[รักคนเสื้อแดง] ถามตัวเองซิว่า(พวกท่านสองสี ) ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ท่านทำคุณประโยชน์อะไรกับชาติบ้านเมืองบ้าง?
|
 |
* คำเตือน ความยาวกระทู้อาจเกินขนาดกระดาษ A3 นำมาพับครึ่ง = 4 หน้า A4 ในขนาดตัวอักษร 16 Point
กระทำ การทุกรูปแบบเพื่อล้มล้างรัฐบาลที่มีที่มาจากการเลือกตั้ง ในต่างรัฐบาลต่างวาระกัน แต่ที่เหมือนกันคือ ก่อความรุนแรงซึ่งส่งผลเสียหายมากมายกับทุกคนในประเทศ! ไม่รู้จักและไม่ยินดีจะฝึกตนให้รู้จัก”การรอคอย”เพื่อบรรลุเป้าหมายโดยไม่จำเป็นต้องใช้ความรุนแรง! กระทำการอุกอาจร้ายแรงยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนโดยรวมเป็นตัวประกันเพื่อบรรลุเป้าประสงค์กลุ่มตน! |
จากข้อเขียนของคุณโพ้นฟ้าตามตารางข้างบน คุณโพ้นฟ้าคงลืมไปว่า พรรคประชาธิปัตย์นั้นเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาวิกฤตสยามยุคมิลเลนียมมาตั้งแต่ต้น ไอ้ที่คุณโพ้นฟ้าว่าๆ มามันเข้าตัวพรรคประชาธิปัตย์หมดเลย การจะไปฆ่าตัดตอนเพื่อตัดประชาธิปัตย์ให้ออกจากความรับผิดชอบของคนที่ร่วมกอดคอกันก่อสร่างสร้างม็อบข้างถนนให้ถือกำเนิดเป็นรูปเป็นร่างเป็นตัวเป็นตนอย่างพันธมิตรฯมันดูออกจะน่าเกลียด หรือไร้เดียงสาทางการเมืองมากไป ในช่วงที่ปรากฎการณ์สนธิกำลังฮอตฮิตในปลายปี 2548 บรรดาพลพรรคประชาธิปัตย์ก็หมุนเวียนเปลี่ยนหน้าไปนั่งเชียร์กันถึงขอบเวทีสวนลุมในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร
นานวันเข้าสมาชิกพรรคบางคนถึงกับกระโดดขึ้นไปพูดบนเวทีก็มีมาแล้ว นี่ยังไม่นับรวมการบอยคอตเลือกตั้ง การร่วมกันเรียกร้องนายกพระราชทาน ในช่วงปี 2549 จนกระทั่งเกิดการทำรัฐประหาร นี่ไม่ใช่หรือคือการกระทำทุกรูปแบบเพื่อล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง กระทำการอุกอาจร้ายแรงยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนโดยรวมเป็นตัวประกันเพื่อบรรลุเป้าประสงค์กลุ่มตน!
ในต่างวาระกัน รัฐบาลนายสมัคร เมื่อพันธมิตรบุกยึดทำเนีย บุกNBT ปิดรัฐภาขัดขวางการประกาศนโยบายของรัฐบาลจนเกิดเหตุการณ์ 7 ตุลา ไปจนถึงการปิดสนามบิน พรรคใดที่ออกมากางปีกปกป้องพันธมิตร ไม่ให้รัฐบาลสมัครและสมชายใช้กำลังตำรวจเข้าจัดการ ที่สำคัญมีคนในพรรคเป็นแกนนำโดยที่หัวหน้าพรรคร่วมรู้ร่วมทราบร่วมอนุญาตตั้งแต่ต้น มีบางคนในพรรคไปเป็นหัวหอกโจมตีนายกฯประเทศเพื่อนบ้านจนมาได้ดิบได้ดีเป็นรมต.กต.ในภายหลัง นี่ไม่ใช่หรือคือการกระทำทุกรูปแบบเพื่อล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง กระทำการอุกอาจร้ายแรงยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนโดยรวมเป็นตัวประกันเพื่อบรรลุเป้าประสงค์กลุ่มตน!
อย่าว่าแต่ช่วงรัฐบาลที่นายอภิสิทธิ์แอนด์เดอะแก๊งนำเรื่องการขึ้นทะเบียนปราสารพระวิหารมาเพื่อล้มล้างรัฐบาลสมัครกล่าวหาว่าไปรับรองแผนที่ 1 ต่อ 200000 ในขณะนั้นเลย แม้กระทั่ง MOU43 ที่พันธมิตรนำมาใช้เคลื่อนไหวใช้เป็นเครื่องมือเลี้ยงไข้หากินก็เป็นผลงานของนายชวนเองที่ทำขึ้นมาก่อนตั้งแต่ปี 2543 แล้ว สรุปแล้วต้องมีประชาธิปัตย์เข้าไปมีเอี่ยวทั้งนั้นกับทุกเหตุการณ์ที่ได้สร้างความปั่นป่วนและวุ่นวายให้เกิดขึ้นกับเหตุบ้านการเมือง
เนื้อหาส่วนนี้ผมขอจบเพียงเท่านี้ ถ้าคุณโพ้นฟ้าข้องใจ ผมแนะนำให้ใช้คลังกระทู้ห้องราชดำเนินให้เป็นประโยชน์ครับ ค้นไปในช่วงปี 2548-2551 ทุกเหตุการณ์จะมีบันทึกอยู่ในนั้น ฝ่ายไหนว่าอย่างไร ก็ไปเลือกชมเพิ่มเติมตามอัธยาศัย ถ้าคิดว่าข้อมูลยังไม่เพียงพอ ผมก็ขอให้คุณโพ้นฟ้าพึ่งบริการกูเกิลเป็นที่พึ่งสุดท้ายครับ สำหรับเรื่อง
และเชื่อมั้ยคะท่านผู้อ่าน… ณ.ขณะนี้ ได้เกิดเหตุการณ์ประหลาด ประชาชนได้เห็นกลุ่มคนต่างเป้าเหมายในการต่อสู้ได้พากันมาในเวลาไล่เลี่ยกัน (เหมือนจะ)ก่อความเดือดร้อนอีกครั้ง! |
ไม่ไล่เลี่ยล่ะครับ ผมขอบอกเลยว่า พวกม็อบพันธมิตร พวกม็อบคนไทยหัวใจรักชาติ พวกม็อบสันติอโศก จะเรียกแยกแต่คนกลุ่มนี้ก็คือคนกลุ่มเดียวกัน เป็นคนกลุ่มที่มาประท้วงแบบลักปิดลักเปิด ประเภทเก็บความรักชาติใส่ลิ้นชักได้ จะเปิดลิ้นชักนำความรักชาติมาปัดฝุ่นใช้เคลื่อนไหวทางการเมืองก็ต่อเมื่อ ใช้เบี่ยงเบนความสนใจ(ไม่ให้คนไปสนใจกลุ่มคนเสื้อแดง) ใช้เบี่ยงเบนประเด็นในยามที่รัฐทหารกำลังเพลี่ยงพล้ำ(ทำให้พันธมิตรเป็นเป้าสายตาแทน) ใช้เป็นเงื่อนไขในการตั้งเป็นข้อเรียกร้องเพื่อใช้เคลื่อนไหวครั้งต่อๆ ไป ใช้เป็นเงื่อนไขในการสร้างอุบัติเหตุทางการเมือง
สำหรับการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง จริงๆ ความถี่ในการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง กลุ่มคนเสื้อแดงเขาเคลื่อนไหวมาเป็นชาติแล้ว เคลื่อนจากคนหนึ่งคนจนโดนจับ เคลื่อนจากคนหลายสิบคนจนคนตะโกนถูกจับปรับหนึ่งร้อย เคลื่อนจากราชประสงค์ไปสวนลุมไปเอ็กเซอไซส์เต้นท่าตีไข่ เฮ้ยตีเข่า เคลื่อนไหวกันทุกอาทิตย์ เคลื่อนไหวกันทุกสัปดาห์ในหนึ่งเดือน เคลื่อนไหวไปมากันเกือบทั่วประเทศ(ยกเว้นภาคใต้)กลายเป็นทัวร์นกขมิ้นกันเลย แต่ผลการขยับเขยื้อนทางด้านมวลชนของการเคลื่อนแต่ละทีมันกลับมีแต่มากขึ้น มากขึ้น โดยที่ไม่ต้องมีแรงโปรโมต เหมือนม็อบอีกกลุ่มที่ร้องเรียกกันปาวๆ รักชาติต้องออกมากันมากๆ นะ หากไม่อยากเสียดินแดนต้องออกมากันเยอะๆ นะ มั่นใจคนไทยเกินล้านหัวใจไม่เขมร แต่พอเอาจริงมากันแบบหน่อมแน้ม
และที่สำคัญ กลุ่มคนเสื้อแดงเขามีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจที่พี่น้องเขาจำนวนมากที่ยังมีชีวิตมีลมหายใจ(ไม่ใช่แกนนำ)ถูกจับขังลืม กลุ่มคนเสื้อแดงมีเรื่องเจ็บปวดที่พี่น้องคนเสื้อแดงจำนวนมากถูกยิงเสียชีวิตร่วมร้อย บาดเจ็บนับพันยังไม่ได้รับความเป็นธรรม การมารวมตัวกันนอกจากจะเป็นการรำลึกถึงผู้เสียชีวิตแล้ว ยังมารวมตัวกันเพื่อส่งเสียงเรียกร้องหาความเป็นธรรมให้กับผู้ที่ยังมีชีวิตแต่ถูกขังหรือบาดเจ็บ และผู้ที่เสียชีวิตล่วงลับไปแล้ว
การที่คนเสื้อแดงมารวมตัวกันเยอะๆ จนก่อให้เกิดการปิดถนนจนสร้างความเดือดร้อน ก็ไม่ใช่การสร้างความเดือดร้อนชนิดสาหัสสากรรจ์ เป็นการเดือดร้อนด้านจราจรแบบชั่วคราว บางทีห้าวันทำการในหนึ่งสัปดาห์ รถติดแหง่กนานนับชั่วโมงในบางวันยังมากกว่าเวลาที่เสื้อแดงชุมนุมกันเฉพาะกิจเสียอีก การทำมาค้าขายก็ได้รับผลกระทบแค่ชั่วคราวเช่นเดียวกัน ถ้านำไปเปรียบกับความเดือดร้อนและเจ็บปวดอย่างถาวรจากครอบครัวผู้ที่เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บ หรือถูกขังลืมซึ่งเป็นความเจ็บปวดแบบถาวรแล้วมันเทียบกันไม่ได้เลย
กับอีกกลุ่มที่คนเพียงแค่กลุ่มเดียวกับสร้างเรื่องหาความเดือดร้อนใส่ตัว เดินไปให้เขาจับ จนสมัครพรรคพวกทั้งที่เป็นคนในม็อบและคนในรัฐบาลต่างนั่งก้นไม่ติด ร้อนก้นไปตามๆ กัน ออกข่าวเหมือนเป็นวาระแห่งชาติ มั่นใจคนไทยนับร้อย เฮ้ยนับล้าน สมน้ำหน้ามัน เฮ้ย ส่งร้อยแรงใจ ช่วยกันเชียร์นายกฮุนเซนให้สงสารนกกาปล่อยออกจากกรงบินสู่รัง (สมใจฮุนเซนในเรื่องเล่นเกมระดับชาติเขาล่ะ) สรุปงานนี้รัฐต้องเสียงบประมาณแผ่นดินซึ่งเป็นภาษีของประชาชนไปกับงานนี้อีกเท่าไหร่ และรัฐต้องเสียค่าโง่อะไรในการแลกกับอิสรภาพของคนไทยกลุ่มนี้บ้าง ใครรู้ช่วยตอบที
สุดท้ายผมขอกลับเข้าสู่ประเด็นคำถามตามหัวข้อกระทู้ที่คุณโพ้นฟ้าตั้งเป็นประเด็นไว้ (เข้าสู่โหมดซีเรียส)
ถามตัวเองซิว่า(พวกท่านสองสี ) ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ท่านทำคุณประโยชน์อะไรกับชาติบ้านเมืองบ้าง? |
ครับ คำถามนี้ถ้าให้ผมถามตัวเอง สำหรับผมคงต้องนึกย้อนไปถึงเกือบ 6 ปี มากกว่า 4 ปีที่คุณโพ้นฟ้าตั้งมาแน่นอน ถ้าให้ผมตอบสั้นๆ ผมว่าเกือบ 6 ปีที่ผ่านมาผมได้เข้าไปมีส่วนร่วมต่อสู้กับอำนาจนอกระบบ ที่คิดมาบังอาจล้มล้างและบิดเบือนอำนาจอธิปไตยซึ่งเป็นของปวงชนชาวไทยมาโดยตลอด ซึ่งผมคิดว่ามีคุณเอนกกับประชาชนและชาติบ้านเมืองและมีโทษอนันต์กับผู้ก่อการ ผู้ร่วมก่อการ ผู้สนับสนุนทั้งทางตรงและทางอ้อมในภายภาคหน้าในอนาคตอย่างแน่นอน
