"ระวังไม่มีแผ่นดินอยู่"
กระจัดกระจายตามสื่อต่างๆ มากมาย
แล้วถัดมาไม่นานก็เกิดเหตุการณ์ปฏิวัติรัฐประหารยึดครองอำนาจแบบเบ็ดเสร็จ
ท่านอดีตนายกฯ นั้นไม่สามารถเดินทางกลับมายังบ้านเกิดเมืองนอนของตนเองได้
แล้วขบวนการล้มระบอบทักษิณ (ที่ฝ่ายตรงข้ามบัญญัติศัพท์ขึ้นมาเพื่อให้เห็นความเลวร้ายนั้น) ก็ได้เริ่มขึ้น
และตอกย้ำให้เป็นรูปธรรมเด่นชัดขึ้นเพื่อทำให้ คนคนนั้นต้องไม่มีแผ่นดินอยู่ได้จริงๆ
ด้วยข้อหา "โคตะระโกงหรือโกงทั้ง...." หรือแม้กระทั่ง "ไม่จงรักภักดี" "ขบวนการล้ม..." ต่างๆ นานา
สิ่งที่กระทำได้อันดับแรกที่จะไม่ให้คนคนนั้นกลับมาประเทศได้ก็คือ
ต้องมอบฉายาให้เป็นนักโทษชายเสียก่อน จากคดีความซื้อขายที่ดินรัชดา
เพราะสามารถจบคดีความได้อย่างรวดเร็ว
แล้วก็น่าฉงนที่ไม่มีการรอลงอาญาใดๆ ทั้งสิ้นสำหรับผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งถึงนายกรัฐมนตรีของประเทศ
และไม่เคยกระทำความผิดใดๆ มาก่อนด้วย
และคงคาดว่าถึงอย่างไรท่านก็คงไม่กลับมารับโทษอย่างแน่นอน
คงต้องหลบหนีไปเรื่อยๆจนไม่มีประเทศไหนเขาต้อนรับ...เพื่อตอกย้ำถึงคำว่า
"ไม่มีแผ่นดินจะอยู่" ให้บรรลุผลอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น
ประกอบกับต้องดำเนินคดียึดทรัพย์ให้ได้เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเลวร้ายของคำว่า
"โคตะระโกง" และหวังตัดเส้นทางท่อน้ำเลี้ยงให้หมดไป
รวมถึง การยุบพรรคถึงสองครั้ง ตัดสินเรื่องทำกับข้าวโดนปลด เป็นกาบดโดนปล่อยจนถึงวันนี้
และสร้างภาพความเป็นผู้ก่อการร้ายชนิดที่ทำให้คนในประเทศต้องอกสั่นขวัญแขวนตามๆ กัน
แต่เป็นที่น่าแปลกใจสำหรับคนในประเทศนี้ไม่กลัวผู้ก่อการร้าย
กลับกลัวทหารจนถึงกับเกลียดเข้ากระดูกดำไปเลย
สังเกตได้จากซอยสุขุมวิท 31 เป็นตัวอย่างให้เห็นได้
และวันนี้ความเจ็บช้ำน้ำใจของผู้ก่อการร้ายน้ันยังไม่ได้รับการเยียวยา
ผู้ก่อการร้ายที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บในเหตุการณ์ก็ยังคงไม่ได้รับความเป็นธรรม
หรือมีความกระจ่างชัดเกิดขึ้นแม้แต่น้อย
กลับถูกไล่ล่าและถูกคุมขังไว้โดยไม่มีกำหนดเวลา
การตอกย้ำของคำพูดที่ว่า การปรองดอง แต่ในใจกับการกระทำน้ันกลับตรงกันข้าม
แล้วเมื่อใดประเทศชาตินั้นจะสงบสุขลงเสียที
ท่านผู้นำประเทศลองถามใจท่านเองดูบ้างซิครับว่า เวลานี้คนคนนั้นเขาก็ไม่มีแผ่นดินอยู่แล้ว
วันนี้ถึงท่านมีแผ่นดินอยู่ก็จริง แต่ใจท่านนั้นยังคงเป็นสุขอยู่ใช่ไหมครับ