นิทานเรื่องคน 4 แบบ ช่วยเด็กจมน้ำ
|
 |
มีนิทานเรื่องหนึ่งที่ได้รับฟังมาจาก "อาจารย์อนันตชัย ยูรประถม" ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน (SBDi) เมื่อไม่นานมานี้ ที่เล่าถึง มีคน 4 คนยืน อยู่ริมแม่น้ำ แล้วจู่ ๆ ก็เห็นเด็กจำนวนมากถูกโยนลงมาลอยอยู่เต็มแม่น้ำ แล้วแต่ละคนก็ถามกันว่า เห็นอย่างนี้แล้วจะทำอย่างไรกันดี
คนแรก รีบกระโจนลงไปในแม่น้ำ แล้วอุ้มเด็กขึ้นมาบนบกให้มากที่สุด คนที่ 2 กลับบอกว่า ทำอย่างนั้นมันไม่ได้หรอก แต่เราต้องสอนให้เด็กว่ายน้ำให้เป็นแล้วให้เขาว่ายน้ำเอาตัวรอดต่อไปได้ คนที่ 3 กลับวิ่งไปที่ต้นน้ำ ไปดูว่าใครเป็นต้นเหตุที่โยนเด็กลงมาให้แม่น้ำ แล้วไปเกลี้ยกล่อมให้คนที่โยนเด็ก อย่าได้โยนเด็กลงมาอีกเลย และ คนที่ 4 วิ่งกลับไปที่บ้าน เปิดคอมพิวเตอร์ และเริ่มวิเคราะห์ว่า ทำไมจึงมีการโยนเด็กลงไปในแม่น้ำ มีปัจจัยสาเหตุมีความ เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันอย่างไร และจะป้องกันเหตุการณ์นี้ได้อย่างไร
หลังจากเล่านิทานให้ฟัง อาจารย์ก็บอกว่าเหตุการณ์ในนิทานเรื่องนี้ก็คลับคล้ายกับสถานการณ์ในประเทศไทยในเวลานี้ ที่เราต้องการคนทั้ง 4 แบบ ไม่ใช่แบบใดแบบหนึ่ง เพราะถ้ามีแต่คนกระโจนลงไปในแม่น้ำและอุ้มเด็กขึ้นบก ก็ไม่มีทางจะช่วยได้ทั้งหมดและทันเวลา หรือจะกระโจนไปสอนให้เด็กว่ายน้ำเป็น กว่าจะสอนคนแรกให้ว่ายน้ำเป็น ที่เหลือก็คงจมน้ำไปแล้ว ดังนั้นสังคมจึงต้องการคนทั้ง 4 แบบที่มีทั้งคนที่ตอบสนองต่อเหตุการณ์ทันที คนที่ออกไปหยุดยั้งที่ต้นตอของปัญหา และคนที่กลับอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ที่นั่งทบทวนเหตุปัจจัยที่เกิดขึ้น และสรุปบทเรียน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก
คนแรก ๆ อาจคล้ายกับคนบริจาคสิ่งของและเงินให้กับผู้ประสบภัย ซึ่งซีเอสอาร์ไม่ได้ปฏิเสธการบริจาค แต่ต้องบริจาคในเวลาที่เหมาะสม สถานการณ์ที่เหมาะสม และให้กับคนที่เหมาะสม ขณะเดียวกันสังคมเราก็ยังต้องการคนอีก 3 แบบที่เหลือที่เข้ามาช่วยกันกอบกู้สถานการณ์และทบทวนเป็นบทเรียน
นิทานเรื่องนี้จึงนำมาสู่การทบทวนบทเรียนเรื่องการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร หรือซีเอสอาร์ที่เกิดขึ้นระหว่างอุทกภัยที่เกิดขึ้นไล่มาตั้งแต่ภาคอีสาน ภาคกลางตอนบน และภาคใต้ในเวลานี้
จนถึงสัปดาห์นี้ ในหลายพื้นที่น้ำได้แห้งขอดไปแล้วจากบ้านเรือน พื้นถนน แต่ในบางหมู่บ้านยังติดกับน้ำท่วมขังซึ่งมาพร้อมกับความกังวลว่า เมื่อข่าวน้ำท่วมเริ่มหายไปจากจอโทรทัศน์และหน้ากระดาษหนังสือพิมพ์ ความช่วยเหลือที่เคยทะลักล้นจะหดหายไปด้วยเช่นกัน
อ่านต่อได้ที่..ประชาชาติธุรกิจ ออนไลน์ http://www.prachachat.net/view_news.php?newsid=02csr01151153§ionid=0221&day=2010-11-15
จากคุณ |
:
HaVe_a_Smile
|
เขียนเมื่อ |
:
16 พ.ย. 53 13:29:10
A:118.175.32.34 X:
|
|
|
|