จากปรากฎการณ์สนธิในปลายปี 2548-2549 ผมในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่สนับสนุนรัฐบาลทักษิณในวันนั้น จากนังเลงหน้าคอมในห้องราชดำเนินก็แปรเปลี่ยนเป็นมวลชนคนหนึ่ง เมื่อได้เวลาเลิกงานในตอนเย็น ผมก็จะได้นั่งรถไฟใต้ดินไปสวนจตุจักรเพื่อเข้าไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มคาราวานคนจนที่ออกมาต่อต้านม็อบพันธมิตรแอนด์เดอะแก๊งเกือบทุกวัน เมื่อทักษิณยุบสภา ผมก็ไปฟังไฮปาร์กประวัติศาสตร์ที่คนเต็มสนามหลวงในวันที่ 3 มีนาคม 2549 ก่อนจะไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง 2 เมษา จนกระทั่งมาถูกศาลตัดสินเป็นโมฆะ และเกิดการทำรัฐประหารในที่สุด
ผลจากการเกิดรัฐประหารทำให้ผมช็อค เมื่อผมหายช็อค ผมได้จัดแจงทำการเคลียร์ธุรกรรมบางอย่าง (เหมือนการสั่งเสีย) เพราะถ้าหากตนเองเกิดเป็นอะไรไปจากกระทำที่คิดสั้นของผม(คิดไม่กี่วัน) คนที่ผมเป็นห่วงจะได้ไม่เดือดร้อน การกระทำที่คิดสั้นก็คือ การออกไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มรัฐประหาร 19 กันยายน ที่จัดขึ้นที่จุฬาและธรรมศาสตร์ในช่วงปลายเดือนกันยายนจนถึงปลายเดือนตุลาคม ผมไม่รู้หรอกว่าภายใต้กฎอัยการศึกการออกไปชุมนุมจะเจอกับอะไรบ้าง จะถูกจับไหม จะถูกยิงไหม จะโดนอะไรบ้าง ก่อนออกไปตามนัดที่อ่านพบในอินเตอร์เน็ตผมก็เลยจัดแจงทำธุรกรรมที่ว่าให้เสร็จๆ
วันที่ 31 ตุลาคมก็เป็นครั้งแรกที่มาร่วมกับเสวนาบนโต๊ะกาแฟกลางล็อบบี้โรงแรมรัตนโกสินทร์กับนายชนาพัทธ์ ณ นคร หรือ เตมูจิน เพื่อแถลงเปิดตัวกลุ่มประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (ก.ป.ป.) เพื่อจัดชุมนุมนอกรั้วมหาวิทยาลัยในวันที่ 1 พ.ย. โดยยึดสนามหลวงเป็นที่ตั้ง เป็นที่จุดไฟกองแรก ส่งสัญญานการต่อต้านเผด็จการถ่ายทอดเสียงไปทั่วโลกด้วยมือถือกับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค (ต้นกำเนิดการถ่ายทอดผ่านมือถือ) ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นฅนวันเสาร์ ไม่เอาเผด็จการ หลังจากขับเตมูจินและดับจิตออกจากกลุ่ม โดยมีสุชาติ นาคบางไทร เป็นแกนนำ
นอกเหนือไปจากการเปิดเวทีต่อต้านรัฐประหาร เผยแพร่เอกสาร แจกหนังสือปกม่วง แจกจำหน่ายหนังสือตีเสมอเจ้า เปรมไม่ใช่ฟ้า และซีดีต่างๆ ผลงานที่เห็นเด่นชัดและเป็นรูปธรรมมากที่สุดของกลุ่มคนวันเสาร์ฯ ก็คือ เขายายเที่ยง ที่มีนายสุดชาย บุญไชยทำหน้าที่หัวหมู่ทะลวงฟันเป็นคนแรก ก่อนที่คนวันเสาร์จะรวมตัวกับ PTV และกลุ่มต่างๆ เป็นนปก. แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ (จริงๆ มีการรวมตัวกันในชื่ออื่นก่อนอาทิ นปตร.)
