ไม่รู้มีใครคิดอย่างผมบ้างหรือเปล่า

สาเหตุของการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยที่เป็นไปด้วยความล่าช้าจากหน่วยงานของรัฐ ซึ่งดูแล้วว่าการทำงานล่าช้าไม่ทันการ สู้การทำงานของเอกชนไม่ได้ ทั้งที่ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง อาจจะเป็นเพราะว่า

ผู้นำที่ขาดวุฒิภาวะของการเป็นผู้นำ ไม่สามารถแก้ไขในสถานการณ์ที่ฉุกเฉินได้

รัฐบาลที่เป็นแกนนำ กลับมอบกระทรวงสำคัญเช่น กระทรวงมหาดไทยไปให้กับพรรคร่วม ซึ่งมีหน้าที่สำคัญอย่างมากเกี่ยวกับงานนี้ ทำให้บทบาทของกระทรวงนี้น้อยจนถึงน้อยมาก ทั้งที่ก่อนหน้าโน้น ยังเห็นพี่จิ้นไปช่วยดำนาอยู่เลย แต่ตอนนี้หายจ้อย

รัฐมนตรีคมนาคม ก็ดูแลได้แต่ถนนปลอดฝุ่น พอเจอถนนน้ำท่วมก็เลยไปไม่เป็นเหมือนกัน

ศอฉ.ก็นั่งกินงบอยู่แต่ในกรุงเทพ ทั้งที่ตอนนี้ไม่มีอะไรฉุกเฉินเท่ากับน้ำท่วม

แต่สาเหตุที่สำคัญในความเห็นผมกลับเป็นการโยกย้ายตำแหน่งสำคัญๆมากมายอย่างเช่น ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอหรือแม้กระทั่งในสตช.ก็ตาม ล้วนแต่เป็นการโยกย้ายเพียงหวังผลทางการเมือง ไม่ได้โยกย้ายเพื่อประโยชน์ของประชาชน ดังนั้นเราจึงเห็นการทำงานที่ไร้ประสิทธิภาพของหน่วยงานต่างๆ ก็เขาย้ายมาเพื่อให้มาดูแลเรื่องทางการเมืองนี่นา จะโทษก็ควรโทษผู้ที่โยกย้ายต่างหาก ที่ย้ายตำแหน่งไม่เหมาะสมกับงาน นี่ก็คือผลไม้พิษที่เกิดจากต้นไม้พิษของรัฐธรรมนูญปี 50 ครับ การเมืองอ่อนแอ การตรวจสอบเลือกข้าง แล้วจะหวังให้มีประสิทธิภาพในการทำงานของรัฐได้อย่างไร

จากเหตุการณ์ครั้งนี้ยิ่งทำให้ผมคิดถึงคุณทักษิณเป็นทวีคูณ เราละทิ้งนายกฯที่ทุ่มเทให้กับประชาชน เพื่อให้ได้นายกฯแบบนี้หรือครับ

สมัยคุณทักษิณ เจอโรคซาร์ส พาคณะรัฐมนตรีไปสนามบินโดยไม่สวมหน้ากาก เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศว่า โรคซาร์สไม่สามารถติดต่อทางอากาศ อีกทั้งยังสามารถสกัดโรคได้อย่างฉับพลัน

สมัยปัจจุบันก็ได้แค่นั่งเรือท้องแบน โบกไม้โบกมือให้กับชาวบ้าน ท่ามกลางการอารักขาอย่างเข้มแข็ง

สมัยคุณทักษิณ ประชาชนไม่กล้ากินไก่และสัตว์ปีกเลย เพราะเกรงเรื่องไข้หวัดนก คุณทักษิณก็พาคณะออกมากินไก่ให้ชาวบ้านดู สร้างความเชื่อมั่นคืนกลับมาอย่างรวดเร็ว ทำให้ธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์ปีกทั้งหลายไม่ถึงกับเสียหายย่อยยับ

สมัยปัจจุบัน ก็แค่ใส่รองเท้าบู๊ท เดินย่ำต๊อกไปเรื่อยๆ ประชาชนก็ยังคงทุกข์ร้อนเช่นเคย

สมัยคุณทักษิณ เจอซึนามิ ซึ่งเป็นภัยธรรมชาติที่ร้ายแรงที่สุดครั้งแรกในเมืองไทย คุณทักษิณก็บินด่วนไปถึงภูเก็ตตั้งแต่เย็นวันแรก และอยู่บัญชาการด้วยตัวเองตลอดหลายวัน ทำให้การช่วยเหลือเต็มไปด้วยประสิทธิภาพ

สมัยปัจจุบัน ทั้งๆที่รู้ว่าจะน้ำท่วม ก็ยังปล่อยให้ท่วมไปอีกหลายวัน แล้วค่อยลงไปยังพื้นที่เพื่อกรอกทราย และแจกถุงยังชีพ จากนั้นก็คงปล่อยให้น้ำลดไปเองตามธรรมชาติ นี่คือการแก้ไขปัญหาท่ามกลางวิกฤติ ผมก็ทำได้แค่ส่ายหน้าเพียงอย่างเดียว

ผมจึงอยากบอกว่า ภัยธรรมชาติต่างๆผมไม่เคยโทษรัฐ แต่ศักยภาพต่างๆในการบริหารจัดการช่วยเหลือบรรเทาความทุกข์ร้อนให้เป็นไปอย่างรวดเร็ว นี่ต่างหากครับสะท้อนถึงความเป็นภาวะผู้นำ ที่ไม่สามารถลอกเลียนแบบกันได้ ดังนั้นเราจึงได้เห็นการพลิกสถานการณ์วิกฤติให้เป็นโอกาสการเป็นวีรบุรุษของคนหนึ่ง กับ การอยากเป็นวีรบุรุษโดยการสร้างสถานการณ์ของคนอีกคน ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่จนถึงทุกวันนี้คนไทยจำนวนมากจึงยังคงไม่ลืมคุณทักษิณสักที

จากคุณ	: ทวดเอง
เขียนเมื่อ	: 27 ต.ค. 53 09:32:09 A:183.89.85.46 X: