เรื่องที่ 1 มาร์คจะต้องรับผิดชอบอย่างไรต่อกรณีพนิช

เรื่องนี้กำลังเป็นเรื่องร้อนแรงในเวลานี้พอสมควร เพราะมีคลิปออกมา และมีข้อความในคลิปพาดพิงมาถึงมาร์คว่าทราบเรื่องพนิช และเสียงเนื้อความในคลิป หากพิจารณาโดยผิวเผินหมือนกับว่าพนิชรู้ตัวเองว่ากำลังรุกล้ำเขตแดนอันเป็นทางการถูกต้องตามกฎหมายระหว่างประเทศของกัมพูชาอยู่ และมาร์ครู้เห็นเป็นใจถึงการละเมิดรุกล้ำเขตแดนอันเป็นทางการถูกต้องตามกฎหมายระหว่างประเทศของกัมพูชานี้ ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ ก็ต้องถือว่าไม่สมควรอย่างยิ่ง

ข้ามเข้ามาในเขตกัมพูชาแล้วจริงหรือ
ในคลิปนั้นจะมีข้อความที่ชัดเจนตอนหนึ่งว่า "เผื่อสัญญาณขาดให้โทรไปบอกสมเกียรติ เลขาท่านนายกฯด้วยนะ ว่าตอนนี้เราข้ามมาในเขตกัมพูชาแล้ว ถ้าเกิดมีอะไรจะได้ประสาน เพราะเราเข้ามาในเขตกัมพูชาแล้ว แต่อย่าให้ใครรู้นะ เพราะมีนายกฯรู้อยู่คนเดียว" ที่ว่าข้ามเข้ามาในเขตกัมพูชาแล้วนั้นหมายความว่าอย่างไรกันแน่    ตรงนี้มีสมาชิกให้ความเห็นไว้มากมายแล้ว แต่ผมขอให้ความเห็นที่ถือว่าเป็นคำตอบที่แตกต่างออกไป โดยอาศัยข้อความจริง คือ

- บริเวณหลักหมุด 46 และบ้านโนนหมากหมุ่นนั้น เป็นบริเวณที่ยังไม่มีการปักปันเขตแดนอย่างเป็นทางการ เจ้าหน้าที่ไทยที่เกี่ยวข้องเรื่องนี้คือคุณวาสนา ห่อนบุญเหิม ผอ.กองเขตแดนฯ เปิดเผยว่า หลักเขตที่ 46-47และ 48 บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น คณะกรรมการเขตแดนยังไม่ได้เข้าสำรวจพื้นที่ในการปักปันเขตแดน จึงทำให้ประชาชนทั้งไทยและกัมพูชา เข้าใจคลาดเคลื่อนกรณีเขตแดน แต่ประชาชนทั้งสองประเทศ ต่างทำมาหากินกันในพื้นที่โดยไม่มีปัญหาความขัดแย้งใดๆ 
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1294052498&grpid=01&catid=&subcatid=

- ทางฝ่ายพนิชเอง ก็ถือว่าเขตที่ว่าเป็นของกัมพูชานั้น หมายถึงเป็นของกัมพูชาเพราะกัมพูชาเข้ามายึดครองจากไทย ไม่ใช่เป็นของกัมพูชาโดยถูกต้องตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ดังจะเห็นได้จากการโต้ตอบทางโทรศัพท์ที่มีความว่า “"บอกท่านนายกฯว่าน่าจะเงียบๆไว้ มีอะไรจะได้ประสานเข้าไป บอกว่าเราข้ามเข้ามาแล้ว พวกเราข้ามมาแล้วพยายามจะมาที่หมุด 46 ซึ่งอยู่ในฝั่งไทยแต่เป็นพื้นที่ที่ทหารกัมพูชาอยู่"

