หลายๆ วันที่ผ่านมา ผมไปเยี่ยมโรงสีต่างๆ เพราะใกล้หน้าข้าวนาปีแล้ว พบว่าจังหวัดต่างๆ ถูกน้ำท่วมทั่วไปหมด
ชาวบ้านร้านตลาดถูกน้ำท่วมกันทั่วหน้า ที่ไม่เคยท่วมก็ท่วมหนัก ที่เคยท่วมมากบ้างน้อยบ้าง คราวนี้ท่วมหนัก แถมมาเร็ว "ไม่มีการเตือนล่วงหน้า" อย่าว่าแต่ขนของเลย รถยนต์ยังขับหนีออกไปไม่ทัน ... ทำไมจึงไม่มีใครเตือน ???
แต่ที่น่าเศร้าใจที่สุดคือ ชาวนา (ผมไม่มีโอกาสไปเยี่ยมชาวไร่ ชาวสวน แต่คาดว่าคงเดือดร้อนพอกัน) เป็นปีที่เลวร้ายที่สุด ในพื้นที่ชลประทาน เจอทั้งปัญหาเพลี้ย ปัญหาแล้ง แล้วถึงจังหวะที่ควรจะขายข้าวนาปีได้ กลับเจอน้ำท่วมเข้าไปอีก ... ข้าวที่จวนจะเกี่ยวได้ในไม่กี่วัน ไม่กี่สัปดาห์ ล่มทั้งหมด สูญหมด ไม่เพียงรายได้ที่ควรจะได้ แต่รวมถึงหนี้ที่กู้มาซื้อพันธุ์ข้าวปลูก ปุ๋ย ยา ค่าน้ำมันรถไถ ฯลฯ ทางอิสานที่อยู่นอกเขตชลประทาน ปกติปลูกข้าวได้ปีละครั้ง ยิ่งแล้วใหญ่ เพราะต้องว่างงาน โดยไม่มีเงินไปอีกกว่าปี
ผมสามารถขับรถไปยังสถานที่ต่างๆ ได้ ทางหลวงหลายเส้น มีน้ำมาปริ่มถนน หรืออาจล่วงล้ำเข้ามาในผิวถนน เลนซ้ายบ้าง แต่ยังสัญจรได้ สอบถามได้ความว่า "ทางการ" ทำการพร่องน้ำออกจากตัวเมือง และกั้นน้ำใหม่ไม่ให้เข้าตัวเมือง โดยให้ลงไปกักไว้ในนาข้าว จึงไม่แปลกที่น้ำในตัวเมือง ตัวตลาดเริ่มลดลง ขณะที่ในนากลับทรงตัวหรือเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ
ระบบชลประทานต่างๆ ซึ่งเคยเป็นตัวช่วยผันน้ำหล่อเลี้ยงชาวนาให้ปลูกข้าวได้หลายครั้ง (ในภาคกลาง) ตอนนี้ กลับเป็นตัวชะลอน้ำไม่ให้ไหลเข้า "เมืองหลวง" ชะลอไล่ลงมาตั้งแต่นครสวรรค์ ชัยนาท สิงห์บุรี สุพรรณบุรี อ่างทอง อยุธยา ... ท่วมแบบคงที่ ไม่ลด
ขณะที่กทม. ประกาศชัยชนะ ไม่มีปัญหาน้ำท่วม ยกเว้นบ้านเรือนริมแม่น้ำ... ผมกลับเข้ากรุงเทพฯ แล้วพบว่า คนกรุงเทพฯยังคงมีความสุขเหมือนเดิม เดินห้าง Shopping, ดูหนัง เที่ยวผับ นั่งจิบเบียร์ ในเบียร์การ์เด้น รับลมหนาวที่โชยมาเบาๆ
"บางคนก็ต้องเสียสละแหละ คิดดูดิ ถ้าน้ำท่วมกรุงเทพฯ เศรษฐกิจจะเสียหายขนาดไหน ?" เพื่อนผมที่นั่งจิบเบียร์อยู่ด้วยกัน อธิบายเบาๆ เมื่อผมเล่าประสบการณ์ให้ฟัง
"เห็นว่ารัฐบาลก็เข้าไปช่วยแล้วหนิ"
ในขณะน้ำท่วมใหม่ๆ ผมมีโอกาสขึ้นไปช่วยแจกของชาวบ้านบ้าง ผมยังพบรอยยิ้มด้วยความยินดี ที่ได้รับของ "ชำร่วย" ให้พออยู่รอดได้ ...
