ขออนุญาตตอบกระทู้ตัวที่พาดพิงกระทู้เรื่องเศรษฐกิจฟื้นตัวที่เอามาอภิปรายเมื่อวันก่อน โดยคุณ klab และคุณลุงถุง ตั้งไว้เท่าที่พอจะมีเวลาตอบได้
ก่อนอื่นต้องขออออกตัวว่า ไม่ใช่นักเศรษฐศาสตร์ แต่ในกระทู้ที่แล้วนั้นที่เกี่ยวกับเรื่องเศราบกิจเริ่มฟื้นตัวนั้น ต้องเอาตัวเลขบางอันมานั้น ก็เพราะเห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อสมาชิกได้พิจารณากัน ซึ่งใครจะคิดเห็นแตกต่างไปก็แล้วแต่แต่ละคน แต่เนื่องจากผมเองมีความรู้สึกด้วยความสัจจริงว่า ขณะนี้เศรษฐกิจนั้นกำลังเริ่มฟื้นตัวจริงๆ เป็นความรู้สึกที่มีในใจจริงๆเช่นนี้ จึงไม่สามารถจะแสร้งทำจริตบิดไปโพสต์ว่าเศรษฐกิจกำลังแย่ได้ เพราะลำพังส่วนตัวรู้สึกไม่ได้รู้สึกแบบนั้น
ครั้นจะอธิบายแก่สมาชิกด้วยอาศัยเหตุการณ์แวดล้อมที่ตัวเองประสพ ก็เห็นมีสมาชิกเล่าประสบการณ์ส่วนตัวให้ฟังกันหลายรายแล้ว แตกต่างกันออกไป จึงเอาตัวเลขทางเศรษฐกิจภาพรวมที่ไปพบและพอเข้าใจในเบื้องต้นบางตัว เอามาแลกเปลี่ยนและถกกันแบบประชาชนคนหนึ่ง และประเด็นหลักของกระทู้ที่ตั้งไว้เดิมนั้นก็คือเรื่องเศรษฐกิจฟื้นตัว ไม่ได้อวอ้างบอกว่าเศรษฐกิจกำลังรุ่งโรจน์โชติช่วงชัชวาล หรือกล่าวอ้างว่าเป็นฝีมือของใคร แต่เป็นธรรมดา สมาชิกบางท่านอาจไม่พอใจ เพราะไม่พอใจที่จะให้เศรษฐกิจมาฟื้นตัวในรัฐบาลนี้ เนื่องจากมีคนที่ตนยกย่องนับถือ เคยปรามาสไว้
ผมเองก็ไม่ใช่นักเศรษฐศาสตร์ เวลามาอ่านกระทู้หรือตอบกระทู้มีจำกัด อ่านกระทู้แล้วให้กิฟต์ไม่ต้องใช้เวลามากเกินไปนัก แต่ตอบประทู้นั้นใช้เวลาพอควร แต่ผมบังอาจขอตอบคำถามในกระทู้อื่นที่ถามพากพิงไว้ ก็เพราะถามมา จึงขอตอบ เช่นคุณ klab หรือลุงถุง เท่าที่พอจะตอบได้ตามความเห็นของประชาชนคนหนึ่ง ไล่ไปทีละเรื่องตามที่เห็น ดังนี้
ในกระทู้คุณ klab
1....จะเป็นเรื่องที่ดีและช่วยแก้ไขภาพลักษณ์ของรัฐบาลในสายตาของคนเสื้อแดงได้อย่างมีประสิทธิภาพ..ถ้ามีใคร..ที่ชื่นชมผลงานของรัฐบาล..หรือคุณ thyrocyte เอง..จะกรุณาโยงผลงานจากนโยบายและฝีมือของรัฐบาล..เข้ากับค่าตัวเลขต่างๆ ที่พุ่งสูงขึ้น..ภาพจะได้ชัดเจน..แบบยอมรับได้โดยดุษฎี..ไม่มีข้อโต้แย้ง..ว่าเด็กสองคนเก่งจริงๆ...อย่างที่คุณเชื่อมั่น
ตอบ 1. ในกระทู้นั้น อย่างที่กล่าวผมถกในประเด็นเศรษฐกิจฟื้นตัว ว่าน่าจะมีการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจริงๆ ในนั้นไม่ได้ยกยอปอปั้นใคร ไม่ได้คิดจะไปแก้ไขภาพลักษณ์ของรัฐบาลในสายตาของคนเสื้อแดง ผมอ่านกระทู้คุณสมิงกิ๊งกิ๊ง แล้วต้องการใช้สิทธิสนับสนุนคุณสมิงกิ๊งกิ๊ง เรื่องการฟื้นตัวเศรษฐกิจ เห็นตัวเลขทางเศรษฐกิจออกมาสอดคล้องกับเรื่องของคุณสมิงกิ๊งกิ๊ง นั้นก็จึงเอามาอภิปรายก็เท่านั้น
