เรื่องนายะทเบียนจะเสนอยุบพรรคปชป.ใหม่อีกครั้งได้ไหม กับตอบคุณกันยายน และคุณเติ้ง1234
|
 |
เดมที่กระทู้นี้จะมีช่วงเดียวคือช่วงที่ 3 เรื่องนายทะเบียนหรือกกต.จะเสนอยุบพรรคปชป.ใหม่ได้หรือไม่ และเดมทีกระทู้นี้จะออกตอนบ่ายๆ แต่พอดีมีสมาชิกถามคำถามและพาดพิงจึงขอตั้งกระทู้เสียคืนนี้เลยนะครับ โดยแบ่งเป็น 3 ช่วง ดังนี้คือ ช่วงที่ 1 ตอบคุณกันยา(หรือคุณวิทยา)ในกระทู้ P9989735
เรียนคุณกันยา (หรือคุณวิทยา ผมไม่ทราบแน่ว่าชื่อล็อกอินคุณเป็นชื่อใดกันแน่ เพราะเห็นในกระทู้นั้นต้องลงท้ายวิทยา ก่อนแล้วตามด้วยกันยายน หรือว่าเคยไปกระทำความผิดอันรุนแรงไว้จนล็อกอินหายไปหรือเปล่าครับ) ผมต้องขออภัยที่ตอบกระทู้คุณช้า เพราะเมื่อวันว่างเฉพาะช่วงกลางวันตอนรอฟังคุณเติ้ง1234 ก็ไม่มาตกเย็นจนค่ำก็ไม่สามารถตอบกระทู้ได้ จึงต้องรอมาตอนนี้ตามสิทธิที่มีประจำวัน และผมยอมเสียพื้นที่กระทู้ที่เดิมที่ตั้งใจจะถกในสาระเรื่อง"นายทะเบียนและกกต.จะยื่นฟ้องใหม่ได้หรือไม่" มาใช้ตอบกระทู้สมาชิกที่พาดพิงเสียก่อน เรื่องนิสัยนั้นขอบคุณที่ชม นิสัยผมไม่เคยเปลี่ยนครับ ผมสุภาพเรียบร้อยมาตลอด ไม่เคยแสดงออกซึ่งกิริยาต่ำๆ หรือเฉกเช่นคนที่ควบคุมอารมณ์ตนเองไม่ได้เช่นคนบางคนที่เห็นๆกันอยู่ ส่วนเรื่องที่คุณว่า "หลอกตีกินนั้น" คุณอาจจะเอานิสัยเก่าของคุณมาเป็นบรรทัดฐานจึงคิดเช่นนั้นหรือเปล่าครับ เพราะสำหรับผมผมไม่นิยมหลอกตีกินใคร แต่การจะออกชื่อสมาชิกท่านใดในกระทู้ ก็จะออกเฉพาะแต่เมื่อต้องการขอความเห็น อันนี้เป็นหลักของผม การพูดหากเป็นกรณีอื่นๆผมไม่นิยมออกชื่อ เพราะไม่ต้องการให้ล็อกอินใดเสื่อเสียชื่อ นิยมพูดเป็นการรวมๆกันไป เพื่อให้ใจแต่ละคนทดสอบดูเอง หากใครไม่ได้ทำยอมไม่รับเอาไปเดือดร้อน แต่หากใครเคยทำความผิดนั้นๆไว้ ก็ย่อมเดือดเนื้อร้อนใจ โพล่งพลางออกมาดัวที่เห็นปรากฏชัดเจนอยู่นี้ ตอบคำถามรายข้อของคุณนะครับ 1. คุณกันยายน(วิทยา)ว่า "ที่ผมหาว่าคุณหนีกระทู้(ของผม) ก็เพราะ ผมถามคุณเรื่องพื้น ๆ ครับ ไม่ต้อง ตัดแปะข้อความยาว ๆ ให้มากเรื่อง แค่อยากถาม ไม่ใช่อยากแถ ถามสั้น ๆ ตอบสั้น ๆ .....จากหัวใจ.....