Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ขอท้วงคุณ NemoAtlantis และชี้ให้เห็นข้อผิดพลาดมากมายในการให้ความเห็นเรื่องสัญชาติ ของคุณนะครับ ติดต่อทีมงาน


เนื่องจากในประเด็นเรื่องสัญชาติที่ถกกันมา3-4 วันนี้ ยังมีความพยายามจะแปลกฎหมายให้ขัดต่อหลักกฎหมายระหว่างประเทศและหลักสหประชาชาติ โดยฝืนแปลไปให้ขัดแม้กระทั่งความหมายพื้นฐานของศัพท์ภาษาอังกฤษพื้นๆ โดยคุณ NemoAtlantis  ได้พยายามตีความ British nationality act 1948   ว่า “บุคคลต้องมีสัญชาติอังกฤษ” แม้เขาไม่ยินยอมจะใช้สิทธินั้นเอง ซึ่งขัดต่อพื้นฐานทางกฎหมายระหว่างประเทศหรือหลักขององค์การสหประชาชาติ จึงขออภิปรายเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องดังนี้ครับ

ประการที่ 1 ภาษากฎหมายอังกฤษนั้นหากจะใช้คำว่า “จะต้อง” เขาใช้คำอื่น   ไม่ใช่ Shall ครับ

จากบทบัญญัติ British nationality act 1948 ที่ว่า 1.(1) …. of this section is a citizen of that country shall by virtue of that citizenship have the status of a British subject.(=national ตามกฏหมายสมัยนั้น) ที่คุณ NemoAtlantis  นำมาอ้างในกระทู้ P10249246ว่าแปลว่า “จะต้องมีสัญชาติอังกฤษนั้น” ขอแย้งครับ คำว่า Shall ตามพจนานุกรมอังกฤษฉบับทั่วไปนั้นจะแปลได้แค่ว่า “จะ”  คุณเองกลับแปลเกินเลยให้ไปขัดต่อหลักกฎหมายระหว่างประเทศที่สัญชาติเป็นสิทธิ(ซึ่งปกติสิทธินั้น ใครก็จะละเมิดกันไม่ได้ แม้แต่รัฐ อันเป็นหลักพื้นฐานกฎหมาย เรื่อง สิทธิ) แล้วไปแปลคำว่า shall…..have  ผิดๆเอาเสียเองว่า “ต้องมี หรือ จะต้องมีสัญชาติ” โดยขัดต่อพื้นฐานการแปลศัพท์ เพราะศัพท์ภาษาอังกฤษที่แปลว่า “ต้อง หรือจะต้อง”ที่พื้นฐานภาษาอังกฤษมีคือ must, have to, be obliged to เป็นต้น  และกฎหมายอังกฤษนำมาใช้บัญญัติในกฎหมายนั้นคือ คำว่า “will have to” หรือ "be obliged to "ดังตัวอย่างที่ปรากฏในกฎหมายอังกฤษมากมาย ขอยกมาให้ดูเป็นตัวอย่าง ดังนี้

Disability Discrimination Act 2005
2005 CHAPTER 13
15C....(2)It is the duty of the authority to take such steps as it is reasonable, in all the circumstances of the case, for it to have to take in order to prevent the provision..( คลิก )

24C...(2)It is the duty of the controller to take such steps as it is reasonable, in all the circumstances of the case, for him to have to take in order to provide the auxiliary aid or service . ..( คลิก )


Violent Crime Reduction Act 2006
(7)...(d)when he will have to pay any such fees  ..( คลิก )


Equality Act 2010
3)The first requirement is a requirement, where ........ to take such steps as it is reasonable to have to take to avoid the disadvantage.
(4)The second requirement is a requirement, where.....as it is reasonable to have to take to avoid the disadvantage.
(5)The third requirement is a requirement, where ....to take such steps as it is reasonable to have to take to provide the auxiliary aid. ..( คลิก )

หรือ
Policing and Crime Act 2009
(4)A member of SOCA's staff who is obliged to live outside the United Kingdom   ..( คลิก )

ดังนั้น การที่คุณเอาคำว่า “shall…..have” มาอ้างว่ากฎหมายอังกฤษเขาแปลว่า “ต้องมี หรือจะต้องมี”สัญชาติอังกฤษ จึงเป็นการแปลที่ขัดต่อรากศัพท์เดิมของภาษาอังกฤษของคำว่า “Shall” และขัดต่อหลักปฏิบัติของกฎหมายอังกฤษเองที่“ต้องมี หรือจะต้องมี” นั้นเขาจะใช้คำว่า  “will have to” “be obliged to”  จึงนับเป็นการอ้างเอาเองแบบผิดๆโดยมี  Fallacy