เมื่อรวมตัวกันเป็นนปก. การเคลื่อนไหวที่สำคัญและได้บันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ก็คือ เหตุการณ์จราจลหน้าบ้านสี่เสาในวันที่ 22 กรกฎาคม โดยมีพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาการผบ.ตร. และ พล.ท.ประยุทธ จันทร์โอชา แม่ทัพภาค 1 เป็นผู้นำกำลังเข้าปฏิบัติการสลายการชุมนุม และการรณรงค์โหวตไม่รับของกลุ่มพลเมืองภิวัฒน์ ไม่เอา ไม่รับ ไม่ปลื้ม ที่มีบก.ลายจุดและอ.ใจ อึ๊งภากรณ์ เป็นแกนนำในการแต่งชุดแดงเป็นกลุ่มแรก
ภายหลังการลงประชามติ ผมก็เริ่มเฟดตัวเองออกจากการชุมนุมกลับเข้าสู่โลกไซเบอร์เพื่อรอการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 23 ธันวาคม 2550 จนพรรคพลังประชาชนซึ่งนำโดยนายสมัคร สุนทรเวชสามารถเป็นแกนจัดตั้งรัฐบาลและดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ผมแทบไม่ได้มีส่วนร่วมกับกลุ่มนปก.ที่เปลี่ยนชื่อมาเป็นนปช.ที่ตอนนั้นเคลื่อนไหวเข้าชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญในร่างคปพร. (สมัยรัฐบาลสมัคร ใครหรือคนกลุ่มไหนในพรรคพปช.ที่ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านการแก้ไขรธน.ผมก็จำได้ ***หลายคนชอบเบี่ยงประเด็นไปโทษเป็นความผิดท่านนายกฯสมัครซะงั้น)
จากการที่พันธมิตรออกมาประท้วง จนกระทั่งรัฐบาลถอยสุดซอย ที่สนามหลวงแม้จะมีมวลชนออกมาตั้งเวทีต่อต้านพันธมิตร ผมซึ่งเฟดตัวออกมา จะมีไปสนามหลวงบ้างก็เป็นแค่ไปบางครั้งบางคราว เอาของไปให้คนที่รู้จักกันที่ยังไปร่วมชุมนุม ในช่วงรอยต่อคืนวันที่ 1-2 กันยายน 2551 พันธมิตรปะทะนปก.จนณรงศักดิ์ กรอบไธสงถูกพันธมิตรตีตาย คืนนั้นผมก็จับพลัดจับผลูหลงไปอยู่ในเหตุการณ์กับเขาด้วย และก็โชคดีที่สามารถเอาชีวิตรอดปลอดภัยกลับบ้านมาได้
จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์หักหลังท่านนายกฯสมัครกลางสภาในวันที่ 12 กันยายน โดยคนกลุ่มเดิมที่คัดค้านการแก้ไขรธน. รวมไปถึงคอยเลื่อยขาเก้าอี้ตำแหน่งนายกฯตั้งแต่ก่อนรับตำแหน่งยันวาระสุดท้าย ผมจึงเกิดอาการช็อคเป็นครั้งที่สอง จึงได้ตั้งกระทู้ประกาศเลิกสนับสนุนพรรคพปช. ถ้าใครสังเกตจะเห็นว่าคณะรัฐมนตรีบางคนอาทิหมอเลี้ยบก็เรียกได้ว่าแทบจะวางมือทางการเมืองไปเลย กลายเป็นอาฟเตอร์ช็อคที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งยิ่งใหญ่ในเวลาต่อมาด้วย (ห้อยกอดมาร์คจัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร) ทั้งนี้ต้องแยกแยะเรื่องอุดมการณ์การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยยังคงมีต่อไป แม้สมชายจะนั่งเป็นนายกฯ แต่เมื่อพันธมิตรฯซึ่งเป็นเครื่องมือของฝ่ายอำมาตยายังคงเคลื่อนไหวอยู่
ในช่วงเหตุการณ์ 7 ตุลา ไปจนถึงการปิดสนามบิน การยุบพรรคพลังประชาชน การจัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร ผมก็ยังร่วมเสาะแสวงหาข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงมาร่วมแสดงร่วมพิสูจน์ทางเว็บบอร์ดราชดำเนินพันทิปอย่างสม่ำเสมอ จนกลุ่มนปช.แดงทั้งแผ่นดินได้มาปักหลักชุมนุมประท้วงรัฐบาลที่หน้าทำเนียบ ผมก็ได้มีส่วนร่วมไปร่วมชุมนุมไปเป็นมวลชนกับเขาด้วย แต่ทางด้านเว็บบอร์ดราชดำเนินพันทิป ผมก็ตั้งกระทู้แย้งและไม่เห็นด้วยกับการกระทำหลายอย่างอย่างของแกนนำฮาร์ดคอร์ประเภทชักใบให้เรือเสีย อาทิ การปิดถนนอนุสาวรีย์ชัยลามไปปิดถนนทั่วกรุง การบุกเข้าไปในโรงแรม จนการประชุมอาเซียนต้องล้มลง การนำคนบุกเข้าไปในกระทรวงมหาดไทย ซึ่งตรงนี้ทำให้ผมไม่พอใจแกนนำฮาร์ดคอร์ดังกล่าว ซึ่งกลายเป็นจุดอ่อนที่ทำให้รัฐบาลนำมาใช้เป็นข้ออ้างในการสลายการชุมนุม
เวลาผ่านพ้นไปรวดเร็วเหมือนโกหก หนึ่งปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงกลับมาใหม่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม แต่การชุมนุมครั้งนี้มีเพื่อนสมาชิกชาวราชดำเนินพันทิปได้ตั้งกระทู้ไม่เข้าร่วมหลายคน อาทิ คุณมหาชำร่วย สืบเนื่องจากการปิดถนนตั้งเวทีตรงผ่านฟ้า (ภายหลังขยายไปตั้งเวทีราชประสงค์) ผมก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยกับการปิดถนนสายหลักและผมก็ไม่เคยเข้าร่วมชุมนุมด้วยเลยเหมือนกับการชุมนุมหลายครั้งที่ผ่านมา ผมทำได้ดีที่สุดก็คือการส่งแรงใจและแรงเชียร์ถึงพี่น้องคนเสื้อแดงอยู่ห่างๆ และคอยตั้งกระทู้ห้ามปรามกระทำของแกนนำสายฮาร์ดคอร์ที่คาดว่าจะนำความสุ่มเสี่ยงเป็นภัยมาสู่กลุ่มพี่น้องคนเสื้อแดง
แรมโบ้อีสาน แกนนำฮาร์ดคอร์คนหนึ่งที่ผมไม่ชอบใจเอามากๆ ในสมัยการชุมนุมเมษาเลือดปี ๕๒ มาเที่ยวนี้ กลับเปลี่ยนแปลงปรับปรุงและพัฒนาตนเองได้อย่างน่าชื่นชม กลับกันคนที่เป็นตัวจุดชนวนทำให้รัฐสามารถประกาศพรก.ฉุกเฉินฯที่ไม่ชอบธรรมและนำมาใช้เป็นเงื่อนไขในการปราบปรามเข่นฆ่า สลายการชุมนุมของคนเสื้อแดง ยิ่งอยู่ยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ ยิ่งพูดยิ่งทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงเพลี่ยงพล้ำ ผมไม่รู้ว่าจนถึงบัดนี้ เขาจะสำนึกและรู้สึกตัวหรือไม่ว่า ตนเองทำอะไรลงไป หรือยังทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน ผมก็ไม่ทราบได้
ครับจากการปิดถนนที่ทำให้ผมไม่เห็นด้วยและไม่เคยเข้าร่วมชุมนุมเลยแม้กระทั่งวันเดียวตั้งแต่เดือนมีนาคมมาจนกระทั่ง
- วันที่ 7 เมษายน นายอริสมันต์นำกลุ่มคนเสื้อแดงบุกเข้าไปในรัฐสภา
- วันที่ 7 เมษายน นายอภิสิทธิ์ได้อ้างเหตุการณ์ดังกล่าวใช้เป็นข้ออ้างในการประกาศพรก.ฉุกเฉินร้ายแรงฯเพื่อมุ่งหวังปราบปรามสลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง
- วันที่ 9 เมษายน กลุ่มคนเสื้อแดงได้ปะทะกับทหารที่ได้นำกำลังไปยึดสถานีดาวเทียมไทยคมที่ลาดหลุมแก้ม ก่อนที่จะทำการส่งคืนอาวุธปืนที่ยึดมาจากทหารแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ
- วันที่ 9 เมษายน นายอภิสิทธิ์รู้สึกเสียหน้าออกโทรทัศน์ประกาศจะไม่ยอมแพ้ พร้อมเอาคืนและก็เป็นจริงภายในเช้าวันรุ่งขึ้นต่อมา
วันที่ 10 เมษายน เกิดปฏิบัติการสลายการชุมนุมภายใต้วาทกรรมสวยหรู "ขอคืนพื้นที่" เมื่อผมตื่นขึ้นมานั่งดูข่าวโทรทัศน์ นั่งเปิดอ่านข่าวตามเว็บ นั่งเช็คสถานการณ์ตามกระทู้จากเว็บบอร์ดต่างๆ รวมถึงพันทิป พอมาวิเคราะห์ประเมินสถานการณ์แล้ว ผมคิดว่ารัฐกำลังจะใช้ทหารเข้าปราบปรามและสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงอย่างแน่นอน ด้วยความคิดวิเคราะห์ส่วนตัวจึงทำให้ผมตัดสินใจที่จะไม่นั่งอยู่ที่บ้าน จัดแจงแต่งตัวตระเตรียมสิ่งของที่ใช้ำสำหรับเป็นเครื่องป้องกันการสลายการชุมนุมตามมาตรฐานสากล ออกไปเพื่อ
- มดปลวกอย่างผมต้องการออกไปเพื่อร่วมแสดงพลังปกป้องพี่น้องคนเสื้อแดง หนึ่งกายรวมกับคนนับหมื่นนับพันน่าที่จะทำการหยุดยั้งปฏิบัติการทางทหารที่คิดจะสลายการชุมนุม
- มดปลวกอย่างผมต้องการออกไปและทำได้แค่ยืนอยู่แนวปะทะเพื่อตะโกนห้ามปรามขอร้องไม่ให้ทหารยิงประชาชน
- มดปลวกอย่างผมต้องการออกไปและทำได้แค่ยืนอยู่แนวปะทะเพื่อตะโกนห้ามปรามไม่ให้พี่น้องคนเสื้อแดงขว้างปาสิ่งของเพื่อยั่วยุทหาร
- มดปลวกอย่างผมต้องการออกไปและทำได้แค่บันทึกประวัติศาสตร์ที่เป็นข้อเท็จจริงและนำมาเผยแพร่ต่อ เพื่อไม่ให้เหตุการณ์ถูกบิดเบือน
มดปลวกอย่างผมถือว่าผมโชคดีมากๆ ที่ไม่เสียชีวิตในวันนั้น หลังจากที่คนที่ยืนข้างผมถูกยิงแล้วหันมาบอกผมว่า "พี่ผมถูกยิง" พร้อมเปิดแผ่นหลังให้ผมดู ทันใดนั้น คนที่ยืนเยื้องผมไปด้านหลังบนระกระบะก็ถูกยิงล้มลง พร้อมเสียงกรี๊ดร้องของหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ ผมจึงรู้ว่ามีการใช้กระสุนจริงยิง มีคนบาดเจ็บ มีคนเสียชีวิต ผมจึงตัดสินใจถอยออกมา ผมไม่ได้อยากเป็นวีรชนให้คนแซ่ซ้องสรรเสริญ ผมไม่ได้อยากตายให้คนมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้
ผมเพียงแค่รักและห่วงใยมวลชนกลุ่มคนเสื้อแดง ผมจึงต้องการออกไปปกป้องชีวิตของพวกเขาเหล่านั้นแม้ผมจะไม่รู้จักก็ตามที และผมก็คิดว่าหลายๆ คนที่ออกไปก็คิดเช่นเดียวกันกับผม ไม่มีใครอยากตาย ไม่มีใครอยากเป็นวีรชน หลายคนออกไปเพราะห่วงพี่น้องคนเสื้อแดงแบบผม สุดท้ายพวกมดปลวกอย่างพวกเราที่สามารถทัดทานต้านทหารมาได้ตลอดทั้งวัน กลับไม่สามารถหยุดยั้งปฏิบัติการสลายการชุมนุมปราบปรามเข่นฆ่าพี่น้องคนเสื้อแดงภายหลังหกโมงเย็นไปได้