ของคุณแค่นี้ก็พอครับ ไม่ต้องไปยกตัวอย่า่ง ของคนอื่นมาบอกผมหรอกครับ" ตอบ-คุณบอกว่าอยากถามไม่ใช่อยากแถ ก็คงจะจริงและผมก็ไม่เคยว่าคุณหรือใครๆแถ เพราะผมไม่นิยมคำนี้(อาจจะมีก็คงานๆสักครั้ง แต่ปกติไม่นิยมใช้คำนี้ เพราใจผมสงบเสมอไม่จำเป็นต้องไปใช้คำพวกนั้น) ส่วนเรื่องตัดแปะนั้น คุณเข้าใจผิดแล้ว กระทู้แต่ละกระทู้ของผมนั้น 60-70 เปอร์เซนจต์จะเป็นการพิมพ์ความคิดผมใส่ลงไป มีการยกกฏฆมาย หรือสาระที่จำเป็นมาประกอบเพื่อความสมบูรณ์ก็น่าจะราว 20-30 เปอร์เซนต์ คุณหันกลับไปดูกระทู้ของพวกของคุณเองที่ตั้งกันขึ้นมาจะดีกว่ากระมังครับ แต่ละกระทู้ผมเห็นยกข่าวมาตัดแปะเยอะแยะ แต่แล้วพิมพ์แสดงความเห็นไว้นิดเดียวเท่านั้น ดังนั้นคำว่าตัดแปะนี้คุณคงว่าพวกคุณด้วยกันเองเสียแล้ว อนึ่ง การยกตัวอย่างคนอื่นมาก็ยกเท่าที่จำเป็นเพื่อประกอบข้อเท็จจริง แต่ผมก็เข้าใจนะว่าคุณกลัวมาก เพราะเมื่อผมทำเช่นนี้ก็อาจทำให้คุณและพวกของคุณโต้เถียงไม่ออก เพราะข้อมูลความจริงมันปรากกบังคับอยู่ ก็อาจจะเก็บความแค้นฝั่งในใจไว้อยู่ อันนี้ก็เข้าใจละครับ 2. คุณกันยายน(วิทยา)ว่า "กระทู้นี้ก็เป็นอีกอันหนึ่งทีผมเคยถามแล้วมันก็หายไป http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P9949813/P9949813.html ..." ตอบ -กระทู้นั้นผมเห็นแล้ว แต่ไม่ได้ตอบเพราะปกติแม้ผมไม่ร่ำรวยมาก แต่ผมเดินตามห้างและร้านค้ารอบๆห้าง เป็นส่วนใหญ่ ตลาดนั้นแม่บ้านผมเขาเป็นคนเดิน แล้วทำไมหรือครับ กับการที่ผมไม่ได้ตอบกระทู้นี้ของคุณ มันเป็น ความผิดที่ยิ่งใหญ่หรือครับ ผิดกฏของห้องนี้ด้วยหรือครับ 3. คุณกันยายน(วิทยา)ว่า "แค่ผมแทงใจดำคุณเรื่อง ...หนีกระทู้...... คุณก็ต่อมแต๋วแตก ถึงกับหลังบ้านมาบอกให้ผมลบข้อความเลย" ตอบ- ปกติผมไม่รู้สึกว่ามีอะไรมาแทงที่ส่วนไหนเลยนะ คุณคิดฝันไปเองหรือเปล่าครับเนี่ย แต่ผมเห็นว่าหลังไมค์ไปคุยกับคุณดีน่าจะดีกว่า ผมหลังไมค์ไปอธิบายคุณว่า ในข้อเท็จจริงนั้น ผมให้ความเห็นทุกครั้งที่ผมเห็น ในกระทู้เดิม ดังนั้นหากคุณเชื่อที่ผมส่งหลังไมค์ไปอธิบาย คุณก็ควรลบคำสบประมาทผมออกไป แต่ผมเห็นแล้วว่าคุณไม่ลบคำสบประมาออกไป ก็ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจดีว่าคนบางจำพวกนะเป็นเช่นนี้ กลัวเสียหน้ามากกว่าจะยอมรับความจริง เพราะหากคุณมีสติปัญญาสักนิด หรือช่างสังเกตสักนิ คุณก็จะรู้ว่าผมไม่ได้เล่นห้องนี้ ประจำมานาน มาแต่ละครั้งก็อยู่แวบๆไม่ได้สิงอยู่ ไม่ได้เข้าทุกกระทู้ ดังนั้นผมจึงไม่เห็นทุกคำถามที่มีถึงผมหรอกครับ (อนึ่ง การที่คุณใช้คำในข้อสามนี้ มันบ่งชัดเจนถึงระดับการศึกษาและวุฒิภาวะทีเดียว) 4. คุณกันยายน(วิทยา)ว่า "ผมถามคุณเรื่อง คุณมีความคิดเห็นอย่างไรต่อ 3+1 และ คำพูดของคุณสดศรี เท่านั้น http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P9981729/P9981729.html คุณเล่นพาผมเข้าป่าเข้าพงไปเลย เล่นตัดแปะอะไร ๆ มาเยอะไปหมด บอกเคยมีพรรคนั้น พรรคนี้โดนยุบ เอาอะไรมา ใส่ให้มันเยอะ ๆ เข้าไว้ บอกตรง ๆ ครับ ผมไม่ได้สนใจเลยครับ แค่ถามว่า ....คุณคิดอย่างไร.... แค่นั้น" ตอบ-วิธีการตอบของผมเป็นแบบนั้นมานานแล้ว คือต้องมีหลักฐานประกอบ หากคุณไม่ชอบวิธีการตอบของผมก็ไม่ต้องถามผมสิครับ หากถามผม ผมก็ตอบสไตล์ผมนั้นแหละ คุณจะมาบังคับผมให้ตอบตามใจคุณได้อย่างไร สำหรับ ส่วนคำตอบข้อนี้หากคุณไปอ่านให้ดีๆคุณจะเห็นได้ว่าผมสรุปให้ฟังในนั้นว่า 3+1 เท่ากับ 4 นะเพราะกฏหมายของศาลรัฐธรรมนูญเขาบัญญัติให้นับมติที่ลงคะแนน ไม่ใช่นับเหตุผลที่เอามาลง เหมือนกรณีคุณทักษิณที่ชนะดคี 8 ต่อ 7 เสียง 8 และเสียงที่ให้ชนะนั้นมีหเตุผลต่างกันออกไปไม่เหมือนกัน กลับไปดูรายละเอียดในกระทู้เดิมผมค้นคว้ามาให้เพื่อประโยชน์ของสมาชิกที่เข้ามาอ่านแล้ว 5. คุณกันยายน(วิทยา)ว่า "แค่ถามความคิดเห็นต่อ...... ไม่ใช่ ขอหลักฐานประกอบคำตัดสินคดี ถ้าคิดไม่ได้ หรือ คิดไม่ออก หรือ วอร์รูม สั่งไม่ให้ทำเกินหน้าที่ ก็บอกตรง ๆ ก็ได้ ผมจะได้รับทราบ" ตอบ-ความคิดคนนะมันเลื่อนลอยคิดอย่างไรก็ได้ตามแต่อารมณ์หรือการถูกชักจูง หรือลุ่มหลงฝักใฝ่ ดังนั้นการตอบที่ดีและมีความน่าเชื่อถือที่ผมนิยมตอบคือต้องตอบอย่างมีหลักฐาน ผมเป็นแบบนี้มานานแล้ว คุณไม่ทราบหรอกหรือ หากไม่ทราบก็ทราบไว้นะครับ แล้วหากจะถามผมวันหลังก็ต้องทราบนะครับว่าผมจะตอบอย่างไร ส่วนเรื่องวอร์รูมอะไรนั้น เป็นคำกล่าวหาผมด้วยความอิจฉาใช่หรือเปล่าครับ ที่ผมสามารถเสนอกระทู้แบบมีข้อมูลได้ แต่ท่านทำไม่ได้และปกติเห็นชอบใช้วิธีเสนอแบบใช้อารมณ์แทน หมดช่วงที่ 1 ละครับ ช่วงที่ 2 ตอบคุณเติ้ง1234 กระทู้ P9990163 ก่อนอื่น ผมต้องขอบคุณอย่างมากครับ ที่ให้ความสนใจเข้ามาตอบ แต่ผมยอมรับว่าผมยังไม่เข้าใจเท่าไรนะ อ่านไปสามรอบแล้ว ไม่กล้าสรุปว่าคุณคิดอย่างไรกันแน่ คงเป็นเพราะผมเป็นชาวบ้านจริงๆอย่างที่คุรเติ้ง1234ว่า แต่ชาวบ้านนี้เป็นคนที่คุณทักษิณ พรคเพื่อไทยให้เกียรติมากนะครับ ดังนั้นคุณเติ้ง1234 น่าจะให้เกียารติตอบชาวบ้านคนนี้สักหน่อยครับว่า ในตัวอย่างที่ตั้งไว้เกี่ยวกับเรื่องนายทะเบียน เรื่องนายพัน งง เรื่องนายตำรวจประจำโพรวพัก และคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินนั้น ตกลง คุณเติ้ง1234 คิดอย่างไรครับ คิดว่า นายทะเบียน, นายพัน งง, นายตำรวจบนโรงพัก, คณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน สามารถใช้ดุลยพินิจของตนได้ แล้วเมื่อเหตุการณ์ผ่านไปมีเรื่องมีราวมีคนร้อง คนที่จะใช้ดุลยพินิจว่าสิ่งที่ได้กระทำไปนั้นคือนายทะเบียน, นายพัน งง, นายตำรวจบนโรงพัก, คณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินเท่านั้นใช่หรือไม่ ศาลไม่สามารถใช้ดุลยพินิจวินิจฉัยการกระทำของบุคคลเหล่านี้ว่าได้ทำไปต้องตามบทบัญญัติของกฏหมายใช่หรือไม่ คุณเติ้ง1234 คิดแบบนี้ใช่ไหมครับ เพราะหากคุณเติ้ง1234 ไม่ตอบให้ชัด ชาวบ้านอย่างผมจะพาลคิด คุณเติ้ง1234 มีหลักคิดว่า "นายทะเบียน, นายพัน งง, นายตำรวจบนโรงพัก, คณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน สามารถใช้ดุลยพินิจของตนได้ แล้วเมื่อเหตุการณ์ผ่านไปมีเรื่องมีราวมีคนร้อง คนที่จะใช้ดุลยพินิจว่าสิ่งที่ได้กระทำไปนั้นถูกต้องตามบัญญัติของกฏหมายหรือไม่ก็คือคนทำนั้นเองคือ คือนายทะเบียน, นายพัน งง, นายตำรวจบนโรงพัก, คณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินเท่านั้น ศาลไม่สามารถใช้ดุลยพินิจวินิจฉัยการกระทำของบุคคลเหล่านี้ว่าได้ทำไปต้องตามบทบัญญัติของกฏหมาย แต่เอาเถอะครับ ดังที่ผมแจ้งไว้ในกระทู้เมื่อเช้าวันเสาร์ ผมว่าเป็นสิทธิที่แต่ละคนจะคิดเห็นเช่นไรนะครับ และผมสนใจจะถกเรื่องอื่นๆมากกว่าจะมาจำเจซ้ำซากกับเรื่องนี้  ช่วงที่ 3 เรื่องกกต.ยื่นฟ้องใหม่ได้หรือไม่... เรื่องนี้ที่จริงเป็นเรื่องหลัก แต่คงต้องรอพรุ่งนี้เสียแล้วเพราะคืนนี้ดึกเกินไปครับ เพราะเรื่องนี้กำลังตรวจสอบข้อมูลเพื่อประโยชน์แก่สมาชิกที่เข้ามาอ่านก่อนลงนำเสนอ เดิมทีว่าจะตั้งกระทู้ตอนบ่าย แต่มีเหตุให้ต้องตอบคำถามสามชิกคือนนี้ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้บ่าย ข้อมูลตรงนี้น่าจะเสร็จครับ............ ********************************************************** 13.24 น. เริ่มโพสต์เรื่องนายทะเบียนและกกต.ยื่นฟ้องใหม่ได้หรือไม่ เรื่องนี้ผมว่ามีประเด็นที่ต้องพิจารณาคือ 1.ตามกฏหมายนั้น ฟ้องซ้ำได้หรือไม่เพราะเหตุใด 2.หากไม่ขัดในข้อกฎหมายและสามารถฟ้องซ้ำได้ จะมีปัญหาเรื่องอายุความอีกหรือไม่ ข้อ 1 ตามกฏหมายนั้น ฟ้องซ้ำได้หรือไม่เพราะเหตุใด ศาลรัฐธรรมนูญมีข้อบังคับการพิจารณาคดีของตนเองอยู่ (ที่จริงต้องเป็นพรบ.แต่ตอนนี้พรบ.การพิจารณาของศาลรธน.