หากเจตนรมย์ของกฎหมายต้องการบังคับให้คนที่เกิดในอังกฤษ ถือสัญชาติอังกฤษประหนึ่งรัฐประทับให้เองโดยบุคคลไม่ยินยอมแล้ว ก็ต้องใช้ประโยคว่า  will by virtue of that citizenship have to have the status of a British subject.(=national ตามกฏหมายสมัยนั้น)

ในข้อกฎหมายนั้น บทบัญญัตินี้นั้น ภาษากฎหมายใช้คำว่า “shall…..have” หมายถึงว่าเมื่อมีสถานะพลเมืองอังกฤษก็ "จะมี” สัญชาติอังกฤษ  Shall บ่งถึงเหตุที่จะเกิดในอนาคตในภายหน้าในวาระต่อไป    จะเมื่อเวลาใดก็ได้   เมื่อเขาขอใช้สิทธินั้น แต่เป็นคนละขั้นที่ถัดไปจากการมีสภาพพลเมืองอังกฤษ ที่สำคัญ สัญชาติอังกฤษที่จะได้เพราะผลของความเป็นพลเมืองนี้  จะไม่เกิดมีขึ้นก็ได้ หากคนคนนั้นขอพ้นสภาพพลเมืองอังกฤษไปเสียก่อนจะได้สัญชาติ

ประการที่ 2 การให้สัญชาติจะเกิดได้ เมื่อมีการขอก่อน

บริบทของกฎหมายระหว่างประเทศบัญญัติว่า “สัญชาติเป็นสิทธิที่รัฐต้องให้แก่ประชาชน” คุณไปไขว้เคว้คำว่า “ต้องให้” อีก โดยคุณไปเข้าใจว่า รัฐต้องให้นั้นเป็นการบังคับบุคคลให้รับสัญชาติ ซึ่งเป็นการแปลความที่ผิด เพราะที่ว่ารัฐต้องให้นั้น เป็นการบังคับรัฐแต่ฝ่ายเดียวว่าจะต้องให้สัญชาติเมื่อมีบุคคลขอ

พื้นฐานของคำว่าให้ แปลความชัดเจนแล้วว่า ต้องมีการขอเกิดขึ้นก่อนจึงมีการให้ หลักปฏิบัติเพื่อรักษาสิทธิมนุษยชนจึงถือว่า เมื่อบุคคลขอสัญชาติ หากไม่ขัดกฎหมายภายใน รัฐต้องให้

หรือหากคุณจะฝืนเถียงต่อไปอีกว่า ก็บางครั้งมีการให้โดยไม่ต้อขอก่อน เอ้า ถ้าเอาแบบนั้น ผมก็บอกเลยครับ แม้รัฐจะให้สัญชาติได้เองอย่างคุณว่า บุคคลเขาไม่รับสัญชาติที่รัฐให้ก็ได้ป็นสิทธิของเขานะครับ อย่างกรณีมาร์คนี้นะ ถ้าคุณยังฝืนบอกว่ารัฐอังกฤษเขาให้สัญชาติแล้วอัตโนมัติเพราะเกิดในอังกฤษ มาร์คก็ย่อมมีสิทธิบอกว่าเขาไม่รับหรอก เพราะเขาอยากมีแต่สัญชาติไทย

การให้นะ จะมาบังคับให้คนรับไม่ได้นะครับ เช่นใครโอนหนี้มาให้คุณรับ คณจะรับหนี้ที่เขาโอนมาไหม หรือใครเอาระเบิดที่กำลังจะรเบิดมาให้คุณ คุณจะรับไหมครับ

หากกฎหมายบัญญัติให้รัฐยัดเยียดสัญชาติได้จะต้องบัญญัติโดยต้องตัดคำว่า “สิทธิ” ออกไปดังนี้ “สัญชาติเป็นสิ่งที่รัฐต้องกำหนดแก่ประชาชน” ดังนั้น คุณอ้างเอาเองแบบผิดครับ น่าจะเพราะการมี mistaken belief หรือ Fallacy อีกเช่นเคยนั้นเองครับ



