เห็นผลวิจัยของสำนักวิจัยและพัฒนาพระปกเกล้า งงอีกแล้วครับท่าน
|
 |
จะไม่ให้งงได้ไงครับ ก็ไม่เห็นต้องเสียเงินเสียทอง เสียเวลาไปวิจัยในเรื่องที่ แค่สามัญสำนึกก็น่าจะรู้แล้วว่า ใครน่านิยมกว่าใคร ถ้าไม่เชื่อเดี๋ยวคนๆเดียวอย่างผม ไม่ต้องอาศัยบุคลากรสักคน ไม่ต้องเสียเวลาไปวิจงวิจัยให้เมื่อยตุ้ม แค่ใช้ความทรงจำสักนิด ก็พอจะรู้แล้วว่า ประชาชนนิยมใครมากกว่าใคร
คนหนึ่งแค่บอกว่าจะลงสมัครลงเลือกตั้ง ก็มีกระแสการตอบรับอย่างมากมายจากประชาชน อีกคนเป็น ส.ส. มาเป็นสิบสมัย ประชาชนให้ความสำคัญแค่รูปหล่อ พูดจาดี
คนหนึ่งทำตามนโยบายที่หาเสียงได้แทบทุกนโยบาย ท่ามกลางคนที่ปรามาสว่าไม่มีทางทำได้จริง อีกคนบอกว่า 99 วันทำได้จริง แต่จนบัดนี้ยังไม่เห็นอะไรที่เป็นรูปธรรม นอกจากต่อยอดจากคนอีกคน
คนหนึ่งให้ประชาชนกู้ เพื่อนำไปซื้อมอเตอร์ไซด์ ซื้อมือถือ ที่ใครๆบอกว่าเป็นของฟุ่มเฟือย อีกคนกลับต้องให้ประชาชนกู้ เพียงเพื่อนำเงินไปใช้หนี้
คนหนึ่งทำให้ประชาชนทั้งประเทศใส่เสื้อเหลือง เพื่อแสดงความเทิดทูล อีกคนกลับมีส่วนทำให้ประชาชนทั้งประเทศไม่กล้าที่จะใส่เสื้อเหลือง
คนหนึ่งยิ่งบริหารยิ่งมีมิตรประเทศเพิ่มขึ้น อีกคนยิ่งบริหาร มิตรประเทศกลับยิ่งน้อยลง
คนหนึ่งเป็นนายกฯได้เพราะได้คะแนนเสียงจากประชาชนอย่างท่วมท้น อีกคนกลับต้องอาศัยรัฐธรรมนูญปี 50 จึงได้ ส.ส.จากพรรคฝ่ายค้านมาร่วมจัดรัฐบาล
คนหนึ่งยิ่งบริหาร ประชาชนกลับให้ความศรัทธายิ่งขึ้น จนได้เป็นนายกฯสมัยที่สอง อีกคนยิ่งบริหาร ปีนี้คะแนนกลับตกกว่าปีที่แล้ว
คนหนึ่งยอมยุบสภา ท่ามกลางความวุ่นวายทางการเมือง อีกคนกลับใช้กำลัง ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บมากมาย เพียงเพื่อยืดเวลายุบสภาไปได้อีกไม่กี่เดือน
คนหนึ่งลงทุกพื้นที่ทันที เมื่อประชาชนประสบกับภัยธรรมชาติ อีกคนยังรอรับเงินค่าปาฐกถาอยู่ในกรุงเทพ
คนหนึ่งสภาเกือบทั้งคณะต้องคอยฟัง อีกคนต้องคอยฟังสภาทั้งคณะ บางทีอาจมีคนนอกมีร่วมแจมด้วย
คนหนึ่งแก้ปัญหาอย่างฉับไว ทำให้ปัญหาลุล่วงอย่างรวดเร็ว อีกคนแก้ปัญหาด้วยการตั้งคณะกรรมการอย่างเดียว
คนหนึ่งเดินทางลงพื้นที่ทั่วทุกอณูของประเทศ โดยมีประชาชนห้อมล้อมด้วยความชื่นชม อีกคนลงได้แค่บางพื้นที่ ท่ามกลางการอารักขาอย่างเข้มแข็ง
คนหนึ่งทำให้คนจนลืมตาอ้าปาก อีกคนทำให้คนจนปิดปากส่ายหน้า
คนหนึ่งบุกดอนเมืองโดยไม่ผูกปาก เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนยามเกิดไข้หวัดซาร์ส อีกคนกลับให้ประชาชนเป็นเองหายเองยามเกิดไข้หวัด 2009
คนหนึ่งใช้การกระทำในการประชาสัมพันธ์ผลงาน อีกคนใช้งบประมาณภาษีในการประชาสัมพันธ์ผลงาน
และประเด็นสุดท้ายคนหนึ่งช่วงทำงาน 5 ปี ไม่เคยมีโพลท์สำนักไหนสำรวจว่ามีคะแนนต่ำกว่าครึ่ง ส่วนอีกคน สำรวจกี่หนก็สอบตกทุกครั้ง แม้กระทั่งโพลท์สดๆร้อนๆในวันนี้ ก็เพิ่งจะได้คะแนนผ่านครึ่งมานิดหน่อย แต่ก็หลังจากประกาศผลงานล่าสุด อีกทั้งมีการแจกจ่ายอย่างไม่เกรงกลัววินัยการคลัง และก็ผลจากการใช้งบประชาสัมพันธ์เป็นพันล้าน ซึ่งมากเป็นประวัติการณ์ แต่ก็ได้คะแนนมาเพียงเท่านี้
ดังนั้นผมจึงงงกับคุณถวิลวดีที่ยอมเสียเวลามาวิจัยเกี่ยวกับบุคลทั้งสองคนนี้ได้อย่างไร เปรียบไปก็เหมือนกับนำเอาคนที่เรียนดีมาตลอดมาเทียบกับคนที่เรียนได้แค่เกือบได้อย่างนี้ แล้วผลจะเป็นอย่างไรก็ไม่เห็นจะยากต่อการคาดคิดนี่ครับ ทำไมต้องทำการวิจัยอีกล่ะครับ เป็นงง
แต่ที่ไม่งง มีแต่ความประหลาดใจก็คือ คนที่สอบเกือบได้ ยังมีหน้าออกมายิ้มระรื่นเอ่ยถึงผลงานด้วยความภาคภูมิใจกระหยิ่มยิ้มย่องได้แบบนั้น ผมว่าคนที่หน้าบางทั้งหลายคงทำไม่ได้อย่างนั้นจริงๆนะครับ ผมว่า
จากคุณ |
:
ทวดเอง
|
เขียนเมื่อ |
:
27 ธ.ค. 53 09:07:49
A:183.89.209.95 X:
|
|
|
|