สงคราม ไม่ว่าจะเกิดขึ้นในลักษณะไหน จะในรูปแบบที่มีการใช้กำลังหรือไม่ล้วนไม่เคยก่อประโยชน์ใดๆเลยให้กับผู้ที่อยู่ร่วมในสงครามนั้นๆ ไม่ว่าผู้แพ้หรือผู้ชนะล้วนย่อมแต่สูญเสีย เช่น สงครามน้ำลาย ด่าทอกันไปมา สุดท้ายร่างกายของแต่ละฝ่ายก็เปียกปอนไปด้วยน้ำลายของฝ่ายตรงข้าม เพราะต่างฝ่ายก็เอาข้อบกพร่องข้อเสียอีกอีกฝ่ายมาประจาน คนที่ฟังการปะทะคารมล้วนแล้วแต่มอง สองฝ่ายที่ก่อสงครามน้ำลายเลวร้ายไม่ต่างกัน เห็นจุดบกพร่องข้อผิดพลาดทั้งสองฝ่ายเต็มไปหมด
ประเทศมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ทางการทหารที่สุดในโลกอย่างสหรัฐ ก็ได้บทเรียนราคาแพงจากการก่อสงครามมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง สงครามเวียดนาม GI สหรัฐล้มตายเป็นเบือ พวกที่รอดกลับไปสู่มาตุภูมิแผ่นดินเกิดเมื่อสงครามสงบ ก็กลายเป็นปัญหาสังคมจำนวนไม่น้อย กลายเป็นพวกหัวรุนแรงที่เกิดจากอาการวิตกจริต ก่อเหตุอาชญากรรมอย่างไร้สติ ทั้งลักวิ่งชิงปล้น สารพัด ตามแบบอย่างที่เราเคยได้เห็นในหนังฮอลลีวู้ด คนพวกนี้กลับไปสร้างปัญหาที่ต้องเสียงบประมาณจำนวนไม่น้อยเพื่อมาเยียวยารักษาภาวะสงครามหลอนทางประสาทให้กับทหารที่เคยเข้าร่วมในสงครามเวียดนาม
แล้วบทสรุปสุดท้ายสหรัฐก็ผ่ายแพ้ในสงครามเวียดนาม เรียกว่าเสียทั้งเงิน เสียทั้งชีวิตทหาร เสียทั้งคุณภาพชีวิตของคนในประเทศ เสียทั้งเกียรติประวัติของชาติมหาอำนาจ
และเมื่อสหรัฐในยุคนี้ พยายามจะกู้ชื่อตัวเองจากสงคราม ที่ตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง อีกหลายต่อหลายสงคราม แต่ที่สุดก็ยังไม่สามารถทำอย่างที่ใจหวังได้ สงครามในอิรัก หลังไร้ผู้นำเผด็จการอย่างซัดดัม อุสเซ็น ก็ไม่มีความสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอัน กลับส่งผลเสียในกับสหรัฐที่วุ่นวายพยายามจะไปจัดระเบียบให้กับประเทศอื่น สงครามปราบปรามผู้ก่อการร้ายในอัฟกานิสถาน ที่ก่อขึ้นหลังจากเหตุการณ์ nine one one (911) จนป่านนี้ก็ยังความหาตัวนายอุสซามะ บิลลาดินไม่ได้ แถมทหารที่ส่งเข้าไปต้องสู้รบติดแหง่กอยู่อย่างนั้น สิ้นเปลืองงบประมาณปีล่ะไม่รู้กี่ล้านล้านบาท
สงครามศาสนาในอดีต ก็ไม่เคยให้ผลลัพท์ที่ดีกับผู้ก่อสงคราม ที่หวังผลให้อีกฝ่ายเปลี่ยนมาเคารพนับถือตามอย่างที่ตนเองเชื่อ แต่จนถึงปัจจุบัน ความเชื่อความนับถือในศาสนาก็ยังคงแตกต่างกัน มิหนำซ้ำสงครามศาสนาในอดีตก็ยังคงฝากรอยร้าวให้กับกลุ่มคนบางกลุ่ม ฝั่งลึกลงไปในจิตใจให้เกิดความเคียดแค้นชิงชัง แม้ตอนนี้ยังอาจนิ่งเฉยไม่แสดงอาการ แต่ก็เชื่อว่า คนบางกลุ่มกำลังรอคอยวันเวลาเพื่อจะตอบโต้เอาคืน นั่นเป็นการก่อสงครามเพื่อสร้างศัตรูอย่างไม่จบสิ้น
บาดแผลความเจ็บปวดทางจิตใจ ที่เกิดขึ้นจากสงคราม ไม่ใช่สิ่งที่ลบเลือนได้ง่ายๆ เหมือนอย่างในปัจจุบัน ที่ จีน ออกมาประนาม รัฐบาลญี่ปุ่นทุกครั้ง ที่ผู้นำคนสำคัญของญี่ปุ่น เดินทางไปประกอบพิธีที่ศาลเจ้ายาสุคุนิ (พิธีรำลึกถึงทหารญี่ปุ่นที่เสียชีวิตในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2) เพราะจีนเองก็ยังผูกใจเจ็บกับการกระทำของทหารญี่ปุ่นในครั้งอดีตที่รุกรานจีน
สงครามมีวัตถุประสงค์หลักเพียง 2 อย่าง คือ แย่งชิง และ ปกป้อง ยกตัวในรูปแบบที่ไม่ใช้ความรุนแรง เช่น สงครามความคิด คือการแย่งชิงปรับเปลี่ยนให้อีกฝ่ายเปลี่ยนทัศนะคติมาเป็นอย่างที่ตัวเองเชื่อ ฝ่ายที่มีทัศนะคติที่ต่างออกไปหากไม่ยินยอมพร้อมใจเปลี่ยนแปลงทัศนะคติที่อีกฝ่ายเสนอหรือเปรียบได้กับการจู่โจม ฝ่ายที่เห็นต่างก็ต้องทำการปกป้องความคิดตัวเอง ด้วยการตอบโต้ความคิดนั้นๆกลับไป ซึ่งเหมือนในห้องราชดำเนินแห่งนี้ ซึ่งหากไม่ได้ข้อสรุปยุติ ก็จะกลายเป็นต่างฝ่ายต่างเกลียดชังกันในที่สุด
แต่ต่อให้เกิดปาฏิหารที่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชนะในสงครามความคิดนี้ได้ ก็หลีกหนีไม่พ้นที่จะเกิดบาดแผลทางจิตใจให้กับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด คือคบกันได้ แต่ไม่สนิทใจ ยังคงมีคนจดจำถ้อยคำหรือการกระทำในอดีตของอีกฝ่าย มาผูกใจเจ็บอยู่เสมอ เหมือนอย่างสงครามเหลืองแดง ในการเมืองจริงๆ
รู้ทั้งรู้ ว่าสงครามไม่ใช่สิ่งดี แต่ก็ยังใช้กำลังแย่งชิงอำนาจประชาธิปไตยมาจากประชาชน
รู้ทั้งรู้ ว่าสงครามไม่ใช่สิ่งดี แต่ก็ยังใช้กำลังเข้าจัดการสลายกลุ่มผู้ต่อต้าน ที่ตายก็ตายไป ที่รอดก็เกิดบาดแผลทางจิตใจ
รู้ทั้งรู้ ว่าสงครามไม่ใช่สิ่งดี แต่ใครบางคนยังใช้สงครามเพื่อให้ตัวเองได้มาซึ่งอำนาจ และใช้สงครามเพื่อให้ตนเองได้อยู่ในอำนาจต่อไป
และรู้ทั้งรู้ ว่าสงครามไม่ใช่สิ่งดียังใช้กำลัง เพื่อหวังกระแสช่วงชิงมวลชน โดยอ้างการปกป้องอธิปไตยของชาติ ใช้กำลังกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อปิดบังสิ่งที่ตัวเองทำผิดพลาด เบี่ยงเบนประเด็นการโจมตีจากคนที่ไม่เห็นด้วย ใช้กระแสข่าวสงครามกลบความผิดพลาดในการดำเนินนโยบาย เรื่องไข่ชั่งกิโล กลบเรื่องราวกระบวนการฟ้องศาลอาญาโลก และกลบข่าวกระแสการปฏิวัติที่ไม่ได้รับการตอบสนองจากประชาชน
คนที่เข้ามาอ่านบทความของผม เห็นไหมครับ ว่าใครทำแบบนี้ เห็นไหมว่าใครบ้าสงคราม แล้วหากเรายังสนับสนุนคนแบบนี้ให้ทำหน้าที่ผู้นำประเทศของเราต่อไป คงไม่ต้องบอกนะครับว่า ต่อไปในอนาคตประเทศชาติของเราจะเป็นอย่างไร ผมรอคอยวันที่ผมจะได้ใช้สิทธิตามระบอบประชาธิปไตยของผมอยู่ ถึงวันนั้นไม่มีทางที่สิทธิของผมจะถูกใช้เลือกคนที่บ้าและกระหายสงครามแบบนี้เด็ดขาด
+.+.+.+.+.+.+.+.+.+.+..+.+.+.+.+
ขอตอบกะทู้สักหน่อย ไหนๆพรุ่งนี้ก็งดตั้งกะทู้แล้ว
เรื่องแรก จากคุณ พิงค์วู P10213051 ที่บอกว่า
แต่เมื่อเราถูกรุกรานอธิปไตย จึงมีแค่สามตัวเลือก คือ 1.ยอมสูญเสียอธิปไตย โดยยอมคิดเสียแค่ว่าไม่ใช่เรื่องของตน ไม่ใช่แผ่นดินของตน แล้วก้มหน้าก้มตาอยู่อย่างสงบเจียมเนื้อเจียมตัว.. ปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างไปแล้วแต่เวรแต่กรรม หรือ 2.ลุกขึ้นออกมา เรียกร้องสิทธิ์ของตนเอง...ควรออกมาแสดงตัวชี้นำสังคม บอกสิ่งที่ผู้นำควรกระทำ
ในหนทางที่ถูกต้อง หรือ 3.อยู่อย่างกาฝากของสังคม คอยเกะกะระราน ที่เที่ยวนึกแช่งให้ประเทศของตัวเองประสบกับความหายนะ เพื่อความสะใจของตนเองและพวกพ้อง... |
ช่างเป็นถ้อยคำที่ดูถูกเหยียดหยามคนอื่นซะเหลือเกิน ผมคงต้องบอกว่า เก็บไว้เป็นทางเลือกของคุณคนเดียวเถอะครับนคนอย่างผมขอเลือก ทำหน้าที่กำจัดกาฝากของสังคม ที่นำพาประเทศของตัวเอง ไปคอยเกะกะระรานชาวบ้านทำให้ประเทศของตัวเองประสบกับความหายนะ