เนตรสว่างอีกครั้ง กก.สิทธิเอเชียแฉ "ไทยรัฐทหาร"

ที่มา : http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdNakUwTVRJMU13PT0=&sectionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBeE1DMHhNaTB4TkE9PQ==

สิทธิเอเชียแฉไทย'รัฐทหาร'

วันเดียวกัน คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งเอเชีย หรือเอเอชอาร์ซี เปิดเผยรายงานสรุปสถานการณ์สิทธิมนุษยชนประจำปีพ.ศ.2553 ในภูมิภาคเอเชีย โดยระบุเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศไทยว่า ศอฉ.ใช้อำนาจราวกับประ เทศไทยอยู่ในยุคของรัฐทหาร ศอฉ.ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ออกหมายเรียกบุคคลเข้าไปสอบสวนได้ตามต้องการ ผู้ที่ถูกเรียกให้ไปรายงานตัวจะต้องเข้าไปในค่ายทหาร และถูกแยกสอบปากคำนาน 2-3 ชั่วโมง บางรายนานถึง 6 ชั่วโมง จากเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งตำรวจ ทหาร และดีเอสไอ รวมไปถึงการแจ้งข้อหากับพลเรือน โดยอาศัยอำนาจตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน บางคนต้องรับโทษคุมขัง ทำให้ภาพที่ออกมาเหมือนราวกับว่า ประ เทศไทยเป็นรัฐทหาร

เอเอชอาร์ซีระบุด้วยว่า หลังการเปิดเผยแผน ผังล้มเจ้า ที่รัฐบาลอ้างว่ามีอยู่จริง เมื่อวันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมา นำไปสู่การแถลงของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ว่า มีหลักฐานเพียงพอ ถึงขั้นที่จะออกหมายจับ และห้ามบุคคลเดินทางออกนอกประเทศได้ แต่กลับไม่เคยนำหลักฐานดังกล่าวออกมาเปิดเผย

เชื่อ'นปช.'ไม่ใช่ภัยของชาติ

รายงานระบุต่อว่า อำนาจการสอบสวนที่ ศอฉ.ใช้มีความคล้ายคลึงกับการรักษาความสงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้เจ้าหน้าที่รัฐอยู่เหนือกฎหมาย และลิดรอนสิทธิ์โต้แย้งข้อกล่าวหา ขัดแย้งโดยตรงกับกติการะหว่างประ เทศ ว่าด้วยสิทธิพลเมือง และสิทธิทางการเมือง หรือไอซีซีพีอาร์ มาตรา 2 อีกทั้งการชุมนุมประท้วงของ นปช.ที่ผ่านมานำมาซึ่งการประ กาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งไม่เป็นไปตามกฎเกณฑ์ของไอซีซีพีอาร์ มาตรา 4 กำหนดให้ประกาศได้ต่อเมื่อเกิดสถานการณ์ที่เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของชาติ เนื่องจากไม่มีหลักฐานใดที่รัฐบาลได้นำออกมาเปิดเผย แล้วบ่งชี้ถึงภัยคุก คามดังกล่าว มีเพียงแต่สถานการณ์ที่เป็นอันตราย ต่อความมั่นคงของรัฐบาล

ดังนั้น ถ้อยแถลงของนายกษิต ภิรมย์ รมว. ต่างประเทศของไทย ที่ว่ารัฐบาลปฏิบัติอยู่ภายใต้ขอบเขตข้อกำหนดของไอซีซีพีอาร์จึงเป็นเท็จโดยสิ้นเชิง นอกจากนี้ คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติยังเพิกเฉยต่อสถานการณ์ สิทธิมนุษยชนที่ตกต่ำลงจากพ.รก.ฉุกเฉิน เนื่องมาจากนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว เอกอัครราชทูต และผู้แทนถาวรไทยประจำยูเอ็น ได้ดำรงตำแหน่ง ประธานคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชา ชาติเมื่อกลางปีที่ผ่านมาด้วย

สับเละ'กก.สิทธิไทย'ล้มเหลว

รายงานระบุอีกว่า เอเอชอาร์ซีเคยเรียกร้องให้ยูเอ็นลดความน่าเชื่อถือ และเพิกถอนสิทธิการเป็นสมาชิกในคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนของไทยมาตั้งแต่ปีพ.ศ.2540 เนื่องจากไม่ปฏิบัติสอดคล้องกับหลักการกรุงปารีสของยูเอ็น โดยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนของไทยขาดความเหมาะสม ทั้งในเชิงองค์ประกอบและกระบวนการสรรหาบุคลากร โดยคณะกรรมการ ที่เป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ 1 คน นักการเมือง 2 คน และนักธุรกิจที่ติดบัญชีดำละเมิดสิทธิมนุษยชน ของคณะกรรมการชุดก่อนหน้า ทั้ง หมดไม่เคยมีประวัติอันเป็นสาธารณประโยชน์ทางด้านสิทธิมนุษยชนแม้แต่คนเดียว ด้วยเหตุข้างต้นไม่น่าแปลกใจที่คณะกรรมการดังกล่าวจะ ล้มเหลวในการปกป้องเสรีภาพของชาวไทย ดั่งในเหตุการณ์วุ่นวายช่วยเดือนเม.ย.-พ.ค.ที่ผ่านมา

เอเอชอาร์ซีระบุในตอนท้ายว่า ท่ามกลางความแตกแยกที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น หน่วยงานของภาครัฐไม่เพียงแต่ติดตามจับกุมผู้ต้องสงสัยที่เป็นภัยคุกคาม แต่ยังเลยเถิดถึงขั้นจับกุมกลุ่มบุคคลที่เป็นกลาง อันจะเห็นได้จากการพุ่งเป้าไปที่นักเคลื่อนไหวอิสระ และกิจกรรมทางด้านสังคม ที่พบถี่ขึ้นเรื่อยๆ ด้วยข้อหาที่ไร้สาระ ส่งผลกระทบต่อเสรีภาพในการแสดงออก และผลักดันกระบวนการยุติธรรม เข้าสู่วังวนของความวุ่นวายทางการเมือง ด้วยการอ้างกฎหมายเป็นฉากบังหน้า เพื่อใช้เล่นงานฝ่ายตรงข้าม

จากคุณ	: เสือหวล
เขียนเมื่อ	: 14 ธ.ค. 53 13:41:38 A:118.172.212.172 X: