Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
การช่วยเหลือผู้ประสพภาวะภัยพิบัติฉุกเฉินของประเทศไทย ติดต่อทีมงาน


ภาวะภัยพิบัติฉุกเฉินเกิดขึ้นในทุกๆปี ทำความเสียหายให้แก่ทรัพย์สิน ตลอดจนชีวิตของประชาชน ทั้งน้ำท่วมทั้งฉับพลันหรือค่อยๆท่วม ทั้งภัยแล้ง พายุฝน แผ่นดินไหว หรือแม้แต่สึนามิ ประเทศของเราพัฒนากระบวนการวิธีจัดการเพื่อรับมือและช่วยเหลือประชาชนผู้ประสพภาวะภัยพิบัติฉุกเฉิน มาตลอด ในส่วนของทางราชการเอง นอกเหนือไปจากผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ (ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ และย่อมจะรู้จักพื้นที่ดีกว่าใครๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารระดับที่สูงกว่าคือ รัฐมนตรี หรือนายกรัฐมนตรี หรือแม้แต่สื่อมวลชนที่เข้าไปทำข่าว )  ซึ่งต้องรับผิดชอบแก้ไขสภาวะภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในพื้นที่ของตนแล้ว

ในส่วนกลางทางราชการได้มีการพัฒนาหน่วยที่รับผิดชอบเรื่องนี้มาเป็นลำดับ  ในสุดท้ายนี้ก็คือ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย  และได้มีการพัฒนากฏเกณท์กฏหมายต่างๆ เพื่อให้ประเทศสามารถรับมือช่วยเหลือผู้ประสพภัยพิบัติได้ตลอดเวลา ที่สำคัญที่จะมีการอ้างอิงกันเสมอก็คือ การให้อำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด ประสานงานกับหน่วยงานในจังหวัดหรือหน่วยงานในส่วนกลาง เมื่อประกาศภัยพิบัติฉุกเฉิน จะมีการจัดตั้งคณะกรรมการระดับจังหวัดขึ้นแล้ว ยังมีอำนาจในการทดรองจ่ายเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสพภัย ในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการจัดหาสิ่งของเพื่ออุปโภคบริโภคให้แก่ผู้ประสพภัย หรือการซ่อมแซมที่อยู่อาศัย
   

การประกาศภัยภัยพิบัติฉุกเฉินนั้น มิได้เพิ่งเกิดขึ้นในกรณีน้ำท่วมปีนี้  แต่การประกาศโดยผู้ว่าตามอำนาจที่กฏหมายให้ไว้นี้ กระทำกันมานานแล้ว เพียงแต่เหตุไม่ได้เป็นข่าวอย่างในปัจจุบัน และไม่ได้มีนักข่าวเข้าไปในพื้นที่ในทุกครั้งที่ผู้ว่าประกาศภาวะภัยพิบัติฉุกเฉิน กรณีความยากลำบากในการช่วยเหลือชาวบ้าน จึงอาจไม่ได้มีการถ่ายทอดออกมาแบบในเหตุคราวนี้ แต่ไม่ว่าจะอย่างไร แต่ละจังหวัด ก็มีความสามารถจะช่วยประชาชนในจังหวัดของตนให้พ้นจากสภาวะภัยพิบัติมาได้(แต่อาจไม่ได้เป็นข่าวออกช่องคุณสรยุทธ์ ทั้งๆที่เป็นกรณีภัยภิบัติฉุกเฉิน) ขอยกตัวอย่างการประกาศภัยพิบัติฉุกเฉินในอดีต เช่น ผู้ว่าเชียงราย ในตัวอย่างนี้ http://news.sanook.com/region/region_218033.php    

ปีนี้จะมีเหตุน้ำท่วมต่อเนื่องกันมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม  และเกิดเหตุน้ำท่วมหนักซึ่งถือว่าหนักที่สุดในรอบ 70 ปีบ้างหรือ รอบ 100 ปีบ้าง ในจังหวัดสำคัญหลายๆจังหวัด ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เกิดขึ้นมาก่อน ระดับความรุนแรงของปัญหานั้น เกินกว่ากำลังเงินทดรองจ่ายเดิมที่กฏหมายกำหนด และยังต้องการความช่วยเหลือจากส่วนกลางในด้านต่างๆมากกว่าปกติ ซึ่งทางภาคเอกชนก็ได้มีการรณรงค์รับบริจาคเพื่อช่วยเหลือ และทางรัฐบาลเอง ก็แก้ปัญหาในเรื่องเงินทดรองราชการให้โดยฉับไว โดยขยายวงเงินทดรองจ่ายให้จากจังหวัดละ 50 ล้าน เป็นจังหวัดละ 100 ล้านบาท มากเพียงพอที่จะใช้ทดรองจ่ายเพื่อช่วยเหลือผู้ประสพภัย แม้หากว่า จะไม่มีการบริจาคจากส่วนกลางไปถึงมือเลยก็ตาม

