Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
คนไทยหัวใจเขมร..? วาทะกรรมนี้ เพื่อใคร..?{แตกประเด็นจาก P10219810} ติดต่อทีมงาน

     หยุดพักไป 1 วันพอกลับมาอีกที ก็ยังเจอคำพูดเช่นนี้อยู่ เอ...หรือว่าโลกไม่ได้หมุนรอบตัวเองอย่างเคยเรียนมาตอนเด็กๆ มีแค่ใครบางคนเท่านั้นที่หมุนรอบตัวเอง วนไปวนมาก็เอาคำนี้มาใช้โจมตีคนที่คิดต่าง เหมือนเดิมกับเมื่อหลายวันที่แล้ว ตอนที่เหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาเกิดขึ้นใหม่ๆ

     แต่ก็เอาน่า ไหนๆเขาก็ยกเรื่องนี้มาอภิปรายแล้ว ผมนายพระรอง จอมข้องใจ ก็จะขอตามไปดูสักหน่อยว่าเขามีเหตุอะไร ถึงได้ใช้คำนี้มาเป็นหัวข้ออภิปราย

จากกะทู้ P10219810 ของคุณ Masatha เหตุผลที่ยกมามี 2 ข้อ คือ
     1.ไม่ต้องการสงคราม ซึ่งเหตุผลตอนแรกก็ฟังดูดี ว่าเป็นคนที่ไม่อยากจะให้มีการสูญเสียชีวิต และทรัพย์สิน กระทบกับการค้าชายแดน กระทบกับความเป็นอยู่ของชาวบ้าน แต่สุดท้ายคุณ Masatha ก็ยังยัดข้อกล่าวหาให้กับคนที่คิดต่างอยู่ดี ว่ามีคนที่มีแนวคิดให้ยกพื้นที่ที่มีปัญหาดังกล่าวให้เขมรไปเถอะ จะได้ไม่ต้องรบกัน ซึ่งคนขี้สงสัยอย่างผม สงสัยเหลือเกินว่า คนแบบที่ว่านี้ คุณ Masatha ไปเห็นที่ไหน เพราะในพันทิพย์นี้ผมก็อ่านทุกกะทู้แล้ว ไม่เจอคนลักษณะดังกล่าว

     แต่ที่เจอเยอะก็คือคนลักษณะแบบคุณ Masatha นี้แหละ ที่เที่ยวแต่กล่าวหาคนอื่นว่ายินยอมพร้อมใจเป็นคนไทยหัวใจเขมร ไม่เห็นแผ่นดินไทยสำคัญ เรียกว่าใครไม่เชียร์รัฐบาล ไม่ส่งแรงไทยให้ทหารเป็นคนไทยหัวใจเขมรทั้งนั้น คงไม่ต้องลงชื่อ log in ประกาศนะครับว่ามีใครบ้าง เพราะมีอยู่กลุ่มเดียวเท่านั้น และยิ่งแปลกที่คุณ Masatha ออกมาขอต่อต้านแทนคนที่คิดว่าสิ่งสำคัญในการคัดค้านการรบ คือชีวิตและทรัพย์สินของผู้ที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดน กับข้อหาไม่ใช่คนไทย ผมถามนิดนึงเถอะ ต่อต้านจากใครครับ..? ต่อต้านจากพวกคุณเองเหรอ..? เพราะผมเห็นมีแต่กลุ่มพวกคนเท่านั้นที่ยัดเยียดข้อหานี้ให้กับคนอื่น หรือพวกคุณมีสิทธิโดยชอบธรรมเพียงฝ่ายเดียวนั้น ที่จะอ้างตัวว่าเป็น คนไทยหัวใจไทยครับ

     2.ไทยควรจะกระทำทุกวิถีทาง เพื่อรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ตามหัวข้อเหตุที่ยกมาทำให้ผมมึนงงเป็นอย่างมาก ว่าคนแบบนี้ เป็นคนไทยหัวใจเขมรไปได้อย่างแล้ว แล้วก็ถึงบางอ้อ เมื่อได้อ่านเหตุผลประกอบ ตามข้อย่อย

     2.1 รัฐมนตรีต่างประเทศของไทยเรา ไปด่านายก ฮุน เซน ว่า กุ๊ย 
     2.2 เราตั้งคนที่ไปด่าเขา เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ

     ที่ว่าถึงบางอ้อ ก็คือว่า ผมรู้สึก “อ้อ รู้แล้ว ก็แค่อยากจะปกป้องรัฐบาล ถึงเที่ยวได้ออกมาด่าชาวบ้าน” เพราะเหตุผลข้อนี้ดูยังไงก็ไม่ใช่พฤติกรรมที่น่าจะเรียกว่า คนไทยหัวใจเขมรได้ การที่คนบางส่วนไม่ชอบพฤติกรรมของใครบางคนที่เป็นรัฐมนตรี นั่นแปลว่าไม่รักชาติ เอาตรรกะแบบไหนมาตัดสิน คุณ Masatha พยายามจะลากนายกทักษิณมาเกี่ยวข้องกับเหตุผลที่ตัวเองยกขึ้นมาอ้างด้วย ซึ่งผมก็พอเข้าใจได้ เพราะคุณ Masatha แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ชอบทักษิณ แต่มันก็ยังไม่ได้ให้ความกระจ่างกับคนที่อ่านบทความชิ้นนี้เลยว่า เหตุผลข้อ 2 ที่ยกมากล่าวนี้ (ทั้งหัวข้อหลัก และหัวข้อย่อย) มันเป็นการบ่งบอกพฤติกรรม คนไทยหัวใจเขมรอย่างไร อ่านซ้ำกี่เที่ยวก็ยังไม่รู้ว่า คนไม่ชอบกษิต เป็นคนไทยหัวใจเขมรได้อย่างไร เพราะเหตุผลที่ยกมาอ้างในข้อ 2 นี้ คือคนที่ชื่นชมทักษิณต่างหาก ที่คุณ Masatha พยายามจะยัดเยียดให้เป็น คนไทยหัวใจเขมร

     และไม่ต้องมาบอกนะครับ ว่าได้อธิบายเหตุผลไว้ชัดเจนแล้ว เพราะไม่ว่าจะเอาตรรกะแบบ ไม่ชอบกษิต แต่ชอบทักษิณ หรือเกลียดทักษิณ และชอบกษิต มันก็ไม่ได้เป็นเหตุผลบ่งชี้ได้ว่า เป็นคนไทยหัวใจเขมร ได้อย่างไร การที่กษิตด่านายกประเทศอื่นไม่ได้แปลว่านายกษิตรักชาติ การที่ทักษิณเคยเป็นที่ปรึกษาให้กับประเทศอื่นไม่ได้แปลว่าทักษิณขายชาติ ซึ่งนั้นต่างหากคือตรรกะที่มีเหตุผล ดังนั้นคุณ Masatha อย่าผูกขาดการรักชาติไว้คนเดียวด้วยวิธีแบบผิดๆแบบนายกษิตเลย

     สิ่งเดียวที่ได้จากบทความชิ้นนี้คือ “เลอะเทอะ” หาสาระอะไรไม่ได้เลย นี้หรือเป็นการตกผลึกที่สังคมพันทิพย์คาดหวัง และคำที่ตบท้ายกะทู้ที่หาสาระไม่ได้กะทู้นี้ ก็พยายามจะจบอย่างสวยงาม และเรียกเรตติ้งด้วยการสรุปเหน็บแนบคนที่คิดต่าง เรียก Give จากคนกลุ่มเดียวกันว่า

     สุดท้าย ก็สรุปแค่ว่า

 
ถ้าคุณโดนกล่าวหาว่าเป็น “ฅนไทยหัวใจเขมร” ด้วยเหตุผลข้อแรก ผมเห็นใจ เข้าใจ และอยากให้กำลังใจนะครับ แต่ถ้าคุณเป็นฅนในจำพวกที่สอง.... ถึงแม้ว่าคำกล่าวหาว่า ‘ไม่ใช่ฅนไทย’ ออกจะรุนแรงไปสักหน่อย (และผมไม่นิยมการตำหนิใครแบบนั้น) แต่ผมคิดว่า ถ้าผมเป็นฅนกัมพูชา ผมคงยินดีที่มีฅนไทยแบบพวกคุณน่ะครับ....

     ซึ่งถ้าเอาเหตุผลที่กะทู้นี้พยายามจะยกขึ้นมาอ้างก็ยังไม่เห็นอยู่ดี ว่าคนที่คิดต่างกับคุณ Masatha เป็นคนไทยหัวใจเขมรได้อย่างไร ไม่ชอบสงครามผิดเหรอ..? ไม่ชอบกษิตต้องไม่ใช่คนไทยเหรอ..? แต่ที่เห็นอย่างเดียวชัดเจนจากกะทู้นี้ คือคุณพยายามจะยัดเยียดให้คนที่คิดต่างเป็นคนไทยหัวใจเขมรให้ได้