แต่ก็เข้าใจละครับว่าคงมีสมาชิกที่ไม่ชอบรัฐบาล ก็คงอยากจะหาทางลดความน่าเชื่อถือของรัฐบาลที่ตนไม่ชอบด้วยวิธีการต่างๆ และคำถามทำนองนี้จะเห็นได้ว่ามีอยู่เป็นประจำซึ่งอันนี้ผมไม่ถือว่าเป็นเรื่องแปลกหรือห้ามถามห้ามพูดหรือถือว่าเป็นปฏิปักษ์แต่อย่างใด แต่ในข้อเท็จจริงนั้นผมก็ต้องวิจารณ์คำถามทำนองนี้ก่อนจะตอบเช่นกัน เพราะเรื่องเศรษฐกิจเป็นเรื่องสลับสับซ้อนเกินกว่าคนทั่วๆไปจะวิเคราะห์ได้ว่าอะไรทำให้เกิดอะไร อะไรเป็นผลของอะไร ดังนั้นคนทั่วไปอย่างผมหรือสมาชิกในบอร์ดคนอื่นๆ โดยมากก็ตอบกันได้ยาก เพราะต้องมีเวลา โดยเฉพาะตัวเลขเหล่านี้เพิ่งออกมาได้หนึ่งวันคงดูออกแค่ว่าดีหรือไม่ดี จะดีจากอะไรตรงไหนนั้นต้องรอการวิเคราะห์ครับ เพราะขนาดนักเศรษฐศาสตร์อาชีพยังต้องนั่งวิเคราะห์กันเป็นสัปดาห์หรือใช้นักเศรษฐศาสตร์กันหลายคนจึงจะวิเคราะห์กันออกมาได้
ดังนั้น คนทั่วไปอย่างผมเมื่อได้รับทราบข่าวดีก็เห็นว่าเศรษฐกิจมันดี หากเกิดในรัฐบาลทักษิณก็ต้องบอกว่าเป็นฝีมือทักษิณไปก่อน หากเกิดในรัฐบาลอภิสิทธิ์ก็ต้องยกให้เป็นฝีมือของรัฐบาลอภิสิทธิ์ไปก่อน แต่กรณีคุณทักษิณ เหตุเกิดมานานน่าจะมีนักเศรษฐศาสตร์วิเคราะห์วิจารณ์เรื่องนี้ไว้แล้วว่าใช่ฝีมือหรือไม่อย่างไรคงไปหาอ่านกันเอาเอง ในกรณีเวลานี้ รัฐบาลอภิสิทธิ์ก็คงวิจารร์ว่าเป็นผลส่วนหนึ่งจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกเช่นกัน แต่รายละเอียดว่ารัฐบาลมีส่วนในการฟื้นตัวมากน้อยหรือไม่เพียงไร คงต้องรอให้นักเศรษฐศาสตร์สำนักต่างๆออกมาชี้แจง
เฉพาะแต่ในเวลานี้ หากอ่านบทความของเอดีบี ที่ให้ลิงค์ไว้นั้น จะมีการกล่าวถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยว่าลองอ่านดูเองก่อนแล้วกันครับว่าเขาว่าอย่างไร จะมีตอนหนึ่งเกี่ยวกับบทบาทของรัฐบาลที่ได้มีผลในการฟื้นตัวว่ากล่าวว่า .... and fiscal stimulus measures put in place during the recession. นั้นคือมีมาตราการการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยงบประมาณเข้ามาในช่วงที่เกิดการถดถอยทางเศรษฐกิจ
A rebound in exports kick-started the recovery, but domestic demand contributed virtually all the gain in first-half GDP (Figure 3.9.2). Private consumption increased by 5.3%, after contracting by 2.3% in the prior-year period. Supporting factors included the much-improved economic and labor-market outlook, higher farm incomes due to rising prices of crops, and fiscal stimulus measures put in place during the recession.