ยิ่งไปกว่านี้ ทางนายกรัฐมนตรีเอง ได้มีการเรียกประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดที่ประสพปัญหา เป็นระยะ อันเป็นช่องทางที่ผู้ว่าราชการจังหวัดจะแจ้งเหตุขัดข้อง ที่จังหวัดประสพ มาเพื่อให้นายกฯ ได้รับไปแก้ไข การประชุมวิดิโอคอนเฟอรเรนซ์ ร่วมกับการที่นากฯเองลงตรวจพื้นที่ จังหวัดที่น้ำท่วม ย่อมทำให้รับทราบปัญหาของผู้ว่า ปัญหาต่างๆ ซึ่งสามารถนำมาสั่งการแก้ไขได้ เช่นหากมีการร่วมมือจากหน่วยอื่นๆ ที่ผู้ว่าไม่สามารถสั่งการได้ เช่น ทหาร ทางนายกฯเองก็สามารถประสานไปที่รมต.กลาโหมเพื่อการนั้นได้(แต่ในความเป็นจริง ผู้ว่าฯกับหน่วยทหารในพื้นที่ประสานกันได้ดีอยู่แล้ว หากจะมีปัญหาก็เป็นรายละเอียดปลีกย่อย)

แม้เหตุที่เกิดคราวนี้ จะเป็นเหตุใหญ่ในรอบ 70 ปีบ้างหรือ รอบ 100 ปีก็ตาม แต่ความจริงที่ว่า ผู้ที่รู้พื้นที่ดีที่สุดคือผู้ว่าและนายอำเภอ ก็ยังเป็นความจริง ตัวนายกฯเองจะไปรู้เรื่องนี้ดีกว่าผู้ว่าได้อย่างไร แต่นายกฯมีอำนาจสั่งการช่วยเหลือด้านการเงิน ด้านกำลังคน และขวัญกำลังใจ โดยการลงตรวจเยี่ยมพื้นที่ การคาดหมายให้นายกฯไปบัญชาการน้ำท่วมในจังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง จึงเป็นเรื่องของการสร้างภาพมากกว่าจะไปแก้ปัญหาให้ชาวบ้าน

การเป็นนายกฯ ไม่ใช่การจัดรายการทีวี หรือทำเรียลริตี้โชว์ การจัดทำรายการทีวีนั้น หน้าที่ของผู้จัดก็จำเป็นต้องหาสกู๊ปข่าว เจาะหามุข หาประเด็น หาเหตุในพื้นที่ที่เป็นที่น่าสนใจ การลงพื้นที่ของสื่อมวลชนในพื้นที่ที่เกิดเหตุภัยพิบัตินี้ก็เป็นไปตามธรรมชาติของสื่อมวลชนคือ  ต้องค้นหาเรื่องที่น่าสนใจ เช่นประชาชนที่ยังติดค้างไม่ได้รับความช่วยเหลือในลักษณะต่างๆมานำเสนอ ซึ่งเป็นเรื่องที่หาได้ไม่ยาก เพราะในพื้นที่ที่เกิดเหตุภัยพิบัติฉุกเฉินนั้น ไม่ว่าจะมีใครมาเป็นรัฐบาล ก็ไม่มีทางที่จะไปช่วยประชาชนที่กระจายกันอยู่ทั่วทั้งจังหวัดได้หมดครบถ้วนทุกตัวคน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่สื่อมวลชนในพื้นที่จะไปพบประสพผู้ที่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ  และนำมาทำเป็นประเด็นข่าวนำเสนอ

จะอย่างไรก็ตาม ผู้ประสพภัยพิบัตินั้นมีเป็นล้าน พื้นที่ที่สื่อมวลชนเข้าไป ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีพื้นที่อีกมาก ประชาชนอีกมากที่สื่อเข้าไปไม่ถึงด้วยจำนวนจำกัดของกำลังผู้สื่อข่าวที่มี ประชาชนในส่วนที่ที่ผู้สื่อข่าวเข้าไปไม่ไม่ถึงนั้น คำถามคือประชาชนที่สื่อเข้าไปไม่ถึงนั้นอยู่รอดปลอดภัยจากภัยพิบัติหรือไม่เพราะอะไร คนจำนวนว่า 2 ล้านคนที่ผ่านภัยพิบัติมาได้นี้ เพราะสื่อมวลชนที่เข้าไปในพื้นที่ไปช่วยหรือ หรือเป็นเพราะ ปลัด นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ที่ได้เข้าไปช่วย(เมื่อวันก่อนก็มีข่าวปลัดอำเภอจะนะ หายไปกับสายน้ำขณะออกไปช่วยเหลือชาวบ้าน)

เพียงแต่ พื้นที่ที่สื่อเข้าไปช่วย ไปทำข่าวนั้น เป็นเหตุการณ์ที่ถูกถ่ายทอดออกมาให้คนที่ชมทีวีได้เห็น ทำให้ผู้ชมหลายๆส่วนอาจจะนึกว่าทีวีคือพระเอก เพราะได้เข้าไปมีส่วนร่วมในเหตุการณ์นั้นๆให้เห็น ซึ่งก็อาจะเป็นความจริง แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะผู้ประสพกว่า 2 ล้านคนนี้ อาสาสมัคร ทหาร เจ้าหน้าที่ นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือปลัด ฯลฯ ก็มีส่วนช่วยอย่างมากๆๆ ด้วยเช่นกัน เพียงแต่ไม่ได้ปรากฏเป็นสกู๊ปข่าวเท่านั้นเอง

การช่วยเหลือจากภาคเอกชนนั้นเป็นสิ่งที่มีคุณค่าและมีความสำคัญ ในครั้งนี้ภาคส่วนเอกชน และสื่อมวลชนได้ระดมกำลังกันช่วยรับการบริจาค  เหมือนดังเหตุที่เกิดในทุกๆปี ในทุกๆครั้งที่มีเหตุภัยภิบัติขนาดใหญ่เกิดขึ้นในประเทศของเรา แต่การเข้ามาของภาคเอกชนนี้ ก็ไม่ได้ทำให้การช่วยเหลือจากทางราชการก็หายไปจากระบบการช่วยเหลือ อันที่จริงแล้ว ในเชิงระบบนั้นได้มีการวางกำหนดไว้ถึงขั้นที่ว่า หากไม่มีกำลังช่วยหลือจากภาคเอกชนเข้ามา แต่ละจังหวัดโดยผู้ว่าจะต้องมีกำลังพอที่จะช่วยประชาชนในจังหวัดของตนได้

ดังเช่นที่กำหนดให้หากเกิดกรณีภัยพิบัติฉุกเฉินและผู้ว่าได้ประกาศให้พื้นที่นั้นเป็นภัยพิบัติฉุกเฉินแล้ว ผู้ว่าจะมีอำนาจทดรองจ่ายเงินเพื่อแก้ไขสถานการณ์ (แม้จังหวัดนั้นจะไม่มีเงินบริจาคเข้ามาเลยก็ตาม)
-    ค่าอาหารจัดเลี้ยงมื้อละไม่เกิน 30 บาท / วัน / คน และช่วยเหลือเป็นถุงยังชีพชุดละไม่เกิน 500 บาท / ครอบครัว
-    ค่าเครื่องครัวและอุปกรณ์ในการประกอบอาหาร เท่าที่จ่ายจริง ครอบครัวละไม่เกิน 3,500 บาท
-    ค่าจัดซื้อหรือจัดหาน้ำสำหรับบริโภคและใช้สอยในที่อยู่อาศัยเท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็นจนกว่าเหตุการณ์ประสบภัยพิบัติจะเข้าสู่ภาวะปกติ
-    ค่าวัสดุซ่อมแซมที่อยู่อาศัยประจำ ซึ่งผู้ประสบภัยพิบัติเป็นเจ้าของที่ได้รับความเสียหายบางส่วน และที่อยู่อาศัยของพระภิกษุสามเณรในวัดที่ได้รับความเสียหายบางส่วนเท่าที่จ่ายจริงหลังละไม่เกิน 20,000 บาท
-    ค่าวัสดุก่อสร้างที่อยู่อาศัยประจำ ซึ่งผู้ประสบภัยพิบัติเป็นเจ้าของที่ได้รับความเสียหายทั้งหลัง และที่อยู่อาศัยของพระภิกษุสามเณรในวัดที่ได้รับความเสียหายทั้งหลัง เท่าที่จ่ายจริงหลังละไม่เกิน 30,000 บาท
-    ค่าวัสดุซ่อมแซมยุ้งข้าว โรงเรือนสำหรับเก็บพืชผลและคอกสัตว์ที่ได้รับความเสียหายบางส่วน เท่าที่จ่ายจริง ครอบครัวละไม่เกิน 3,000 บาท
(หลักเกณฑ์และวิธีดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ.2551)