จากเหตุการณ์ที่ผ่านมาในวันที่ 10 เมษายน ทำให้ผมเสียใจมากที่ต้องสูญเสียเพื่อนร่วมอุดมการณ์ ความเศร้าโศกเสียใจยังไม่ทันจางหายไป ปฏิบัติการทางทหารเพื่อทำการปราบปรามกลุ่มคนเสื้อแดงยังคงเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ 28 เมษายน แม้กระทั่งพลทหารณรงค์ สาละยังถูกลูกหลงยิงตายจากพวกเดียวกัน (friendly fires) ในที่สุดปฏิบัติการการสังหารโหดอย่างต่อเนื่องก็เริ่มขึ้นในคืนวันที่ 13 เมษายน โดยมีเสธ.แดงเป็นเหยื่อกระสุนรายแรก
ในช่วงระยะเวลาดังกล่าว 13-19 พฤษภาคม สิ่งที่ผมคิดว่าทำได้ดีที่สุดคือ ผมและเพื่อนได้เดินทางเข้าไปถวายฎีกาที่สำนักราชเลขา เพื่อหยุดยั้งการสั่งการให้ทหารทำการปราบปรามเข่นฆ่าพี่น้องประชาชนในวันที่ 18 พฤษภาคม แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งปฏิบัติการที่เหี้่ยมโหดจนเกิดโศกนาฏกรรมสลดที่มีคนเสื้อแดงถูกยิงสังหารเสียชีวิตในวัดที่เป็นเขตอภัยทาน
สรุปสิ่งต่างๆ ที่ผมทำมาแม้ใครจะคิดว่าไม่มีประโยชน์อันใดต่อชาติบ้านเมือง แต่สำหรับตัวผมเองภูมิใจกับสิ่งที่ผมทำ ผมคิดว่าตัวผมไม่ได้ทำเพื่อนักการเมืองคนใดคนหนึ่ง ผมคิดว่าผมไม่ได้ทำให้พรรคการเมืองพรรคใด ผมคิดว่าผมไม่ได้ทำให้แกนนำคนใด ผมคิดมาเสมอว่าผมกำลังทำเพื่อให้ได้มาประชาธิปไตยที่เป็นของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน โดยผมและคนเสื้อแดงเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยและเป็นเจ้าของประเทศร่วมกัน ผมไม่ได้มุ่งหวังว่าการต่อสู้ของประชาชนจะต้องสำเร็จภายในรุ่นของผม ประวัติศาสตร์สามารถรอการชำระได้ ข้อเท็จจริงจะต้องไม่ถูกบิดเบือน คนทำผิดจักต้องถูกลงโทษ
การต่อสู้ด้วยแนวทางสันติอหิงสาวิธี ปราศจากอาวุธ ไร้ความรุนแรง ต่อสู้ทางความคิดด้วยสติและปัญญาแม้จะใช้ระยะเวลายาวนานสักเพียงใด ย่อมคุ้มค่ากว่าการเอาเลือดเนื้อของประชาชนเข้าแลก ไม่ว่าจะหนึ่งชีวิต หลายสิบชีวิต หลายร้อยชีวิต ไม่ควรมีชีวิตใดที่ต้องสูญเสียไป อุดมการณ์ที่ถูกต้องจะต้องถูกสืบทอดรุ่นต่อรุ่น ไม่ให้ทั้งนักการเมืองและอำมาตยาทำการครอบงำ ประชาชนเป็นเจ้าของประเทศ ประชาชนเป็นนายของนักการเมือง ประชาชนเป็นนายของทหาร ประชาชนเป็นนายของข้าราชการ ประชาชนต้องเป็นใหญ่ในแผ่นดิน
[แก้ไข] เปลี่ยนชื่อหมอมิ้งเป็นหมอเลี้ยบ / ตัดคำผิด / แก้ไขคำผิด
แก้ไขเมื่อ 23 ม.ค. 54 19:01:14
จากคุณ |
:
สิงห์สนามหลวง
|
เขียนเมื่อ |
:
23 ม.ค. 54 14:57:41
A:58.11.68.17 X:
|
|
|
|