ยังไม่เสร็จ จึงใช้ข้อบังคับเดิมปี 2550ไปก่อน) ในข้อบังคับไม่มีบทบัญญัติเกี่ยวเรื่องการฟ้องซ้ำ แต่ในมาตรา 6 บัญญัติตอนท้ายว่า ในกรณีที่ไม่มีข้อบังคับของศาลรัฐธรรมนูญกำหนดในเรื่องใด ให้ใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งตราบเท่าที่ไม่ขัดต่อข้อบังคับ ซึ่งในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมีบัญญัติเกี่ยวเรื่องการฟ้องซ้ำ หรือร้องซ้ำไว้ในมาตรา 164 ความว่า มาตรา ๑๔๘ คดีที่ได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สุดแล้วห้ามมิให้คู่ความเดียวกันรื้อร้องฟ้องกันอีก ในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน เว้นแต่ในกรณี ต่อไปนี้ (๑) เมื่อเป็นกระบวนพิจารณาชั้นบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาล (๒) เมื่อคำพิพากษาหรือคำสั่งได้กำหนดวิธีการชั่วคราวให้อยู่ภายในบังคับที่จะ แก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกเสียได้ตามพฤติการณ์ (๓) เมื่อคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นให้ยกฟ้องเสียโดยไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะนำคำ ฟ้องมายื่นใหม่ ในศาลเดียวกันหรือในศาลอื่น ภายใต้บังคับแห่งบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วย อายุความ หากนายทะเบียนและกกต.จะฟ้องซ้ำโดยพยามยามไปประชุมกันอีกรอบแล้วมีมติให้ส่งคำร้องต่อศาลรธน. ก็ไม่เข้าบัญญัติ ข้อ(๑) หรือ (๒) หรือ (๓) แต่จะอาศัยความในวรรคแรกของมาตรานั้นที่ว่า ห้ามมิให้คู่ความเดียวกันรื้อร้องฟ้องกันอีก ในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน หากจะฟ้องซ้ำหรือร้องซ้ำต่อศาลรธน.อีกครั้งเพื่อให้ยุบพรรคจากการกระทำความผิดต่อพรบ.พรรคการเมือง มาตรา 93 ดูแล้วน่าจะเป็นประเด็นเดิมคือ ประเด็นเรื่องขอยุบพรรค ที่อาศัยเหตุเดิมคือ การกระทำที่ผิดต่อพรบ.พรรคการเมือง มาตรา 93 วรรคแรกเรื่องเงินสนับสนุนพรรคการเมือง ดังนั้นดูในเวลานี้ ตามความเห็นผม น่าจะฟ้องไม่ได้ (ในความเห็นผมนั้น.........เหตุมี่มีบัญญัติแบบนี้ก็เพื่อป้องกันการเวียนเทียนฟ้องกันไม่รู้จบไม่รู้เลิก เช่นกรณีร้องยุบพรรคปชป. นายทะเบียนยื่นร้องครั้งแรก พอเรื่องเข้าสู่การไต่สวนของศาล พอสุดท้ายศาลวินิจฉัยว่ามีความไม่สมบูรณ์ในขั้นตอนนายทะเบียนก็ดี เรื่องระยะเวลาการฟ้องคดีก็ดี พอศาลยกคำร้องไป หากนายทะเบียนกลับไปทำตามขั้นตอนที่วินิจฉัยว่าไม่สมบูรณ์เสียใหม่ ก็ต้องถามว่าทำไมไม่ทำให้สมบูรณ์เสียตั้งแต่ก่อนฟ้งครั้งแรก และหากกฏหมายเปิดโอกาสให้ยื่นฟ้องซ้ำซ้อนได้ ในฟ้องครั้งที่สองศาลพบความไม่สมบูรณ์ในขั้นตอนอื่นอีกต้องยกคำร้องอีก ก็มิต้องย้อนกลับมาแก้ไขและฟ้องร้องกันใหม่มิรู้จบสิ้น ซึ่งย่อมไม่เป็นธรรมแก่คู่คดีอีกฝ่าย และส่งเสริมให้มีการฟ้องร้องพร่ำเพรือไม่รับผิดชอบตรวจและทำสำนวนการฟ้องให้สมบูรณ์จริงๆเสียก่อนที่จะฟ้อง ดังนั้นกฏมายมาตรานี้จึงปรามคู่คดี ให้เตรียมการด้านดคีให้สมบูรณ์ที่สุด เพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าว....ก็เป็นการอนุมานอีกเช่นเคยครับ ว่าน่าจะเป็นด้วยเหตุนี้ จึงมีมาตรานี้) 2.หากไม่ขัดในข้อกฎหมายและสามารถฟ้องซ้ำได้ จะมีปัญหาเรื่องอายุความอีกหรือไม่ เอาละ หากมีการตีความตามปวพ. 148 แล้วบอกว่าฟ้องซ้ำได้และมีการยื่นร้องซ้ำต่อศาลรธน.เพื่อยุบพรรค อาจมีปัญหาเรื่องอายุความหรือกำหนดการฟ้อง ที่จะต้องเริ่มนับจาก วันที่เหตุปรากฏแก่นายทะเบียน ตามที่เคยมีการวินิจฉัยกันมาก่อนในคดียุบพรรคธัมมาธิปไตย พรรคพลังธรรม และพรรคธรรมชาติไทยนั้น ในคำวินิจฉัยกลางเขียนไว้ว่า"เหตุปรากฏแก่นายทะเบียนในวันที่ที่ประชุมกกต.มีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ" แต่ทั้ง 3 คดีนั้นเป็นกรณีที่ไม่ซับซ้อน วันที่ที่ประชุมกกต.มีมติดังกล่าวล้วนแต่เป็นวันที่เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งสรุปสำนวนความผิดมาให้ที่ประชุมซึ่งมีนายทะเบียนนั่งประชุมอยู่ ที่ประชุมและที่ประชุมมีมติที่สามารถพิจารณาได้เป็นสองประการคือ หนึ่ง กกต. มีมติว่าพรรคนั้นผิดจริงตามที่สำนักงานกกต.สรุปสำนวนมา และสอง ให้นายทะเบียนดำเนินการต่อตามาตรา 93 วรรคสอง หรือถ้าเอาตามตัวอักษรในบัญญัติของมาตรา 93 วรรคสอง ต้องบอกว่า นายทะเบียนขอความเห็นชอบกกต.ส่งเรื่องให้ศาลรธน.วินิจฉัยยุบพรรค ในความหมายตามตัวอักษรภาษาไทย ผมว่าคนทั่วไปจะรู้สึกว่า"เมื่อเหตุปรากฏแก่นายทะเบียน" น่าจะเป็นตอนที่ ที่ประชุมกกต.สรุปว่าพรรคทำผิด ในขณะนั้นนายทะเบียนคือประธานกกต.ร่วมประชุมอยู่ ก็จะถือว่า เหตุปรากฏแก่นายทะเบียน ในทันที่ที่ประชุมกกต.วินิจฉัยว่าพรรคนั้นผิดและนายทะเบียนนั่งรับฟังอยู่ แต่การส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ได้เป็นองค์ประกอบของเหตุปรากฏแก่นายทะเบียน เพียงแต่เมื่อมีเหตุปรากฏแก่นายทะเบียน แล้ว นายทะเบียนจะต้องขอมติกกต. ขอความเห็นชอบกกต.ส่งเรื่องให้ศาลรธน.