สำหรับผมแล้ว ไม่ว่าจะรัฐบาลไหนก็ตาม หากสามารถประคองประเทศให้อยู่ในสภาวะที่เอื้ออำนวยต่อการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจของเอกชน และสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนทั้งในต่างประเทศและในประเทศได้ ก็ถือว่าสำเร็จแล้ว เพราะเศรษฐกิจนั้นขับเคลื่อนด้วยประชาชน ด้วยเอกชน ด้วยหน่วยธุรกิจน้อยใหญ่ทั่วประเทศ ทางรัฐบาลเป็นส่วนหนึ่ง กรณีรัฐบาลอภิสทิธิ์ถือว่าทำตรงนี้ได้ในระดับหนึ่ง และที่เป็นโบนัสแถมคือ การที่สามารถผ่านพรบ.ระดมเงินมาใช้จ่ายเพิ่มเติมในขณะที่เข้าวิกฤติ ตรงนี้มีความหมายเชิงสัญญลักษณ์มากต่อผู้ประกอบกิจการทั้งในและต่างประเทศที่ประกอบกันเป็นระบบเศรษฐกิจของไทย เพราะเป็นการสร้างหลักประกันว่า แม้จะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ เงินที่จะหมุนเวียนในระบบจะไม่ขาดหายไป เพราะรัฐบาลสามารถผ่านพรบ.เพื่ออัดฉีดเงินได้สำเร็จ ในทางตรงข้ามหากรัฐบาลไม่สามารถผ่านพรบ.นั้นได้ ความไม่มั่นใจไม่ไว้ใจต่อระบบเศรษฐกิจไทยจะสูง อาจถึงขั้นก่อให้เกิดวิกฤติต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม อันนี้ผมเข้าใจเอาตามประสาคนธรรมดาคนหนึ่งนะ จะผิดถูกอย่างไรก็คงไปอ่านความเห็นนักเศรษฐศาสตร์จะดีกว่า
อนึ่ง ผมขอความกรุณาคุณklab และสมาชิกที่รักทักษิณ ช่วยโยงผลงานจากนโยบาย เข้ากับค่าตัวเลขต่างๆ ที่พุ่งสูงขึ้น..ภาพจะได้ชัดเจน..แบบยอมรับได้โดยดุษฎี..ไม่มีข้อโต้แย้ง..ว่าท่านทักษิณเก่งจริงๆด้วยเช่นกัน
2. ...แสดงว่าสภาพัฒน์เคยบิดเบือนข้อมูลเหรอครับ...และองค์กรระหว่างประเทศเหล่านี้ก็ต้องมีการประเมินของตัวเองด้วยซิครับ...แล้วใครน่าเชื่อถือที่สุดครับ..ระหว่างเรากับเขา...
ตอบ 2. ปลายปี 2548 เคยมีข่าวว่าคุณทักษิณเคยสั่งให้สภาพัฒนฯปั่นตัวเลขนะ แต่รัฐบาลนี้ไม่มีข่าวแบบนั้น แต่ผมว่าก็คงไม่มีใครกล้าทำเพราะทำไปหลักฐานมันมัดตัว ส่วนเรื่องใครน่าเชื่อถือที่สุดระหว่างองค์กรในประเทศกับต่างประเทศ ผมว่า ก็น่าเชื่อถือทั้งคู่ ในช่วง 2-3 ปีมานี้ เท่าที่เคยอ่านๆดูเวลามีเวลาว่าง ก็เห็นตัวเลขสอดคล้องกันดี ผมว่าเอาข้อมูลมาประกอบกันสิครับ
3. เรื่องรายได้กรมสรรพากร
ตอบ 3 ก็แล้วแต่คุณ klab จะเชื่อดีกว่า
4. ..และที่ยังคาใจ..เป็นไปได้หรือไม่ที่เงินที่ไหลเข้าตลาดหลักทรัพย์จนทำให้หุ้นพุ่งไปเกือบพันจุด..มีส่วนทำให้รายได้ประชาชาติต่อหัวสูงขึ้น...หรือไม่เกี่ยวกันครับ...
ตอบ 4. ก็คงมีส่วนอยู่ แต่จะมากหรือน้อยไม่อาจจะบอกได้ ทราบแต่ว่ารายได้จากตลาดหลักทรัพย์ คิดเป็นรายได้ประชาชาติก็คงแต่ส่วนหนึ่ง
ส่วนคุณลุงถุง
มีพาดพิงมานิดหน่อย ผมขอตอบตรงส่วนที่ยกมาดังนี้ว่า ความยากจนของคนไทยนั้นลดลง สัดส่วนคนจนลดลง จำนวนคนจนลดลง เมื่อเทียบจากปี 2547 ที่ลุงถุงยกมา กับปี 2552 ดังต่อไปนี้
ความยากจนในมิติรายได้ ปี 2547 เทียบปี 2552
เส้นความยากจน ๑,๒๔๒ บาท/คน/เดือน ----->ปี 2552 -->๑,๕๘๖ บาท/คน/เดือน
สัดส่วนคนจน ๑๑.๒๕ % ของประชากร ------->ปี 2552 --> ๘.๑๒ %
จำนวนคนจน ๗.๐๘ ล้านคน ---------------->ปี 2552 -->๕.๔๒๑ ล้านคน
สัดส่วนครัวเรือนยากจน ๑๐.๓๒ % ของครัวเรือนทั้งประเทศ -->ปี 2552 --> ๗.๑๘ % ของครัวเรือนทั้งประเทศ
จำนวนครัวเรือนยากจน ๑.๘๙ ล้านครัวเรือน --------->ปี 2552 -->๑.๔๑๗ ล้านครัวเรือน
ไม่ทราบคุณลุงถุงคิดว่าแย่ลงหรือไม่เมื่อเทียบกับสมัยคุณทักษิณ
http://www.nesdb.go.th/portals/0/tasks/eco_crowd/%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B8%A5%202531-2552%20%E0%B9%80%E0%B8%9C%E0%B8%A2%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B9%88.xls
ขออนุญาตเข้ามาแก้ข้อความที่หล่นหายไปเรื่อง"รายได้จากตลาดหลักทรัพย์ คิดเป็นรายได้ประชาชาติก็คงแต่ส่วนหนึ่ง " และเพิ่มข่าวสัก 3-4 เรืองที่อ่านพบ
1.เรื่อง "ผลการดำเนินงานบจ. 9 เดือนแรกพุ่ง 4.35 แสนล้านบาท เติบโต 32.41% ยอดขายกว่า 5.3 ล้านล้านบาท"
บริษัทจดทะเบียนและกำไรที่เกิดขึ้นในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงบริษัทนายหน้าค้าหลักทรัพย์ แต่หมายถึงบริษัทที่ประกอบธุรกิจนั้น สามารถทำกำไรได้อย่างมากจากการประกอบธุรกิจในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา สำหรับบริษัทจดทะเบียนมีกำไรสุทธิสูงสุด 5 อันดับแรก คือ บมจ. ปตท. (ptt) บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (pttep) บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย (scc) บมจ. บ้านปู (banpu) และ บมจ.ธนาคารกรุงเทพ (bbl) ทั้งนี้ ภาพรวมของผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียน 8 กลุ่มอุตสาหกรรม (industry group) (ที่นำส่งงบการเงินและไม่รวมบริษัทในกลุ่ม nc และ npg) งวด 9 เดือน สิ้นสุด 30 ก.ย.2553 จำนวนรวม 447 บริษัท มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นทุกกลุ่มอุตสาหกรรม รวม 433,809 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 32.06%
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/finance/finance/20101118/363538/%E0%B8%95%E0%B8%A5%E0%B8%97.%E0%B9%80%E0%B8%9C%E0%B8%A29%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%9A%E0%B8%88.%E0%B8%81%E0%B8%B3%E0%B9%84%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%87!4.3%E0%B9%81%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99.html
2.ยอดขายรถยนต์เดือน ต.ค.พุ่ง 35.2% (16/11/2553)
http://www.rubberthai.com/rubberthai/index.php?option=com_content&view=article&id=4149%3A--352-16112553&catid=10%3A2010-05-04-03-57-14&Itemid=8
3.เก้าเดือนยอดลงทุนจากต่างชาติพุ่ง 46%
http://www.ch7.com/news/news_thailand_detail.aspx?c=2&p=4&d=109016
4.ยอดขายรถทั้งรถยนตร์และรถจักรยายนตร์ในประเทศเดือนส.ค.พุ่ง52%
http://www.stockwave.in.th/top-headline/14853-52.html
5.ตลาดรถจักรยานยนต์ไทยผ่านครึ่งปีแรก 2553 สุดคึกคัก โกยยอดขายกระฉูดแตะ 1 ล้านคัน
http://motochain.tarad.com/article?id=65171&lang=th
ปกติตลาดรถจักรยายนต์ไม่ใช่ตลาดหลักของคนรายได้สูง แต่เป็นตลาดของคนรายได้ปานกลางหรือรายได้ไม่มาก การที่ยอดขายพุ่งแสดงว่ากลุ่มคนรายได้ไม่มากไม่สูง ก็คงมีรายได้เพิ่มเช่นกันนะครับ
หากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว ทำไมบริษัทที่ประกอบธุรกิจเหล่านี้ จะขายของได้มากมาย จะทำกำไรเพิ่มได้มากมายขนาดนี้ครับ หากเศรษฐกิจไม่ฟื้นตัว ทำไมบริษัท ห้างร้าน เอกชน บุคคลต่างๆจึงมีเงินเสียภาษีให้สรรพากรเพิ่มจากเดิมมากแทบทุกเดือนครับ เพราะปกติบริษัทจะจ่ายภาษีเพิ่มได้ก็ต้องมีรายได้เพิ่ม บริษัทมีรายได้เพิ่มก็เพราะเศรษฐกิจมันดีขึ้นนะผมว่า เพราะบริษัทห้างร้านทั้งหลายก็ต้องประกอบธุรกิจขายสินค้า หรือขายบริการต่างๆ แสดงว่ามีคนซื้อสินค้าเขามากขึ้น มีคนใช้บริการมากขึ้น จึงทำให้เขามีรายได้มากขึ้น ส่งภาษีให้สรพพากรได้มากขึ้น
ดังนั้นตัวเลขนี้จึงชี้ชัดเจนว่าเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวจริงๆครับ (รายละเอียดรายได้ของสรรพากรที่เพิ่มขึ้นตลอดปี 2553 ดูในกระทู้เก่าครับ)
ขออนุญาตเข้ามาเพิ่มข่าวเกี่ยวกับยอดขายรถยนตร์และรถจักรยานยนตร์ และข่าวอื่นๆเพิ่มเพราะเป็นเรื่องเดียวกันกับกระทู้นี้ และไม่อยากจะไปตั้งกระทู้ใหม่ให้รกบอร์ดไปอีกเพราะมันก็เรื่องเดิมประเด็นเดิม อนึ่ง เรื่องที่สมาชิกบางคนวิจารณ์ว่าเงินได้เพิ่มแต่ของแพงจนซื้อของได้น้อยลงนั้นคงไม่จริง เพราะจากการคำนวณในกระทู้ก่อน พบว่ารายได้เพิ่มมากกว่าอัตราเงินเฟ้อนะครับ คือรายได้เพิ่มมา 13 เปอร์เซนต์ในช่วง 2549-2552 แต่อัตราเงินเฟ้อเพิ่มเพียง 5 เปอร์เซนต์ ปีนี้อัตราเงินเฟ้ออาจจะสูงขึ้นแต่รายได้ก็มากขึ้นมากทีเดียว
แก้ไขเมื่อ 24 พ.ย. 53 09:56:18
แก้ไขเมื่อ 23 พ.ย. 53 19:04:56