดินที่ขึ้นชื่อว่าผลประโยชน์ต้องมาก่อนอย่าง นายบรรหาร , มนตรี พงษ์พาณิช , ทวิช กลิ่นประทุม เจอเข้าแบบนี้ก็ไม่ทู้ซึ้อยู่แน่นอน เพราะคนเหล่านี้แม้ขึ้นชื่อว่าเขี้ยวแต่ก็มีศักดิ์ศรี

ก็ไม่ทราบว่านายเนวินเมื่อได้ฟังคำพูดเช่นนี้ทำไมถึงมีหน้าทนอยู่ได้

ดังนั้นภายหลังการลงทุนมหาศาลถึงกับยอมพลิกบทบาททางการเมือง , ยอมเสียภาพลักษณ์อนาคตนักการเมืองที่มีแฟนคลับไปสู่กลุ่มผลประโยชน์ ฯลฯ เนวินและพรรคจะตกอยู่ในสภาพ ถูกถีบหัว(เรือ)ส่ง หรือไม่ 

นั่นเป็นสิ่งที่น่าจับตามอง

แก้ไขเมื่อ 17 ต.ค. 53 23:24:32

แก้ไขเมื่อ 17 ต.ค. 53 22:53:47