     ตัวเป็นไทยแต่ใจมิได้เป็นไทย ตามประวัติศาสตร์มีบันทึกไว้ อย่างเช่น ตอนเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 1 สมัยแผ่นดินพระมหาจักรพรรดิ ซึ่งพระเจ้าบุเรงนองยกทัพมาล้อมตีกรุงศรี แต่ตีไม่แตก ก็เกิดข้อตกลงในการยกทัพกลับขึ้นเสียก่อน โดยแผ่นดีนกรุงศรียินยอมส่งทหารเอกอย่างพระยาจักรี และพระสมุทรสงครามไปเป็นตัวประกันให้กับทัพของพระเจ้าบุเรงนอง แต่เมื่อได้ตัวประกันแล้ว ทัพพม่ากลับตระบัดสัตย์ ไม่ยอมยกทัพกลับ ล้อมตีเมืองอยู่นานถึง 9 เดือนแต่ก็ยังไม่สำเร็จ ใกล้ถึงฤดูน้ำหลากซึ่งไม่เหมาะกับการยกทัพ

     พม่าจึงได้ใช้แผนวัสสการณ์พราหมณ์ แสร้งปล่อยให้พระยาจักรีหลบหนีไปได้ แล้วตัดหัวทหารผู้คุมพม่า 30 คนเสียบหัวประจานให้ฝ่ายกรุงศรีดู เมื่อพระยาจักรีทหารกล้าของกรุงศรีมีใจเป็นอื่นแล้ว เมื่อได้กลับมานำทัพจึงรบแบบแสร้งให้แพ้ จนเป็นเหตุให้เสียกรุงในเวลาต่อมา และพระยาจักรีก็ติดตามบุเรงนองกลับไปรับราชการที่พม่า จุดจบของพระยาจักรี สารานุกรมประวัติศาสตร์ไทย เขียนไว้ว่า ภายหลังพระเจ้าหงสาวดีก็หาเหตุฆ่าเสีย เพราะเห็นว่าเป็นคนที่เนรคุณต่อบ้านเกิดเมืองนอน เลี้ยงไว้ไม่ได้

     ตอนเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 จากคำให้การของขุนหลวงหาวัด มีทหารไทยบางส่วนมีใจเป็นอื่น ได้ทำการเปิดประตูเมืองรับข้าศึกเช่นพม่า ซึ่งก็คือ พระยาพลเทพ ซึ่งก็ถือว่าเป็นคนไทยใจพม่าไม่ต่างกับพระยาจักรี

     ที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นต้นกำเนิดของคำในลักษณะ ตัวไทยใจมิได้เป็นไทย เมื่ออ่านประวัติศาสตร์ที่มีสาระแล้ว ประมวลผลอย่างไรผมก็ไม่เห็นว่า คนที่คัดค้านการก่อสงครามกับประเทศเพื่อนบ้าน เป็นคนไทยหัวใจเขมรตรงไหน มีหลักฐานไหมครับ ว่ามีคนไทยบางกลุ่มที่ถือปืนไปช่วยเขมรรบกับชาติตัวเอง มีหลักฐานไหมครับ ว่ามีคนไทยบางกลุ่มมุ่งหวังให้ทหารไทยรบแพ้เป็นเหตุให้สูญเสียเอกราช หรือได้แต่เพียงคิดเองเอ่อเองว่า คนที่คิดต่างจากตนเองกำลังแอบทำพฤติกรรมอย่างนั้นอยู่

     กะทู้ของคุณ Masatha ที่เอาเหตุผลจากความคิดของตัวเองมาตัดสินการกระทำของคนอื่น หากไม่เอาแต่ความคิดของตัวเองฝ่ายเดียวก็จะเห็นว่า คนที่ออกมาประนามสงครามครั้งนี้ ก็เพราะพฤติกรรมอันเป็นเหตุชวนเชื่อได้ว่า เป็นต้นเหตุของการก่อสงคราม ซึ่งเกิดมาจากคนของรัฐบาล (คลิป นายกรู้คนเดียว) และเกิดจากการกระทำของกลุ่มคนบางกลุ่มที่มุ่งหวังจะให้รัฐบาลใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหาอย่างกลุม พธม เหตุผลแบบนี้ไม่ได้ปรากฏในกะทู้ของคุณ Masatha เลย

     การไม่สนับสนุนทหาร โดยการไม่ส่งกำลังใจให้ หรือตั้งกะทู้ในทำนองว่ารบไปก็แพ้แน่ ที่มีเยอะแยะมากมาย เป็นเพราะอะไร ก็เป็นเพราะคนพวกนั้นเขาเห็นพฤติกรรมของทหารและกลุ่มผู้มีอำนาจกระทำกับประชาชนในประเทศน่ะสิ เขารู้สึกว่าทหารไทยเก่งแต่กลับพวกมือเปล่า หรือพวกไม่มีทางสู้เท่านั้น หากไม่อยากให้เกิดแบบนี้แล้วทำไมตอนลงมือกับคนไทยถึงไม่คิด เหตุผลแบบนี้ทำไมไม่มีกล่าวถึงครับ หรือว่าคุณ Masatha ไม่เคยเห็นเลยในราชดำเนินแห่งนี้

