Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ความจริงของสงคราม สงครามของใครบางคน (พรุ่งนี้งดตั้งกะทู้ครับ) ติดต่อทีมงาน

     สงคราม ไม่ว่าจะเกิดขึ้นในลักษณะไหน จะในรูปแบบที่มีการใช้กำลังหรือไม่ล้วนไม่เคยก่อประโยชน์ใดๆเลยให้กับผู้ที่อยู่ร่วมในสงครามนั้นๆ ไม่ว่าผู้แพ้หรือผู้ชนะล้วนย่อมแต่สูญเสีย เช่น สงครามน้ำลาย ด่าทอกันไปมา สุดท้ายร่างกายของแต่ละฝ่ายก็เปียกปอนไปด้วยน้ำลายของฝ่ายตรงข้าม เพราะต่างฝ่ายก็เอาข้อบกพร่องข้อเสียอีกอีกฝ่ายมาประจาน คนที่ฟังการปะทะคารมล้วนแล้วแต่มอง สองฝ่ายที่ก่อสงครามน้ำลายเลวร้ายไม่ต่างกัน เห็นจุดบกพร่องข้อผิดพลาดทั้งสองฝ่ายเต็มไปหมด

     ประเทศมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ทางการทหารที่สุดในโลกอย่างสหรัฐ ก็ได้บทเรียนราคาแพงจากการก่อสงครามมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง สงครามเวียดนาม GI สหรัฐล้มตายเป็นเบือ พวกที่รอดกลับไปสู่มาตุภูมิแผ่นดินเกิดเมื่อสงครามสงบ ก็กลายเป็นปัญหาสังคมจำนวนไม่น้อย กลายเป็นพวกหัวรุนแรงที่เกิดจากอาการวิตกจริต ก่อเหตุอาชญากรรมอย่างไร้สติ ทั้งลักวิ่งชิงปล้น สารพัด ตามแบบอย่างที่เราเคยได้เห็นในหนังฮอลลีวู้ด คนพวกนี้กลับไปสร้างปัญหาที่ต้องเสียงบประมาณจำนวนไม่น้อยเพื่อมาเยียวยารักษาภาวะสงครามหลอนทางประสาทให้กับทหารที่เคยเข้าร่วมในสงครามเวียดนาม

     แล้วบทสรุปสุดท้ายสหรัฐก็ผ่ายแพ้ในสงครามเวียดนาม เรียกว่าเสียทั้งเงิน เสียทั้งชีวิตทหาร เสียทั้งคุณภาพชีวิตของคนในประเทศ เสียทั้งเกียรติประวัติของชาติมหาอำนาจ

     และเมื่อสหรัฐในยุคนี้ พยายามจะกู้ชื่อตัวเองจากสงคราม ที่ตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง อีกหลายต่อหลายสงคราม แต่ที่สุดก็ยังไม่สามารถทำอย่างที่ใจหวังได้ สงครามในอิรัก หลังไร้ผู้นำเผด็จการอย่างซัดดัม อุสเซ็น ก็ไม่มีความสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอัน กลับส่งผลเสียในกับสหรัฐที่วุ่นวายพยายามจะไปจัดระเบียบให้กับประเทศอื่น สงครามปราบปรามผู้ก่อการร้ายในอัฟกานิสถาน ที่ก่อขึ้นหลังจากเหตุการณ์ nine one one (911) จนป่านนี้ก็ยังความหาตัวนายอุสซามะ บิลลาดินไม่ได้ แถมทหารที่ส่งเข้าไปต้องสู้รบติดแหง่กอยู่อย่างนั้น สิ้นเปลืองงบประมาณปีล่ะไม่รู้กี่ล้านล้านบาท

     สงครามศาสนาในอดีต ก็ไม่เคยให้ผลลัพท์ที่ดีกับผู้ก่อสงคราม ที่หวังผลให้อีกฝ่ายเปลี่ยนมาเคารพนับถือตามอย่างที่ตนเองเชื่อ แต่จนถึงปัจจุบัน ความเชื่อความนับถือในศาสนาก็ยังคงแตกต่างกัน มิหนำซ้ำสงครามศาสนาในอดีตก็ยังคงฝากรอยร้าวให้กับกลุ่มคนบางกลุ่ม ฝั่งลึกลงไปในจิตใจให้เกิดความเคียดแค้นชิงชัง แม้ตอนนี้ยังอาจนิ่งเฉยไม่แสดงอาการ แต่ก็เชื่อว่า คนบางกลุ่มกำลังรอคอยวันเวลาเพื่อจะตอบโต้เอาคืน นั่นเป็นการก่อสงครามเพื่อสร้างศัตรูอย่างไม่จบสิ้น

