1. หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน วันจันทร์ที่ 15 พ.ย 2553 หน้า 6
เดินหน้าชน โกงอย่างมีจริยธรรม
เห็นผลสำรวจของสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เรื่องต้นตอทุจริตคอร์รัปชั่น ที่เปรียบเทียบก่อนยึดอำนาจปี 2549 กับปัจจุบันแล้ว
ต้องรีบไปเปิดดูเหตุผลที่ พล.อ.สนธิ บุยญรัตกลิน หัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ( คปค.) อ้างเพื่อโค่นรัฐบาล พ.ต.ท ทักษิณ ชินวัตร
พบว่ามีข้อกล่าวหารัฐบาล พ.ต.ททักษิณว่า บริหารราชการแผ่นดินส่อไปในทางทุจริต ประพฤติมิชอบ และเอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้องอย่างกว้างขวาง รวมอยู่ด้วย
สอดรับการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) รวมถึงแนวร่วมต่างๆ และกลุ่มบุคคลที่ชูภาพลักษณ์คนดี ก็ชูธงว่า รัฐบาลทักษิณต้องขจัดเพราะโกงบ้านโกงเมือง
เปรียบเสมืองมารครองเมือง
เมื่อยึดอำนาจสำเร็จ คปค.กลายร่างเป็นคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.)พร้อมจัดตั้งรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่ชู คุณธรรม จริยธรรม ความซื่อสัตย์ สุจริตเข้าบริหารประเทศ
ขณะเดียวกันแนวร่วมที่ร่วมเคลื่อนไหวขจัดทักษิณต่างได้ผลตอบแทนกันทั่วหน้า ทั้งนั่งตำแหน่งเสนนาบดี องค์กรอิสระ สมาชิก สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ส่วนข้าราชการก็ได้เลื่อนตำแหน่งที่สูงขึ้น
เรียกว่ากุมอำนาจรัฐอย่างเบ็ดเสร็จ
ถัดมา 1 ปี อำนาจเปลี่ยนมาอยู่ในมือของพรรคพลังประชาชน ที่ พ.ต.ท ทักษิณ ชักใยอยู่เบื้องหลัง ด้วยการชนะเลือกตั้ง
แต่ครองอำนาจไม่ถึงปีก็ถูกยุบพรรค อำนาจเปลี่ยนไปอยู่ในมือพรรคประชาธิปปัตย์ และเครือข่ายที่ชักใยอยู่ตั้งแต่ยุคที่ร่วมกันโค่นทักษิณ พร้อมชู อภิสิทธ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่ภาพลักษณ์เปี่ยมไปด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต อย่างยิ่งมาเป็นผู้นำรัฐบาล
ดังนั้นนับแต่ 19 กันยายน 2549 เป็นต้นมาคงปฏิเสธไม่ได้ว่า อำนาจการบริหารประเทศส่วนใหญ่ ล้วนอยู่ในกำมือของกลุ่มที่อ้างเป็นคนดี เป็นคนซื่อสัตย์ ถึงขั้นจะคิดกันเองว่าเป็นฝ่ายธรรมะ ชังการโกงบ้านโกงเมืองแบบเข้าสายเลือด
นั่นหมายความว่าหากมีการทุจริตคอร์รัปชั่นเกิดขึ้น จะต้องถูกรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ รัฐบาลนายอภิสิทธ์ ปละผู้อยู่เบื้องหลังขจัดอย่างสิ้นซาก
แต่เมื่อปรากฎการณ์แห่งความเป็นจริงกลับตรงข้าม
ซึ่งโพลล์เอแบคที่สำรวจในเดือนตุลาคม 2553 จะตอบคำถามได้ดีที่สุด
โพลล์ระบุว่า ประชาชนเชื่อว่ามีนักการเมืองระดับชาติและบรรดาที่ปรึกษาอยู่เบื้องหลังเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้องจากการประมูล/สัมปทานโครงการขนาดใหญ่และแอบอ้างแสวงหาผลประโยชน์จากการทำธุรกิจของพวกพ้อง
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2548 ร้อยละ 73.9
แต่ในเดือนตุลาคม 2553 ขยับสูงขึ้นร้อยละ 77.6
ที่สำคัญคือประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 90.1 เชื่อว่ามีข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐยังคงทุจริตคอร์รัปชั่นอยู่ในรัฐบาลชุดปัจจุบัน เพิ่มสูงขึ้นจากร้อยละ 84.9 ที่เคยสำรวจในเดือน กุมภาพันธ์ 2548
คงไม่ต้องอธิบายความว่ารัฐบาลนายอภิสิทธ์ จัดการกับขบวนการโกงได้แค่ไหน
จึงทำให้รู้สึกแปลกใจว่า เมื่อโพลล์ระบุว่าหลังรัฐประหารเป็นต้นมาถึงรัฐบาลชุดปัจจุบัน มีการทุจริตสูงกว่ารัฐบาล พ.ต.ททักษิณ
แต่บรรดาแนวร่วมที่เคลื่อนไหวไล่ พ.ต.ททักษิณ ไม่ว่าจะเป็น ส.ว.สรรหาบางคนที่เคยทอดกายรับใช้เผด็จทหารเพราะรังเกียจการโกงของรัฐบาลทักษิณ
หรือกลุ่มบุคคลที่ผูกขาดความดี รวมทั้งกลุ่ม พธม.ที่แกนนำบางคนระบุว่า ยุคนี้โกงยิ่งกว่ายุครัฐบาลทักษิณ
หรือมัวหลงระเริงกับผลประโยชน์ที่กลุ่มผู้มีนาจใยนให้จนลืมหูลืมตาไม่ขึ้น
หรือพวกเดียวกันโกงไม่เป็นไรถ้าพวกอื่นโกงคือพวกมารดังนั้น หากเทียบกับพฤติกรรมการโกงของกลุ่มผู้กุมอำนาจในยุคนี้ คำว่า โกงอย่างมีจริยธรรม น่าจะจำกัดความได้ดีที่สุด!!!
ขอเน้นๆ....และอยากย้ำ "แต่บรรดาแนวร่วมที่เคลื่อนไหวไล่ พ.ต.ททักษิณ ไม่ว่าจะเป็น ส.ว.สรรหาบางคนที่เคยทอดกายรับใช้เผด็จทหารเพราะรังเกียจการโกงของรัฐบาลทักษิณ
หรือกลุ่มบุคคลที่ผูกขาดความดี รวมทั้งกลุ่ม พธม.ที่แกนนำบางคนระบุว่า ยุคนี้โกงยิ่งกว่ายุครัฐบาลทักษิณ"
เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งคะ กับแนวคิดนี้ ชอบในสิ่งที่คุณ ชาญชัย กายพันธ์ เขียนไว้ในวันนี้มาก
.................................
.