ประการที่ 3 Forum ฝรั่งที่คลอดลูกในไทยบ่งชัดเจนว่า เด็กต่างชาติไม่ได้สัญชาติไทย
จาก Forumที่ฝรั่งถกเรื่องการคลอดลูกในไทยของ คุณไปสรุปว่าไม่มีอะไรเกี่ยวกับสัญชาติไทยได้อย่างไรครับ เพราะประเด็นในนั้นคือทำไมเด็กต่างชาติอยู่ในไทยได้หากยังเป็นต่างชาติและไม่มีสัญชาติไทย

ในฟอรั่มนั้นเขาถกไว้ชัดเจนว่าเหตุผลที่เด็กน้อยแรกคลอดไม่ต้องมีวีซ่าแม้จะไม่มีสัญชาติไทยแรกเกิดมานั้น เป็นเพราะเหตุผลอื่นๆทั้งนั้นเช่นเด็กอายุไม่เข้าเกณท์ต้องมีวีซ่า ไม่มีใครบอกในนั้นเลยว่า ไม่ต้องวีซ่าเพราะเด็กได้เป็นคนสัญชาติไทยแล้ว (..หากเด็กเป็นคนสัญชาติไทยแน่นอนย่อมไม่ต้องมีวีซ่า...) แต่Forumนั้น ถกกันว่าเด็กที่เขาคลอดกันออกมา ไม่ต้องใช้วีซ่าด้วยเหตุผลอื่นไม่ใช่เพราะเด็กได้สัญชาติไทยไปแล้วโดยอัตโนมัติ( คลิก ) เป็นการสะท้อนอย่างชัดเจนว่า ไม่มีใครใน Forum นั้น พบว่าลูกตัวเองโดนประทับสัญชาติไทยโดยอัตโนมัติ หรือทำให้ไม่ต้องใช้วีซ่าเพราะความที่มีสัญชาติไทย ไม่มีใครยกเรื่องนี้มาสักคนเดียว มิหนำซ้ำมีคนหนึ่งคือ The Oncelor พูดไว้ชัดเจนดังนี้ว่า However, once they want to re-enter Thailand they WILL require a visa (remember, they aren't Thai citizens).

ดังนั้น  การที่คุณไปสรุปว่า "...Forumใน link ไม่สามารถเอามาอ้างอิงในบริบทที่กำลังอภิปรายกันอยู่ได้ครับ (ใน link มีชาวต่างชาติสงสัยเรื่อง visa สำหรับเด็กเกิดในไทย จึงมีคนมาตอบว่าเด็กไม่ต้องขอวีซ่า และแนะนำชาวต่างชาติเรื่องใบเกิด) การที่ไม่สรุปคำอธิบายของ link และนำมาใช้เป็นตัวอย่าง ก็เป็น fallacy” ......"  แสดงว่าคุณมีปัญหาในการสรุปความหมายให้ถูกต้องจากสิ่งที่ได้อ่าน หรือไม่ก็บิดเบือนอย่างแรงครับ เพราะผมได้สรุปความหายที่ตรงที่สุดของลิงค์นี้ไว้ในกระทู้ก่อนของผมแล้วว่า Forumนี้สรุปได้ว่า ไม่มีใครพบว่าลูกตัวเองมีสัญชาติไทยสักคน

และผมได้แจ้งในกระทู้นั้นแล้วว่าเหตุที่เอาเหตุการณ์ในเมืองมาให้ดูนั้น เพราะบทกฏหมายการให้สัญชาติไทยของไทย ก็คล้ายกับอังกฤษในปี 1948 ที่กำลังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่นี้ คือ คนเกิดในแผ่นดินไทยจะได้สัญชาติไทย เหมือนที่กฎหมายอังกฤษบัญญัติว่าคนเกิดในอังกฤษจะได้สัญชาติอังกฤษ ซึ่งทั้งสองกรณี จะต้องมีการใช้สิทธิ ไม่ใช่รัฐบังคับยัดเยียดเอาให้ได้ ซึ่งจากการที่ชาวต่างชาติถกกัน แสดงชัดว่าไม่มีการยัดเยียดสัญชาติให้ลูกของพวกเขา ดังนั้น การกล่าวหาที่ผิดพลาดของคุณต่อเรื่องนี้เป็นเพราะคุณมี mistaken belief หรือ Fallacy ที่น่าละอายนะผมว่า