     บาดแผลความเจ็บปวดทางจิตใจ ที่เกิดขึ้นจากสงคราม ไม่ใช่สิ่งที่ลบเลือนได้ง่ายๆ เหมือนอย่างในปัจจุบัน ที่ จีน ออกมาประนาม รัฐบาลญี่ปุ่นทุกครั้ง ที่ผู้นำคนสำคัญของญี่ปุ่น เดินทางไปประกอบพิธีที่ศาลเจ้ายาสุคุนิ (พิธีรำลึกถึงทหารญี่ปุ่นที่เสียชีวิตในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2) เพราะจีนเองก็ยังผูกใจเจ็บกับการกระทำของทหารญี่ปุ่นในครั้งอดีตที่รุกรานจีน

     สงครามมีวัตถุประสงค์หลักเพียง 2 อย่าง คือ แย่งชิง และ ปกป้อง ยกตัวในรูปแบบที่ไม่ใช้ความรุนแรง เช่น สงครามความคิด คือการแย่งชิงปรับเปลี่ยนให้อีกฝ่ายเปลี่ยนทัศนะคติมาเป็นอย่างที่ตัวเองเชื่อ ฝ่ายที่มีทัศนะคติที่ต่างออกไปหากไม่ยินยอมพร้อมใจเปลี่ยนแปลงทัศนะคติที่อีกฝ่ายเสนอหรือเปรียบได้กับการจู่โจม ฝ่ายที่เห็นต่างก็ต้องทำการปกป้องความคิดตัวเอง ด้วยการตอบโต้ความคิดนั้นๆกลับไป ซึ่งเหมือนในห้องราชดำเนินแห่งนี้ ซึ่งหากไม่ได้ข้อสรุปยุติ ก็จะกลายเป็นต่างฝ่ายต่างเกลียดชังกันในที่สุด

     แต่ต่อให้เกิดปาฏิหารที่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชนะในสงครามความคิดนี้ได้ ก็หลีกหนีไม่พ้นที่จะเกิดบาดแผลทางจิตใจให้กับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด คือคบกันได้ แต่ไม่สนิทใจ ยังคงมีคนจดจำถ้อยคำหรือการกระทำในอดีตของอีกฝ่าย มาผูกใจเจ็บอยู่เสมอ เหมือนอย่างสงครามเหลืองแดง ในการเมืองจริงๆ

     รู้ทั้งรู้ ว่าสงครามไม่ใช่สิ่งดี แต่ก็ยังใช้กำลังแย่งชิงอำนาจประชาธิปไตยมาจากประชาชน
     รู้ทั้งรู้ ว่าสงครามไม่ใช่สิ่งดี แต่ก็ยังใช้กำลังเข้าจัดการสลายกลุ่มผู้ต่อต้าน ที่ตายก็ตายไป ที่รอดก็เกิดบาดแผลทางจิตใจ     
     รู้ทั้งรู้ ว่าสงครามไม่ใช่สิ่งดี แต่ใครบางคนยังใช้สงครามเพื่อให้ตัวเองได้มาซึ่งอำนาจ และใช้สงครามเพื่อให้ตนเองได้อยู่ในอำนาจต่อไป

    และรู้ทั้งรู้ ว่าสงครามไม่ใช่สิ่งดียังใช้กำลัง เพื่อหวังกระแสช่วงชิงมวลชน โดยอ้างการปกป้องอธิปไตยของชาติ ใช้กำลังกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อปิดบังสิ่งที่ตัวเองทำผิดพลาด เบี่ยงเบนประเด็นการโจมตีจากคนที่ไม่เห็นด้วย ใช้กระแสข่าวสงครามกลบความผิดพลาดในการดำเนินนโยบาย เรื่องไข่ชั่งกิโล กลบเรื่องราวกระบวนการฟ้องศาลอาญาโลก และกลบข่าวกระแสการปฏิวัติที่ไม่ได้รับการตอบสนองจากประชาชน

     คนที่เข้ามาอ่านบทความของผม เห็นไหมครับ ว่าใครทำแบบนี้ เห็นไหมว่าใครบ้าสงคราม แล้วหากเรายังสนับสนุนคนแบบนี้ให้ทำหน้าที่ผู้นำประเทศของเราต่อไป คงไม่ต้องบอกนะครับว่า ต่อไปในอนาคตประเทศชาติของเราจะเป็นอย่างไร ผมรอคอยวันที่ผมจะได้ใช้สิทธิตามระบอบประชาธิปไตยของผมอยู่ ถึงวันนั้นไม่มีทางที่สิทธิของผมจะถูกใช้เลือกคนที่บ้าและกระหายสงครามแบบนี้เด็ดขาด


+.+.+.+.+.+.+.+.+.+.+..+.+.+.+.+


ขอตอบกะทู้สักหน่อย ไหนๆพรุ่งนี้ก็งดตั้งกะทู้แล้ว
เรื่องแรก จากคุณ พิงค์วู P10213051 ที่บอกว่า


 
แต่เมื่อเราถูกรุกรานอธิปไตย จึงมีแค่สามตัวเลือก
คือ  1.ยอมสูญเสียอธิปไตย โดยยอมคิดเสียแค่ว่าไม่ใช่เรื่องของตน ไม่ใช่แผ่นดินของตน แล้วก้มหน้าก้มตาอยู่อย่างสงบเจียมเนื้อเจียมตัว.. ปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างไปแล้วแต่เวรแต่กรรม
หรือ 2.ลุกขึ้นออกมา เรียกร้องสิทธิ์ของตนเอง...ควรออกมาแสดงตัวชี้นำสังคม บอกสิ่งที่ผู้นำควรกระทำ…ในหนทางที่ถูกต้อง
หรือ 3.อยู่อย่างกาฝากของสังคม คอยเกะกะระราน ที่เที่ยวนึกแช่งให้ประเทศของตัวเองประสบกับความหายนะ เพื่อความสะใจของตนเองและพวกพ้อง...



     ช่างเป็นถ้อยคำที่ดูถูกเหยียดหยามคนอื่นซะเหลือเกิน ผมคงต้องบอกว่า เก็บไว้เป็นทางเลือกของคุณคนเดียวเถอะครับนคนอย่างผมขอเลือก ทำหน้าที่กำจัดกาฝากของสังคม ที่นำพาประเทศของตัวเอง ไปคอยเกะกะระรานชาวบ้านทำให้ประเทศของตัวเองประสบกับความหายนะ

     กะทู้ต่อมาเป็นของคุณ Proton P10213526 ที่เรียกร้องถามหาความสามัคคี


 
เห็นหลายกระทู้ ยังกระแหนะกองทัพ...ยังด่าอภิสิทธิ์ ยังด่าใครต่อใคร...แต่ไม่เห็นด่าตัวเองมั่ง....
หยุดอคติ หยุดด่าทอกันเอง หยุดการทะเลาะวิวาทภายในกันสักระยะ... แล้วเอาใจช่วย ทหารไทยที่กำลังทำหน้าที่ปกปักรักษาคุ้มกะลาหัวพวกคุณๆ อยู่ที่สนามรบชายแดนเขมรเถอะ!!!
อย่าอวดเก่ง แบบนักเลงคีย์บอร์ด....สักแต่พิมพ์ด่า และถากถางทหาร......จะชั่วจะดีในสายตาคุณ แต่ ทหารส่วนใหญ่ก็พร้อมพลีกายเพื่อชาติเพื่อแผ่นดิน...หากในประเทศมีแต่พวกกายไทยใจเขมร...รับรองประเทศก็สูญเสียเอกราช...เป็นเมืองขึ้นฮุนเซนแน่..
วันนั้นมาถึงจะรู้สึก...
สู้ครับทหารหาญ  ผมขอเป็นกำลังใจ..
สู้เพื่อชาติ..
อย่าให้เหมือนพวกกลุ่มก้อนบางกลุ่ม ที่สู้เพื่อใครคนใดคนหนึ่ง  และแค่อามิจสินจ้างรางวัลเท่านั้นเอง....



     อ่านแล้วขำครับ มาบอกคนอื่นให้หยุดกระแหนะ ด่าทอคนที่ก่อปัญหา แต่ตัวเองก็ยังกระแหนะคนอื่นตลอดเวลา เรียกร้องแบบนี้ไม่ได้ความสามัคคีจากคนอื่นหรอกครับ ได้แต่ความชิงชังที่มีมากขึ้นเท่านั้น กรุณาใช้สมองก่อนพิมพ์ด้วยครับ ตัดสินใจให้แน่ ว่าจะเอาความสามัคคีหรือความเกลียดชัง จะได้พิมพ์ได้อย่างที่ตั้งใจ มิใช่หวังอย่างได้อีกอย่างแบบนี้