แต่สัปดาห์ล่าสุดที่ผมพบมา รอยยิ้มจางหายไปแล้ว เมื่อชาวบ้าน ชาวนา เริ่มพบกับความจริงอันเจ็บปวดที่จะต้องเจอ "หลังน้ำลด" ...
ผมได้เคยบอกไว้ในกระทู้ก่อนๆ ของผมแล้วว่า น้ำท่วมคราวนี้ เป็นวิกฤตชาติ เพราะไม่ใช่มีปัญหาเฉพาะช่วงน้ำท่วม แต่ หลังน้ำลดแล้ว จะเป็นปัญหายิ่งกว่าเข้าไปอีก และกินวงกว้าง กระทบกับคนนับล้านๆ คน ถ้าไม่บริหารจัดการให้ดี ปัญหานี้จะใหญ่โตจนไม่มีใครกล้าคาดคิด
ผมเห็นกระทู้ของเพื่อนหลายคนในนี้ โวยวายว่า รัฐบาลทำดีแล้ว ทำไมต้องมาตีรัฐบาลอีก ทำไมไม่ให้กำลังใจรัฐบาล เป็นพวกเสื้อแดงนี่นา ...
ผมขอบอกว่า ผู้ประสบภัยคือผู้ที่ต้องการกำลังใจ ไม่ใช่รัฐบาล
ผมอยากจะบอกเพื่อนเหล่านี้ว่า ใช่รัฐบาลทำงานอยู่ แต่ไม่พอ ไม่เป็นมืออาชีพ ไม่มีข้อมูลที่แท้จริง ไม่มีแผนงานอนาคต ไม่สามารถทำให้ชาวนาอุ่นใจได้เลย แม้แต่น้อย
เงินช่วยเหลือที่บอกว่า 606 บาทต่อไร่นี่ เอาอะไรมาคิดครับ ? ใช่ ถ้าเป็นนาเปล่าๆ 606 บาทก็โอเค แต่บางผืน ลงทุนไปแล้ว ไม่ต่ำกว่าไร่ละ 4,000 บาท สูญสิ้นไปโดยสิ้นเชิง
และผมอยากจะเน้นว่า บางผืนอาจกู้คืนได้ ถ้าเราจะไม่ห่วงกรุงเทพฯ จนเกินไป ...
หรือถ้าจะห่วงกรุงเทพฯ คุณก็ควรจะ "ชดเชย" ให้เค้ามากกว่าที่บอกมา
แค่แผนงานคร่าวๆ ก็ไม่เข้าเป้าเสียแล้ว แล้วชาวบ้านยัง "ไม่ไว้ใจฝีมือ" อีก ชาวบ้านเค้ารู้ดีว่า นโยบายสวยหรู ใครๆ ก็บอกได้ เขียนได้ โม้ได้ แต่การลงมือทำหรือการบริหารจัดการนี่สิ เท่าที่ผ่านมา ไม่อยากจะพูด "สู้สรยุทธ์ ยังไม่ได้"
ผมก็ต้อง "กราบ" ขอร้องนายอภิสิทธิ์ อีก 10 ทีก็ได้ให้ทำอะไรซักอย่างที่จะสร้างความมั่นใจในอนาคต อย่าไปมัวแต่แจกถุง ทำไมไม่ลงไปจัดเวิร์คช็อป ฟังความเห็นของผู้ประสบภัย คุณรู้หรือเปล่าว่าแต่ละท้องที่นั้นแตกต่างกัน อย่าเอาแต่นั่งอยู่ในกรุงเทพฯ เอาตัวเลขรวมๆ มาหารๆๆ เสร็จกลับบ้านนอน ...
ถ้าไม่ลงพื้นที่"แบบจริงจังไม่ใช่ฉาบฉวย" ไม่มีทางบริหารจัดการได้ เงินงบประมาณที่ลงไปจะไปผิดที่ผิดทาง จะโดนพวกชิงนรกมาเกิดดูดกินไม่ถึงมือผู้เดือดร้อนตัวจริง
แล้วในที่สุดตัวเลข GDP สุดหรู ตัวเลขคนว่างงานต่ำที่สุดในโลกของคุณ ก็จะพลิกไปแบบ 180 องศา ผมพยากรณ์ล่วงหน้าได้เลย
แก้ไขเมื่อ 01 พ.ย. 53 02:10:02
แก้ไขเมื่อ 01 พ.ย. 53 02:07:56