- ในช่วงก่อนจะมีการพูดโทรศัพท์กับเลขาส่วนตัวและมีการพาดพิงนายกฯนั้น จะมีคลิปช่วงหนึ่ง แสดงให้เห็นว่านายพนิช นายวีระ ชี้ชวนดูรั้วและแนวลวดหนามเดิมของชาวบ้าน (แนวรั้วลวดหนามของชาวบ้านย่อมไม่ใช่แนวเขตแดนที่จะถือเป็นแนวเขตแดนระหว่างประเทศอันเป็นทางการได้ แนวเขตระหว่างประเทศจะเป็นหลักหมุดมีลักษณะคล้ายหลักกิโลเมตร ที่มีตราประทับ) ในตอนนั้นจะมีการสนทนามีความว่า
พนิช “แนวรั้วนี้เป็นของใคร”
วีระ “เป็นแนวรั้วของไทย”
พนิช “อ๋อ ถ้าเราข้ามไปนี่คือเขตกัมพูชาเหรอ ?”
วีระ “คือที่ดินไทยนี้แหละ แต่ตอนี้กัมพูชามายึดครอง...”
และมีการชี้ไปถึงหมู่บ้านที่อยู่ไกลออกไป ทางวีtะบอกไว้ในคลิปว่าเป็นหมู่บ้านคนไทยที่กัมพูชาเข้ามายึดครองเช่นกัน

ดังนั้น ข้อความที่พนิชโทรไปหาลูกน้องแจ้งว่า “ข้ามเข้ามาในเขตกัมพูชาแล้ว” นั้น ตามข้อเท็จจริงที่พนิชเข้าใจน่าจะหมายถึงคือ “ข้ามเข้ามาในเขตแดนที่น่าจะเป็นของไทยแต่ถูกกัมพูชายึดครองไว้อยู่ในเวลานั้น” เพราะบริเวณนั้นยังไม่มีการปักปันเขตแดนให้แน่ชัด แนวเขตแดนระหว่างประเทศอย่างเป็นทางการไม่มีอยู่ และทางกลุ่มนายพนิชโดยการชี้นำของวีระ เข้าใจว่าเป็นเขตแดนไทยที่กัมพูชายึดครอง อาจจะสอดคล้องกับข่าวที่ว่า ชาวบ้านที่มีทำกินบริเวณนั้น ร้องเรียนไปที่ทำเนียบรัฐบาลว่า ที่นาตามโฉนด ถูกทางกัมพูชาเข้ายึดครอง และให้ทางการไทยเข้าไปช่วย อาจจะเป็นไปได้ว่าทางมาร์คสั่งให้พนิชลงไปดูปัญหาที่ชาวบ้านร้องเรียนนี้จริง แต่การปฏิบัติของพนิช ขาดความรอบคอบและไม่ทำในสิ่งที่ควรทำคือประสานไปยังหน่วยตำรวจหทารที่รับผิดชอบบริเวณนั้น

“แต่อย่าให้ใครรู้นะ เพราะมีนายกฯรู้อยู่คนเดียว” อันนี้แล้วแต่จะตีความกันไป หากจะตีความเพื่อจะโจมตีมาร์ค ก็คงเป็นไปอย่างที่หลายๆกระทู้ข้างล่างโพสต์ไว้ แต่หากจะตีความอีกมุมหนึ่ง ก็อาจหมายถึงว่า “แต่อย่าให้ใครรู้นะ เพราะมีนายกฯรู้อยู่คนเดียว…ส่งผมมาสืบหาข้อเท็จจริงเรื่องนี้ดูสภาพพื้นที่ และหยั่งเสียงชาวบ้านในเขตนี้ดู” ทั้งนี้ นายพนิชอาจไปเชื่อนายวีระที่แจ้งว่า หากมีการจับกุมตัว ทางฝ่ายไทยสามารถประสานเพื่อขอรับตัวกลับได้อย่างที่เคยมีการปฏิบัติมา ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ประมาทอย่างรุนแรง

แม้ว่าสุดท้ายแล้ว จุดที่พนิชและคณะถูกจับกุมนั้นอาจจะตกเข้าไปอยู่ในเขตของกัมพูชาที่เป็นเขตแดนอันเป็นทางการแล้วก็ตาม ก็น่าจะเกิดเพราะการพลัดหลงเข้าไปหรือเข้าใจผิดในพื้นที่ แต่จากคลิปที่เห็นพนิชและคณะเชื่อว่าตนเองยังอยุ่ในเขตแดนไทยแต่เป็นเขตแดนที่ถูกกัมพูชายึดครอง