     ดังนั้น วาทะกรรม คนไทยหัวใจเขมร จึงเป็นข้อกล่าวหาจากคนบางกลุ่มที่หวังจะทำลายความน่าเชื่อถือของอีกฝ่ายเท่านั้น และก็แปลก ที่คำที่มุ่งหวังประโยชน์อย่างนี้แต่ล่ะคำรุนแรงหนักหนาสาหัสทั้งนั้น อย่างในอดีตในโรงหนังเฉลิมกรุง มีคนตะโกนว่า “ปรีดีฆ่าในหลวง” ซึ่งต่อมาทราบภายหลังว่าคนที่ตะโกนนั้นได้รับการว่าจ้างมา โดยเป็นฝีมือของ นายเลียง ไชยกาล ส.ส.ปชป สมัยนั้น ที่ได้ร่วมกับ ม.ร.ว.เสนีย์-คึกฤทธิ์ และ ควง อภัยวงศ์ แม้จะมีการขอขมาต่อนายปรีดีในที่สุด แต่นั้นก็ทำให้นายปรีดี เสื่อมเสียชื่อเสียงจนในที่สุดก็เกิดการปฏิวัติจากข้อกล่าวหาว่ามีส่วนพัวผันกับการสวรรคต จนนายปรีดีต้องลี้ภัยต้องหลบหนีไปอยู่ต่างประเทศและไม่ได้กลับแผ่นดินไทยอีกเลยจนถึงวันตาย

     คำต่อมา คำว่า “ใครพาคนไปตาย” ก็เกิดขึ้นจากกรณีพฤษาทมิฬ ซึ่งภายหลังมีการเลือกตั้ง พรรคการเมืองอย่างพรรค ปชป ก็ได้ขึ้นป้ายด้วยถ้อยคำนี้ ซึ่งวัตถุประสงค์ก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าสื่อถึง พล.ต จำลอง ศรีเมือง ผู้นำพรรคพลังธรรมในตอนนั้น ซึ่งเป็นคู่แข่งในการเลือกตั้งสส ในพื้นที่ก.ท.ม จนภายหลังนายสมัคร สุนทรเวช เป็นคนเติมชื่อ “จำลอง” ลงไปจนกลายเป็นคำว่า “จำลองพาคนไปตาย”  เพื่อให้ตรงตามอย่างที่พรรค ปชป ต้องการ ซึ่งถ้าถามว่าใครเป็นต้นคิดของคำว่า จำลองพาคนไปตาย พรรคปชป คงไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบได้

     คำต่อมา คำว่า “ระบอบทักษิณ” คนคิดไม่ใช่คนจากพรรคการเมืองเดิม แต่พรรคการเมืองนี้ก็ผสมโรงโหมกระแสด้วยการขนคนมาสนับสนุนแนวคิดล้มระบอบทักษิณ อย่างพธม.จนในที่สุดนำมาซึ่งการปฏิวัติรัฐประหาร

     จะเห็นได้ว่าทุกคำที่ผมยกมาเป็นตัวอย่าง ล้วนมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ทำลายล้างฝ่ายที่คิดต่างกับตนเสมอ คำล่าสุด อย่างคนไทยหัวใจเขมร ก็ไม่ได้แตกต่างจากคำก่อนๆ เป็นคำที่มุ่งหวังประโยชน์อย่างเดียวกัน และก็มาจากต้นตอเดียวกันกับวาทะทำลายล้างทางการเมืองคำอื่นๆ ซึ่งแน่นอน ถ้าเอาคำเหล่านี้ไปถามพรรคประชาธิปัตย์ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวไหม พรรคการเมืองที่หน้าด้านหน้าทนแห่งนี้ ก็จะปฏิเสธทุกครั้ง เพราะตลอดมามีพฤติกรรมเป็นอีแอบ ประเภทกล้าทำไม่กล้ารับมาตลอด

     คนที่มาอ่านกะทู้นี้ ผมหวังว่าคงได้สาระอะไรไป อย่างน้อยก็ยังได้รู้เกร็ดประวัติศาสตร์ของชาติไทย และอย่างน้อยก็ได้รู้ที่มาของคำแต่ล่ะคำที่เป็นวาทะทางการเมือง ไม่ได้เป็นกะทู้ที่ “เลอะเทอะ” เหมือนอย่างบางกะทู้ที่ดีแต่ตัดสินคนอื่นด้วยความคิดตัวเอง

 

 

 

จากคุณ : พระรองตลอดกาล
เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 07:07:33 A:183.89.31.5 X:



ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com