จะเห็นได้ว่าอำนาจการทดรองจ่ายเืพื่อช่วยเหลือผู้ประสพภัยนี้ครอบครุมกว้างขวางมากพอที่จะช่วยผู้ประสพภัย  และซ่อมแซมฟื้นฟูในภายหลัง(แต่ตามกฏหมาย เงินจำนวนนี้ไม่ใช่เงินชดเชย ผู้ประสพภัยมีสิทธิได้เงินชดเชยเพิ่มเติมอีกในภายหลัง เช่นกรณีปีนี้ เงินชดเชยก้อนแรกกำหนดจ่ายครอบครัวละ 3 พันบาท

จะเห็นได้ว่า หากแม้โครงการประตูใจของคุณสรยุทธ์จะติดขัดหรือไม่เกิดขึ้น จะอย่างไรผู้ประสพภัยก็จะได้รับการช่วยเหลือซ่อมแซมบ้านเรื่อน ไม่เฉพาะแต่ประตูบ้าน ในวงเงินไม่เกิน 20,000 บาท (แต่ คนดูทีวีหลายๆคนคิดไปว่า ผู้ประสพภัย คงได้ประตูบ้านใหม่จากโครงการประตูใจของคุณสรยุทธ์เท่านั้น หรือพาลคิดไปว่ารัฐบาลนี้ช่างไม่มีหัวคิดอย่างคุณสรยุทธ์เสียเลย กับเรื่องซ่อมประตูบ้านนี้ ยังไม่คิดไม่ออก ทั้งๆที่ความจริงแล้ว เขากำหนดให้เบิกค่าซ่อมบ้านไ้ด้มาตั้งแต่หลายปีแล้วครับ และไม่เฉพาะแต่ประตู หากคุณสรยุทธ์ไม่เอาประตูไปให้ จะอย่างไรก็คงมีประตูจากจังหวัด แต่อาจจะใช้เวลาตามสมควร)

ในเหตุการณ์คราวนี้ รัฐบาลได้มีมติโดยทันที ให้ขยายอำนาจการทดรองจ่ายเงินของผู้ว่าฯเพื่อรับมือภัยพิบัตินี้จาก จังหวัดละ 50 ล้านบาท เป็น จังหวัดละ 100 ล้านบาทเพียง 2 วันหลังเกิดจ้ำท่วมที่ปักธงชัยและโคราช จึงเป็นการแก้ปัญหาที่ตรงเป้า ให้ผู้ที่อยู่ในพื้นที่มีอำนาจรับมือกับขนาดปัญหาที่ใหญ่ได้

ส่วนการติดตามงานประสานงานนั้น นายกฯอาศัยการตรวจเยี่ยมพื้นที่และวิดิโอคอนเฟอร์เรนซ์เพื่อติดตามปัญหาดังกล่าวแล้ว ซึ่งวิธีการนี้จะด้อยกว่า การที่นายกฯไปนั่งสั่งการแก้ปัญหาของแต่ละจังหวัดด้วยตัวเองหรือเรียกหนัวหน้าส่วนราชการมาประชุมและบริหารจัดการเสียเอง หรือทำอย่างที่คุณสรยุทธ์ทำหรือไม่(กรณีนี้ไม่ได้ว่าสรยุทธ์นะครับ เพราะโดยบทบาทและบริบทของคุณสรยุทธ์แล้ว คุณสรยุทธ์ทำหน้าที่ของตนได้ดี และเป็นการช่วยสังคมในฐานะภาคเอกชนที่ดี) เวลาคงจะเป็นเครื่องพิสูจน์


http://61.19.54.137/law/dpmlaw/main/content.php?page=sub&category=57&id=175
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2540/E/046/77.PDF

http://www.innnews.co.th/local.php?nid=252376














2. เพิ่มเติมเรื่องการชดเชยการซ่อมแซมบ้านและเกี่ยวกับโครงการประตูใจของคุณสรยุทธ์
1.แก้ไขวรรคตอน และเนื้อความที่ตกหล่นเรื่องผู้ว่า
.

แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 53 23:23:23

แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 53 23:01:14

จากคุณ : thyrocyte
เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 21:18:16 A:58.137.0.146 X:



ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com