ความรับผิดของมาร์คในที่นี้ จึงไม่ใช่ความความรับผิดเรื่องเจตนาส่งคนไทยข้ามเขตแดนอันเป็นทางการของกัมพูชา และตามบทกฏหมายกัมพูชา ก็คงไม่มีบทกฎหมายใดถึงตัวมาร์คแน่นอน เพราะกฎหมายเขมรน่าจะเหมือนกฎหมายประเทศอื่นคือ การเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายเป็นความผิดเฉพาะผู้กระทำและมีความผิดเฉพาะตอนกระทำหรือสนับสนุนขณะอยู่ในเขตประเทศที่ทำ ต่างไปจากความผิดบางอย่างที่ทำแม้เป็นตัวการหรือให้สนับสนุนอยู่นอกประเทศนั้นก็ยังต้องรับผิดในประเทศนั้น เช่นการฟอกเงิน การค้ามนุษย์ การสนับสนุนการจลาจล หรือการสนับสนุนล้มล้างระบบการปกครอง

แต่ความรับผิดที่มาร์คจะโดนท้วงถามน่าจะเป็นเรื่องความเหมาะสมหรือความรอบคอบที่ใช้ให้พนิชไปดูแลเรื่องนี้ จนเกิดเหตุเลยขอบเขตไป ที่สุดเจ้าตัวคือคุณพนิชก็รับเคราะห์ที่ตนทำการประมาทไป แต่หากมองลงไปถึงเจตนาลึกๆ น่าจะมาจากเจตนที่ดีที่ต้องการช่วยชาวบ้านที่ตรงนั้นมีปัญหา ถึงกับต้องขอให้ทางการส่งคนลงไปดู และมีการถือโฉนดที่ดินไปจนถูกกัมพูชาจับกุม เจตนาที่ดีแต่เมื่อใช้คนที่ไปกระทำการเกินเลยไป ก็ส่งผลกลับมาทำให้ไม่ได้สิ่งที่ดีตามที่คาดหวัง และการแก้ปัญหานี้ จริงๆแล้วน่าจะใช้วิธีอื่น เช่นผ่านกระบวนการของคณะกรรมาธิการชายแดนอย่างเป็นทางการน่าจะดีที่สุด

แต่เรื่องนี้ก็คงต้องรอฟังมาร์คอีกทีว่าจะมีรายละเอียดตรงนี้เพิ่มเติมหรือมีเหตุผลอื่นๆหรือไม่อย่างไร

เรื่องที่ 2 เรื่องกระทู้เมื่อวาน

ที่จริงกระทู้เมื่อวานมีสองส่วน ส่วนหนึ่งตอบให้คุณเลื่องชื่อระบือนาม ซึ่งต้องขอขอบคุณคุณเลื่องชื่อระบือนามที่กรุณาให้กิฟต์ตอบไว้ในกระทู้นั้น เพราะคนตอบคือผมย่อมรู้สึกดีใจพอสมควรที่คนที่เราคิดว่าอาจจะมีความเห็นแย้งกระทู้เรา มีความพอใจในระดับหนึ่งและให้กิฟต์ ก็ต้องขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้อีกครั้งครับ ส่วนที่สองให้ความเห็นต่อความในกระทู้คุณตระกองขวัญ ด้วยความสงสัยในข้อความบางอย่างของกระทู้นั้น มาวันนี้ เห็นคุณตระกองขวัญต้องรีบออกมาแก้ตัวแต่เช้ามืด โดยตั้งกระทู้ P10092338ไว้ตั้งแต่ตี 1 ตี 2 ทีเดียวและยังมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนพาดพิงมาอีก ก็ขอใช้สิทธิชี้แจงสักหน่อยเพราะมีการพาดพิงมา

ในกระทู้ เมื่อวานของผมนั้น อ่านให้ดีๆ นะครับ ผมบอกแล้วว่าผมสงสัยในข้อความที่คุณตระกองขวัญไปโพสต์ไว้ในกระทู้ P10089431ว่า  โดยไม่ได้มีที่มาที่ไปว่ามาจากไหน หรือหมายถึงอย่างไร  ผมก็ใช้สิทธิที่จะวิเคราะห์ข้อความนี้ โดยแจ้งไว้แต่ต้นเรื่องแล้วว่า“อ่านจากที่โพสต์ไว้ตีความได้ว่า ทำไมใช้ทหารเกือบแสนนาย ในเมื่อใช้ทหารเพียงแค่ 270 คนก็คุมตึกสูงได้หมดแล้ว ? อ่านแล้วเข้าใจว่าเช่นนี้หากเข้าใจผิดก็ขออภัย แต่หากเข้าใจแบบนั้นก็ขอแย้ง…” ก็เท่านั้น  ซึ่งที่จริงหากคุณตระกองขวัญไม่ได้คิดแบบนั้น ก็ไม่น่าจะเกิดความรู้สึกเดือดร้อนใจอะไร และรายละเอียดที่ผมให้ไว้เพื่อแย้ง ก็แจ้งไว้ชัดว่าขอแย้งหากเข้าใจไปแบบนั้นเฉพาะแต่กรณีที่คุณตระกองขวัญคิดแบบนั้น ผมก็จะขอแย้งแบบที่ทำรายละเอียดไว้ให้นั้นแหละ

ส่วนรายละเอียดที่ตามมาก็เป็นแบบนั้น คือเวลาที่ให้ความเห็นผมจะให้ความเห็นโดยละเอียดเท่าที่ทำได้เสมอเป็นปกติวิสัยของผม จะมีสาระหรือไม่ขึ้นก็แล้วแต่มุมมองและแล้วแต่ความชอบไม่ชอบต่อกันละครับ เพราะต่างฝ่ายต่างก็มักจะมองว่าอีกฝ่ายขาดสาระ เหมือนกับที่ผมไม่เคยมองเห็นว่ากระทู้คุณตระกองขวัญมีสาระอะไรเลยมาตลอดเช่นกันละครับ ขออนุญาตพูดตรงๆสั้นๆแต่ได้ใจความแบบนี้นะครับ 

ส่วนเรื่องพยายามจะคิดว่าผมเครียด ก็พยายามกล่าวหาหรือว่ากันไปได้ตามสบายครับ แต่ผมเคยบอกสมาชิกมานานแล้วว่า ผมไม่เคยเครียดเลย เพราะไม่ยึดถือยึดติดกับตัวบุคคลหรือพรรคอย่างที่สมาชิกเสื้อแดงในนี้ส่วนใหญ่เป็นกัน และผมไม่เครียดและไม่ต้องลำบากรีบออกมาตั้งกระทู้แก้ตัวเป็นพัลวันแต่เช้ามืด แถมกระทู้ยังยาวยืดแบบโหรงเหรงอ่านดูแล้วไม่มีสาระทางการบ้านการเมือง แสดงว่ายอมทุ่มเทกระทู้นี้กระทู้เดียวเพื่อผมคนเดียวเลยนะเนี้ย  แบบนี้สงสัยจะเครียดสะสมมาตั้งแต่เมื่อวานบ่ายที่กระทู้ผมออกจนทนไม่ไหวหรือเปล่าก็ไม่ทราบได้ละครับ

ปล.เรื่องระดับความคิด หรือปัญญา เรื่องพวกนี้ดูไม่ทราบจะยังเป็นปมของคุณอยู่หรือเปล่าครับ (ฝรั่งเขาเรียกว่ามี Inferior complex ) เพราะเห็นคุณชอบยกเรื่องนี้พูดบ่อยเกินความเหมาะสม  ด้วยว่าคนที่มีปมปัญหาทำนองนี้มักชอบอ้างอวดในลักษณะแบบนี้เสมอครับ ยิ่งไปอวดอ้างเรื่องแบบนี้ ยิ่งเข้าตัวคุณครับ คนเขาจะมองออกว่าคงมีปัญหาเรื่องพวกนี้  เป็นคำเตือนในฐานะสมาชิกใช้ห้องราชดำเนินด้วยกันด้วยความหวังดีนะครับ

ส่วนเรื่องน้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรง ผมว่าคุณตระกองขวัญกำลังว่าตัวเองและคณะหรือเปล่าครับ เพราะกระทู้คุณและคณะ ผมเห็น เขียนไม่ทันจบบรรทัดดี ก็เคาะเว้นบรรทัดไป1-2บรรทัด เขียนประโยคใหม่ไม่จบสิ้นบรรทัดเอาอีกแล้วเคาะบรรทัดเว้นไปอีก ทำแบบนี้ซ้ำๆกัน ทำให้กระทู้ดูเหมือนใหญ่ แต่ภายในหลวมโพรกโปร่งมาก เพราะมีแต่ช่องว่างของการเคาะบรรทัด ในเนื้อหาก็ไม่มีอะไรมาก หากไม่คัดลอกเขามาลงไว้ ก็มีความคิดเห็นที่วิเคราะห์ได้เองน้อยมาก ที่เห็นเป็นความคิดของตนเองก็มีแต่คำด่าว่า เสียดสีรัฐบาลหรือคนที่เสื้อแดงในนี้ไม่ชอบ  กระทู้แบบนี้มันส์ดีในความรู้สึกของเพื่อนเสื้อแดงที่ชอบประเภทไม่ต้องมีเนื้อหาสาระอะไรขอให้มีคำด่าว่าหรือเสียดสีรัฐบาลหรือคนที่เสื้อแดงในนี้ไม่ชอบ  ก็ชอบใจกันมากแล้ว เลยติดนิสัยการตั้งกระทู้ไม่มีสาระใช่หรือไม่ละครับ

