ถึงวันนี้ ทุกท่านคงรับรู้กันอย่างถ้วนหน้าแล้วว่า...ขบวนการเสื้อแดงไม่ได้ละลายหายไปกับการปราบปรามอย่างเหี้ยมโหดของรัฐบาลเผด็จการซ่อนรูป แต่ยังดำรงอยู่ในลักษณะฟื้นฟูกำลัง สะสมความคิด และจุดเปลวเทียนแห่งการต่อสู้มิให้ดับมอดด้วยกลยุทธเชิงสันติ ดังที่ปรากฏในรูปแบบรวมมวลชนในงาน..อาทิตย์สีแดง...และวันรำลึกเหตุการณ์เลือด เป็นครั้งคราวสม่ำเสมอ
แต่ในอีกด้านที่เป็นกลยุทย์เชิงรุก ซึ่งสะท้อนถึงการมุ่งเอาชัยชนะแบบเกาะติด หรือกัดไม่ปล่อยของพี่น้องเสื้อแดง ก็คือ มาตรการบอยคอตสินค้าที่สนับสนุนเผด็จการเข่นฆ่าคนเสื้อแดง เริ่มจากบะหมี่ยี่ห้อดัง "คุณแม่" (ขออภัย ที่นำเสนอชื่อจริงบะหมี่สำเร็จรูปยี่ห้อนี้ไม่ได้ในที่นี้ ด้วยไม่เชื่อว่าราชดำเนินจะมีเสรีภาพเหมือนแต่ก่อน) อันเป็นมาตรการนำร่อง และถือว่าเป็นนโยบายการต่อสู้แบบอหิงสารูปแบบใหม่ โดยใช้การสื่อสารถึงกันและกันทั้งแบบปากต่อปากและอินเทอร์เนต มาตรการนี้ได้ส่งผลกระทบอย่างหนักหน่วงต่อบริษัทผู้ผลิต เมื่อสมาชิกและแนวร่วมคนเสื้อแดงทุกองค์กรทั่วโลก กว่า 20 ล้านคนรับรู้และตอบสนองไม่ยอมซื้อบะหมี่"คุณแม่" เป็นเวลา 1 เดือน ตามโครงการรณรงค์ (แต่เชื่อว่าจะตลอดไป โดยหันไปซื้อยี่ห้ออื่น) ข่าวล่าสุด ผู้ผลิตมีการพยายามหาทางแก้ไขวิกฤตินี้ในตลาดหุ้นกันอย่างจ้าละหวั่น
การบอยคอตสินค้าที่สนับสนุนเผด็จการนี้ ไม่ใช่วิธีการต่อสู้ที่เพิ่งค้นพบใหม่ มหาตมะ คานธี เคยนำมาใช้อย่างได้ผลมาแล้วเมื่อครั้งต่อสู้ทวงเอกราชจากอังกฤษ ด้วยการรณรงค์ให้คนอินเดียไม่ใช้สินค้าของอังกฤษ ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการพิชิตอังกฤษอย่างสันติในที่สุด
หันกลับมาสู่ประเทศไทย....หลังจากผ่านเหตุการณ์ถูกล้อมฆ่ามาหมาดๆ มวลชนคนเสื้อแดงขณะนี้คงไม่คิดแก้แค้นใครแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน.....และคงไม่คิดสู้ด้วยการประดาบให้เลือดเดือด
แต่จะหันมาสู้ในหลากหลายรูปแบบ แบบสันติวิธี....แต่ทรงพลัง
การบอยคอตสินค้า บะหมี่ยี่ห้อดัง"คุณแม่" เป็นเวลา 1 เดือน จึงเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของแนวคิดเชิงรุกที่มวลชนคนเสื้อแดงนำออกมาใช้
ซึ่งเชื่อว่า...มาตรการนี้คงจะลามไปถึงสินค้าอื่นๆของบริษัทในเครือฯ
แม้จะไม่ทำให้บริษัทล้มในพลันทันที แต่ก็ทำให้พวกเขาสำนึกว่า คนเสื้อแดงจะไม่ยอมจ่ายเงินอุดหนุนสินค้าที่นำผลกำไรใดๆไปอุดหนุนเป็นทุนให้คนบางพวกนำมาใช้ในกิจกรรมเข่นฆ่าพี่น้องเสื้อแดงอีกต่อไป
ปล. สวัสดีปีใหม่นะขอรับทุกๆท่าน