ประการที่ 4 ความขัดแย้งกันในการให้ความเห็นของคุณเองเรื่องสิทธิ
คุณไปโพสต์ว่า “ผมบอกให้ชัดเจนเลยครับว่า ผมเห็นด้วยว่า สัญชาติเป็นสิทธิของบุคคล  และผมไม่ได้เข้าใจผิดในเรื่องนี้ครับ (จะอธิบายว่าอย่างไรอีกทีในภายหลังครับ)”

ความเห็น- ที่จริงตรงนี้ก็ควรจบแล้ว เพราะหากคุณยอมรับว่าสัญชาติเป็นสิทธิของบุคคลจริง ตามที่มันเป็นจริงๆแบบนั้น คุณก็คงไม่ไปฝืนกล่าวว่ารัฐสามารถประทับสัญชาติให้คนได้โดยเขาไม่ขอ แต่การให้ความเห็นต่อๆมาของคุณกลับไปขัดต่อเรื่องที่คุณอ้างว่า คุณเห็นด้วยว่าสัญชาติเป็นสิทธิของบุคคล เพราะหากคุณเห็นด้วยเช่นนั้นจริง คุณย่อมทราบว่า เมื่อสัญชาติเป็นสิทธิแล้ว ใครก็จะมาละเมิดหรือบังคับไม่ได้ แม้แต่รัฐ ดังนั้นที่คุณให้ความเห็นต่้อไป ว่า รัฐบังคับให้สิทธิสัญชาติแก่บุคคลได้ จึงเป็นการให้ความเห็นที่ขัดแย้งกันเองอย่างน่าตลก หรือไม่ก็แสดงว่าคุณไม่มีพื้นฐานความเข้าใจกฎหมายเรื่องของ สิทธิ เอาเสียเลย

การที่คุณไปโพสต์ว่า “คงเข้าใจกันไปว่า การที่ผมเคยอภิปรายว่า    รัฐอังกฤษต้องถือว่าพลเมือง (citizen) มีสถานะเป็นผู้มีสัญชาติ (Bristish Subject) = สัญชาติไม่ใช่สิทธิ”

ความเห็น-แบบนี้ก็ผิดเต็มประตูแล้ว เพราะกฎหมายเขาบัญญัติว่า หากมีสถานะพลเมืองอังกฤษก็จะมีสัญชาติอังกฤษ  จะมีนั้นคือ หากใช้สิทธิที่มีขอ รัฐก็จะให้ตามหลักกฎหมายสากล และไม่มีบทบัญญัติได้บัญญัติอย่างคุณว่า รัฐอังกฤษต้องถือว่าพลเมืองมีสถานะเป้นผู้มีสัญชาติ มีแต่ จะมีสถานะหากใช้สิทธินั้นต่างหาก

ที่คุณโพสต์ว่า “ให้สังเกตกันนิดหนึ่งว่าผมใช้คำว่า รัฐต้องถือว่าบุคคลมีสัญชาติของรัฐ  ทั้งนี้เพราะผมเห็นว่า น่าจะใช้เพื่อป้องกัน ไม่ให้รัฐปฏิเสธสัญชาติของบุคคลโดยอ้างว่า เพราะบุคคลไม่ได้ประกาศว่ารับสัญชาตินั้นๆ”
ความเห็น-คุณอ้างเอาเองลอยๆ ไม่มีบทความกฎหมายใดมาอ้างอิง คิดเอาเองเออเอาเองครับว่า “รัฐต้องถือว่าบุคคลมีสัญชาติของรัฐ”  ผมไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อนว่ามีเรื่องแบบนี้ เรื่องนี้ขอหลักฐานพิสูจน์ครับ ไม่เช่นนั้นต้องถือว่ามั่วออกมาเองนะครับ

สรุป

ดังนั้นการที่คุณแจ้งว่า “ถึงตอนนี้ผมก็ยังให้ความเห็นอยู่ในแนวเดิมอยู่ดีครับ ว่า ตามบริบทของ British Act รัฐอังกฤษต้องถือว่าพลเมืองอังกฤษมีสถานะของผู้มีสัญชาติอังกฤษ” นั้นก็คงเป็นสิทธิของคุณครับ แต่ผมขอวิจารณ์ว่าเป็นการให้ความเห็นที่ผิดพลาดเพราะคุณมีความผิดพลาดในการเข้าใจเรื่องนี้มาตั้งแต่คุณไปตีความ shall ว่าแปลว่า ต้อง แล้ว ซึ่งขัดกับหลักที่ให้สัญชาติเป็นสิทธิที่จะมีการละเมิดกันไม่ได้ และจะไม่มีคำว่าต้อง มีแต่คำว่าจะเต็มใจหรือไม่เท่านั้น  สัญชาติเป็นสิทธิ เมื่อเป็นสิทธิก็ย่อมไม่มีใครจะมาบังคับกันได้

และตราบเท่าที่ไม่ใช้สิทธิ ก็จะไปพิพากษาว่าเขาได้ใช้สิทธินั้นไปแล้วไม่ได้ และเรื่องนี้น่าจะเกิดจากการที่คุณไปตีความในบทความกฎหมายที่ว่า รัฐต้องใ้ห้สัญชาติแก่บุคคล โดยคุณคงไปตีความว่าเป็นการบังคับบุคคล แต่ในความจริง ความนั้นหมายถึงบังคับให้รัฐมีหน้าที่ต่อต้องให้สัญชาติแก่บุคคลเมื่อมีการขอที่ถูกกฎหมาย

รวมไปถึงเรื่องฟอรั่มที่คุณสรุปไม่เป็น ทั้งที่ฟอรั่มนั้น เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า ไม่มีต่างชาติคนใดมาคลอดลูกในไทยแล้วพบว่า ลูกของตนถูกประทับสัญชาติไทยเลย มีแต่บอกว่าให้รับทราบกันไว้ว่าลูกที่เกิดไม่มีสัญชาติไทย remember, they aren't Thai citizens

ดังนั้น ความเห็นของคุณจึงเต็มไปด้วยความผิดพลาดๆไปหมด ซึ่งผมก็คงเป็นสิทธิของคุณ แต่สังเกตุดูคุณพยายามใส่ความเรื่อง Fallacy นะ การณ์กลับกลายเป็นคุณเองนั้นแหละที่ให้ความเห็นที่ผิดพลาดมากมายครับ

อนึ่งผมขอให้คุณลองไปนั่งคิดทบทวนหลักตรรกง่ายๆว่า หากรัฐสามารถประทับสัญชาติให้แก่เด็กแรกเกิดโดยที่เขาหรือพ่อแม่เขาไม่ยินยอมแล้ว บนโลกใบนี้จะเกิดความวุ่นวายเพียงไร เพราะเด็กต้องกลับบ้านที่่อยู่ต่างแดนออกไป แต่เด็กกลับถูกผูกพันกับรัฐที่ตนไม่ได้มีความสมัครใจด้วย หากมีการเกณท์ทหารหรือการใดก็ตามที่เป็นหน้าที่ที่เขาต้องปฏิบัติ ก็คงเกิดความวุ่นวายโกลาหลบนโลกใบนี้ เพราะการไปฝืนละเมิดฝืนใจในสิ่งอันเป็นสิทธิพื้นฐานของมนุษยชาติ

ขอจบอภิปรายครับ และขอสรุปเช่นเดิมจากหลักกฎหมายและจากข้อเท็จจริงที่มีคนต่างชาติประสพ ว่า สัญชาตินั้นเป็นสิทธิพื้นฐานของมนุษย์ที่เขาจะใช้ รัฐไม่สามารถบังคับประทับตราเอาได้ และหากยังไม่ใช่สิทธิ ก็จะจะกล่าวว่าเขามีสัญชาติไม่ได้เพราะเขายังไม่ได้ขอใช้สิทธิเพื่อให้มีสัญชาตินั้น ดังที่นักกฎหมายอธิบายไว้แล้วนั้นเองครับ


     





 

ขอเข้ามาเพิ่มรายละเอียดเกี่ยวกับความเหมือนของหลักกฏหมายไทยและอังกฤษในการให้สัญชาติ และแต่งวรรคตอนในบางช่วงให้ขึ้นบรรทัดใหม่เพื่อให้อ่านได้ง่ายยิ่งขึ้นครับ
.

แก้ไขเมื่อ 18 ก.พ. 54 18:52:05

แก้ไขเมื่อ 18 ก.พ. 54 14:35:52

แก้ไขเมื่อ 18 ก.พ. 54 14:24:41

แก้ไขเมื่อ 18 ก.พ. 54 14:03:39

จากคุณ : thyrocyte
เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 54 13:27:29 A:58.137.0.146 X:



ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com