คงขอจบกระทู้วันนี้แค่นี้ก่อนละครับ

- ขออนุญาตเข้ามาเพิ่มเติมข้อกฏหมายเกี่ยวกับการจลาจล การค้ามนุษย์ ฯลฯ

- ขอตอบความเห็นคุณ melon_ribbon กระทู้ P10093387 นะครับว่า  ตามประมวกฎหมายอาญาทั้งในเมืองไทยและประเทศต่างๆนั้น บุคคลสามารถรับผิดอาญาฐานเป็น "ผู้ใช้" ได้ก็ต่อเมื่อมีการกระทำเป็น"ผู้ใช้"ขณะอยู่ในราชอาณาจักรนั้นๆสำหรับความผิดอาญาทั่วไปเท่านั้นนะครับ ซึ่งกรณีเข้าเมืองโดยผิดกฏหมายนี้ เท่าที่ทราบเป็นความผิดอาญาทั่วไป ต่างไปจากความผิดอาญาบางประเภทที่กล่าวแล้ว เช่นความผิดต่อความมั่นคงในราชอาณาจักร ใช้ให้เกิดการจลาจล หรือพิพม์แบงค์ปลอม ฯลฯ ความผิดประเภทนี้แม้"ผู้ใช้"จะอยู่นอกราชอาณาจักร ก็ต้องจับตัวมารับโทษในราชอาณาจักร

กรณีมาร์คนี้ หากเทียบเคียงให้มาร์คมีความผิดจะต้องเป็นกรณีที่ตัวมาร์คต้องอยู่ในเขตแดนกัมพูชา แล้วโทรศัพท์ หรือสั่งการด้วยวิธีการใดๆก็ตาม ให้พนิช ข้ามแดนเข้ามาโดยผิดกฏหมาย แบบนี้จึงจะมีความเป็นไปได้ที่จะโดนข้อหาใช้ให้มีการกระทำความผิด ฉันใดก็ฉันนั้น หากฮุนเซนอยุ่พนมเปญ สั่งให้ฮอนัมฮง ข้ามชานแดนตรงที่ไม่ใช่ด่านโดยไม่ขออนุญาตทางการไทยก่อน ทางการไทยเอาผิดได้แต่ฮอนัมฮง แต่ไปเอาผิดฮุนเซนไม่ได้

หรือหากมาร์คอยู่กรุงเทพฯ แต่สั่งการให้พนิชไปก่อการจลาจลในพนมเปญ แบบนี้ก็มีโอกาสที่มาร์คจะโดนทางการเขมรตั้งข้อหา อันนี้ เป็นแค่กรณีการสมมุติให้กฏหมายเขมรเหมือนกับกฏหมายไทยนะครับ

- ขอเข้ามาแก้หมายเลขหลักหมุดที่พิมพ์ผิดไป และเพิ่มความเห็นเกี่ยวกับคนที่อ้างเรื่องน้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรงนะครับ เพราะคนที่อ้างเรื่องนี้เสียอีกที่ชอบตั้งกระทู้แบบเคาะเว้นบรรทัดบ่อยๆ เพื่อให้กระทู้ดูเหมือนใหญ่แต่ภายในไม่มีอะไร ที่เคาะเว้นบรรทัดบ่อยๆ ก็คงกลัวเขาจับได้ว่ากระทู้ตนเองไม่มีเนื้อหาอะไรเลย เพียงแต่อยากให้กระทู้ดูใหญ่หลอกๆกันไว้

- ตอบคุณคนรักสงบกทม. กระทู้ P10094177 ขออภัยตอบช้า พอดีออกจากออฟฟิศ เพิ่งกลับถึงที่พักเรื่องคุณทักษิณผมตอบแทนไม่ได้รอกครับ แต่ปกติหากเรื่องเข้าสู่ศาล รัฐบาลกัมพูชาก็แทรกแซงไม่ได้แล้ว ต้องรอให้ศาลตัดสิน จากนั้นรัฐบาลกัมพูชาค่อยทูลต่อกษัตริย์นโรดมสีหมุนี เพื่อขอพระราชทานอภัยโทษ ตรงนี้จะมีการดำเนินไปหรือไม่ ขึ้นกับรัฐบาลไทยขอร้องไปหรือคุณทักษิณจะเข้ามาแทรกผมไม่อาจตอบได้

ส่วนเรื่องกฏหมายเขมรนั้น ผมไม่ยืนยันเพราะไม่ชำนาญแต่ตรวค้นมาให้เป็นกฏหมายคนเข้าเมืองของเขา บัญญัติไว้ว่า CHAPTER 5 PENALTIES
Article 29 :  Any alien who without authorization, entered the Kingdom of Cambodia by clandestine means or fraud or by any other forms whatsoever, contrary to the provisions of this law, shall be subjected to condemnation from three to six months imprisonment, before he/she is expelled. 

หากใช้มาตรานี้ก็ 3-6 เดือน แต่ในความเป็นจริงพนิชถูกตั้งข้อหาล่วงล้ำเขตทหารด้วยนะครับ ตรงนี้เหลือวิสัยที่จะค้นกฏหมายเขมรให้อ่านนะครับ แต่กฏหมายไทยเรื่องเข้าเมืองผิดกฏหมายนี้ โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปีครับ ตามมาตรา 11 และ 62 พรบ.คนเข้าเมือง

เรื่องสภาพสส.ผมเข้าใจว่า เฉพาะแต่ได้รับคำพิพากษาของศาลไทยเท่านั้นจึงจะพ้นสภาพสส. ไม่ใช่คำพิพากษาของศาลประเทศอื่นที่มีอยู่เป็นร้อยประเทศทั่วโลก ผมเข้าใจว่าน่าจะหมายถึงเฉพาะศาลไทยเพราะนี้เป็นรัฐธรรมนูญไทยนะครับ แต่ประเด็นคือจะขาดการเข้าประชุมด้วย

- พอดีไปเช็คเรื่องการขาดสภาพสส.ดูแล้ว เขาบัญญัติไว้ว่า ในสมัยประชุมหนึ่งที่มีวันประชุมมากว่า 120 วัน สส.จะขาดประชุมได้ไม่เกิน 1 ใน 4 นั้นคือ 30 วัน หากขาดเกินนี้ต้องได้รับอนุญาตจากประธานสภาผู้แทนราษฏรนะครับ มาตรา 106(11) กรณีพนิช ผมว่าน่าจะส่งจดหมายจากในเรือนจำเขมรมาได้ ถึงประธานสภา

- ได้รับหลังไมค์จาก คุณ melon_ribbon เมื่อตอนเย็นตอนแรกว่าจะไม่ตอบในกระทู้ เพราะวันนี้ตอบและให้ความเห็นเพิ่มเติมไว้เยอะแล้ว แต่เพื่อประโยชน์ของทุกฝ่ายเพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน ผมเห็นว่ที่คุณ melon_ribbon  แย้งไว้นั้นก็ถูกครับ ก็เอาเป็นว่าหากทางเขมรสามารถพิสูจน์ได้จริงว่า ทางมาร์คมีการสั่งการพนิชให้จงใจล่วงละเมิดเขตแดนเขมรที่เป็นเขตแดนที่ถูกต้องจริงๆ และกฏหมายเขมรให้ฟ้องได้จริง ก็รอดูว่าเขมรจะฟ้องมาหรือไม่ก็แล้วกันนะครับ

.

แก้ไขเมื่อ 04 ม.ค. 54 20:03:35

แก้ไขเมื่อ 04 ม.ค. 54 18:23:19

แก้ไขเมื่อ 04 ม.ค. 54 17:33:38

แก้ไขเมื่อ 04 ม.ค. 54 14:51:45

แก้ไขเมื่อ 04 ม.ค. 54 13:03:56

แก้ไขเมื่อ 04 ม.ค. 54 12:11:43