วินิจฉัยยุบพรรค ซึ่งในกรณีของทั้งสามพรรคคือ คดียุบพรรคธัมมาธิปไตย พรรคพลังธรรม และพรรคธรรมชาติไทย นั้น ทั้งการประชุมว่าพรรคทั้งสามผิดและมติให้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญนั้นอยู่ในวันเดียวกัน คำวินิจฉัยกลางของทั้งสามพรรคจึงวินิจฉัยว่าเหตุปรากฏแก่นายทะเบียน คือวันที่ที่ประชุมกกต.มีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ ที่นี้ในกรณีที่ ที่ประชุมกกต.และนายทะเบียนเกิดมีมติแยกกัน คือมติที่หนี่งสรุปว่าพรรคนั้นผิดจริงตามมาตรา 93 วรรคแรก แล้วแยกไปอีก 10 วันหรืออีกหลายเดือนจึงมีมติที่สองคือ นายทะเบียนเสนอขอมติกกต.เพื่อยุบพรรคนั้น หากเป็นแบบนี้ จะนับวันที่เหตุปรากฏแก่นายทะเบียน เป็นวันไหน ตามความเห็นผมนั้น ผมว่าหากดูตามบัญญัติของตัวอักษรในมาตรา 93 วรรคสองแล้ว น่าจะเป็นวันที่มีมติที่หนี่งสรุปว่าพรรคนั้นผิดจริงตามมาตรา 93 วรรคแรก ซึ่งในกรณีคดีปชป.นั้น ในการประชุมวันที่ 17 ค.2552 ครั้งที่ 144/2552 ที่มีการรับทราบสรุปรายงานของอนุกรรมการสอบสวนพรรคประชาธิปัตย์แล้วมีมติให้ดำเนินการต่อมาตรา 95 นั้นย่อมบ่งว่าที่ประชุมยอมรับความเห็นของอนุกรรมการ นั้นคือกกต.เห็นว่าปชป.ผิดจริง หากเป็นเช่นนี้ต้องถือว่านายทะเบียนได้รับทราบเหตุตั้งแต่ในวันนี้แล้วนั้นเอง คำวินิจฉัยของศาบมนอดีตนั้น เป็นเพียงแค่แนวทางเท่านั้น หากพฤติการณ์คดีต่างออกไป การวินิจฉัยว่า เหตปรากฏแก่นายทะเบียน ย่อมจะต่างไป แต่ต้องยึดถือตามข้อเท็จจริงและสมามัญสำนึกว่า คำว่า เหตุปรากฏแก่นายทะเบียนก็คือนายทะเบียนได้รับทราบว่าพรรคนั้นกระทำความผิดจากมตกกต. การที่นายทะเบียนประชุมอีกรอบเพื่อขอมติกกต.ฟ้องศาล ไม่น่าจะเป็นองค์ประกอบของคำว่า เหตุปรากฏแก่นายทะเบียนไปได้ ขอให้ความเห็นส่วนตัวไว้แค่นี้ก่อนครับ พอดีติดธุระต้องออกไปทำครับ 19.48 เข้ามาเพิ่มเติมความเห็นในเรื่องที่ทำไมกฏมายจึงมีปวพ.148 ห้ามฟ้องซ้ำ โดยลงเปนตัวอักษรสีม่วงทั้งหมด เพื่อให้ทราบว่าเป็นส่วนความเห็นที่เพิ่งเพิ่มเติมเข้ามา และขอแจ้งว่าได้เห็นกระทู้ของคุณ feathers_rose ลแคณ POE แล้ว แต่คงต้องตอบพรุ่งนี้แทน วันนี้ยังมีธุระส่วนตัวอยู่อีกมาก .
แก้ไขเมื่อ 05 ธ.ค. 53 19:46:25
แก้ไขเมื่อ 05 ธ.ค. 53 13:26:58
แก้ไขเมื่อ 05 ธ.ค. 53 13:24:40
แก้ไขเมื่อ 05 ธ.ค. 53 00:38:04
| จากคุณ |
:
thyrocyte
|
| เขียนเมื่อ |
:
วันพ่อแห่งชาติ 53 00:22:17
A:124.121.99.63 X:
|
|
|
|