     ส่วนเรื่องรบแพ้นั้นไม่ต้องห่วงหรอกครับ เขมรเขาไม่โง่บุกไทยเพื่อยึดครองหรอก เพราะหากทำเช่นนั้น ซึ่งนอกจากจะไม่ชนะด้วยศักยาพกำลังพลและยุทธโธปกรณ์ทางทหารแล้ว นั้นยังพลิกสถานะบนเวทีโลกให้กลับมาเสียเปรียบไทยด้วย ซึ่งนั้นแปลว่ากำลังหนุนจะหายไป หากเกิดภาวะการประกาศสงครามกันอย่างเป็นทางการ เคยอ่านข่าวสารจากสื่อต่างประเทศบ้างไหมครับ ถ้าไม่เคยก็ลองซะ จะได้พัฒนาทัศนะคติให้กว้างขึ้นครับ อย่ามัวแต่อยู่ในกะลาเลย

     หากทำไปเพื่อปกป้องมาตุภูมิ คนไทยย่อมสนับสนุนอยู่แล้วครับ แต่ต้องยอมรับความจริงว่า ยังมีคนบางกลุ่มพยายามจะพ่วงให้การใช้กำลังทางทหารครั้งนี้ เป็นการไปแย่งชิงสมบัติของประเทศอื่นอย่างปราสาทเขาพระวิหารด้วย (ผมเขียนชัดเจนนะครับว่าปราสาท ไม่ใช่พื้นที่โดยรอบซึ่งเป็นของไทย) ใครหลายคนจึงไม่สนับสนุนการใช้กำลังทางทหารครั้งนี้ พวกเขาจึงเรียกร้องการเจรจา เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดนมากกว่า แต่อย่างที่บอกครับ ว่าหากทำไปเพื่อปกป้องมาตุภูมิแผ่นดินไทย ก็ทำไปเถอะ แต่ต้องกระทำอย่างมีความคิด มิใช่ไปเหมาว่า พื้นที่ทับซ้อนทั้งหมดเป็นของไทย แล้วใช้กำลังหักหาญแย่งชิงมา แบบนี้ไม่ถูกต้องครับ

     และเห็นใครบางคน บอกว่า อย่าดีแต่ด่าทอรัฐบาลเพียงอย่างเดียว ให้ช่วยเสนอแนะการแก้ไขปัญหาที่สร้างสรรค์ด้วย ซึ่งผมก็จะลองเสนอดูว่า

     ให้ประกาศไทยหยุดยิงอย่างเป็นทางการ แล้วอพยพประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยมาอยู่ในที่ๆปลอดภัย (เอาเฉพาะที่อาศัยอยู่บริเวณแนวปะทะและใกล้เคียง ไม่ต้องบ้าจี้ อพยพทั้งหมดตลอดแนวชายแดนนะ) และยื่นขอให้คนกลางอย่างสหประชาชาติเข้ามาทำหน้าที่ไกล่เกลี่ย ไม่ต้องเปิดการเจรจากับเขมรโดยตรง เพราะถึงเวลานี้ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปใช้การทูตกับคู่กรณีโดยตรงแล้ว ต่างฝ่ายต่างก็อ้างความถูกต้องของตัวเองเป็นหลัก

     ซึ่งถ้าให้สหประชาชาติเป็นผู้ไกล่เกลี่ย ต่อให้ไม่ได้ข้อสรุปว่าใครถูกใครผิด หรือเขตแดนตรงนั้นเป็นของใคร แต่นั้นก็ยังทำให้สถานการณ์กับสู่ภาวะเดิม คืออึมครืมในระดับผู้นำ แต่ไม่มีการปะทะทางทหาร รอให้เหตุการณ์สงบค่อยรื้อเรื่องพื้นที่ทับซ้อนมาเจรจากับเขมรต่อไป

     ส่วนข้อเสนอประเภทจัดหนัก จัดเต็ม เปิดการรบเต็มรูปแบบ อย่างเอาเครื่องบินรบไปไล่ถล่ม
อย่าได้กระทำ นอกจากมีการประกาศภาวะสงครามอย่างเป็นทางการแล้ว เพราะหากเราทำเช่นนั้นก่อน เราจะกลายเป็นผู้ก่อชนวนสงครามในสายตานานาชาติ (ตอนนี้ เขามองว่าเป็นแค่การปะทะกัน) และถึงวันนั้นหาก ไทยคงได้ปิดประเทศอย่างพม่าหรือเกาหลีเหนือแน่ๆ ซึ่งนั้นไม่เป็นผลดีกับใครเลย นอกจากชนชั้นผู้นำ

ปล.มะรืนนี้เจอกันใหม่ครับ

 

 

 

 

แก้ไขเมื่อ 07 ก.พ. 54 13:15:14

จากคุณ : พระรองตลอดกาล
เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 54 12:50:54 A:183.89.223.25 X:



ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com